ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2013, 10:10:52 pm »ปักกิ่ง ร้านหรอยแห่งเมืองหอยใหญ่ สุราษฎร์ธานี
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374406547&grpid=&catid=09&subcatid=0908-
คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม โดย ปิ่นโตเถาเล็ก (ที่มา:มติชนรายวัน 21 ก.ค.2556)
เวลาไปต่างจังหวัดแล้วต้องการที่จะลิ้มลองของอร่อย วิธีที่ดีที่สุดคือควรให้เจ้าถิ่นเป็นคนแนะนำและพาไปชิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคพวกที่เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เขาเหล่านี้แหละที่จะทำให้ฝันของคุณกลายเป็นจริงได้
ซึ่งการมาเยือนสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านนายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี คุณธีระกิจ หวังมุทิตากุล กับเจ้าแอ้มเพื่อนรัก รองนายกเทศมนตรี พาไปกินร้านหรอยขึ้นชื่อประจำเมืองสุราษฎร์มานานนับ 30 ปี ตั้งแต่ปี 2526 ร้านนี้มีชื่อเหมือนเมืองหลวงของจีนว่า "ปักกิ่ง" แต่กลับเก่งเรื่องข้าวต้มปลาและอาหารทะเล
ร้านปักกิ่งจะเปิดยามโพล้เพล้ 6 โมงเย็นไปจนตี 2 ครึ่งของวันใหม่ ซึ่งทางไปร้านนั้นหาง่ายมาก เริ่มต้นที่ "ถนนดอนนก" ผ่านสี่แยกธารา (โรงแรมสยามธารา) ศาลหลักเมือง ไปจนถึงแยกไฟแดงถัดไปชื่อสี่แยกธรรมบูชา (วัดธรรมบูชา) ให้เลี้ยวขวาเข้า "ถนนชนเกษม" แล้ววิ่งตรงมาเพียง 500 เมตร ผ่านแยกทางเข้าเทศบาล ก็จะเห็นร้านปักกิ่งอยู่ทางขวามือ เยื้องกับธนาคารกรุงเทพและซอยชนเกษม 20
ท่านนายกเทศมนตรีบอกว่า กินมาตั้งแต่รุ่นพ่อทำร้าน พอตกดึกจะแวะมากินเครื่องในแพะตุ๋นยาจีน กินแล้วตาสว่างหายง่วง แต่ตอนนี้ที่ร้านจะเน้นเมนูข้าวต้มปลาและของทะเลต่างๆ ซึ่งจะไปจ่ายตลาดหาอาหารทะเลสดใหม่จากอ่าวไทยทุกวัน โดยจะหมดแล้วหมดเลยในแต่ละคืน
ทีเด็ดเมนูแรกของร้านปักกิ่งคือ "หอยแครงลวก" (90 บาท) เนื้อเด้งกรอบอร่อย จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะสีเขียวเข้ม ให้ความหวานจากน้ำกระเทียมดอง และหอมพริกตำสีเขียว ครบทุกรสเค็มเปรี้ยว (จากมะนาว) หวานเผ็ด เคล็ดลับอยู่ที่จังหวะในการลวกหอยแครง ต้องลวกในน้ำเดือดๆ และการกะเวลาในการลวกให้สุกกำลังดี
และห้ามพลาดเลยกับเมนู "ราวท้องปลากะพงลวก" (120 บาท) เป็นส่วนที่มันอร่อยที่สุดของปลากะพงเลยก็ว่าได้ เอามาทำแกงส้มก็อร่อย ซึ่งปลาลวกจานนี้มี "ไข่ปลา" เพิ่มความมันยกกำลังสองอีกต่างหาก จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดประจำร้านปักกิ่ง "เต้าเจี้ยวยำผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด" รสเค็มอมเปรี้ยว ไม่ออกหวาน
มาร้านนี้แล้วไม่ได้กินข้าวต้มปลาเหมือนมาไม่ถึงสุราษฎร์ฯ เลยสั่ง "ข้าวต้มรวมมิตรทะเล" ใส่กุ้ง หมึก ปูม้า แมงกะพรุน และปลากะพง ซึ่งสนนราคาเท่ากันหมดไม่ว่าจะเลือกอะไร ชามละ 70 บาท ถ้าต้องการเพิ่มอะไรพิเศษ ก็เพิ่มราคาไป บางครั้งก็มีปลาจะละเม็ดด้วย
น้ำซุปข้าวต้มรวมมิตรทำจากน้ำต้มกระดูกหมูรสเช็งนุ่มนวล ปรุงด้วยบะเต็งหมูสามชั้นผัดซีอิ๊ว ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว ตั้งฉ่าย และที่ขาดไม่ได้คือข่าป่น กินกับเต้าเจี้ยวยำผสมน้ำจิ้มซีฟู้ดเช่นกัน พิเศษไปกว่านั้นคือมี "หัวปลากะพง" อีกด้วย สั่งมากินเป็นเกาเหลา (90-120 บาท) ต่างหากได้ หรือจะสั่งเกาเหลาแห้งเช่น "เกาเหลาแห้งปลากะพง" ปรุงด้วยข่าป่นหอมๆ ก็สะใจได้กินเต็มปากเต็มคำ และแมงกะพรุนกรอบอร่อยเสียจนพวกเราทนไม่ได้ต้องสั่ง "แมงกะพรุนลวก" (90 บาท) มาอีก 1 จานด้วย
ของดีอีกอย่างที่ห้ามพลาดคือปลาจะละเม็ด ซึ่งเราสั่งทำ "ปลาจะละเม็ดนึ่งบ๊วย" (280-320 บาท) คุณฮั้วทายาทรุ่น 2 บอกว่า ต้องตัวเล็กขนาดไม่เกินครึ่งกิโล จึงจะกินอร่อยเนื้อหวานมัน นึ่งกับบ๊วยเปรี้ยวสดชื่น หรือจะทอดกรอบ นึ่งซีอิ๊วก็ได้เช่นกัน ตามด้วย "ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย" (90 บาท) ใช้เนื้อท้องปลากะพง นำมาทอดก่อนแล้วค่อยผัดกับขึ้นฉ่าย เนื้อมันๆ หอมๆ อร่อยเด็ด อีกทั้งเมนู "หน่อไม้ทะเลผัดกุ้ง" ก็น่าลิ้มลอง
มีเมนูดังที่ไม่ใช่อาหารทะเล "ขาเป็ดอบหมี่ซั่ว" (80-100 บาท) แทนที่จะเป็นบะหมี่ สูตรนี้ใช้หมี่ซั่วจึงกินแล้วลื่นคอเส้นนุ่มเนียนเจริญอาหาร ขาเป็ดนี่เป็นขาเป็ดไทยนี่แหละ อบจนเครื่องซึมเข้าเนื้อแต่ไม่นานเกินไปจนไหม้ เปื่อยกำลังดี นอกจากนี้ยังมี "เป็ดพะโล้" สูตรแต้จิ๋ว (100-200) ตลอดจน "ไส้ตันทอดกระเทียม" ที่น่าลองอีกต่างหาก
มีของกินที่ขึ้นกระดานเมนูไว้อีกหลายอย่าง เชิญเลือกกันตามสบาย อย่าลืมคราวหน้ามาเยือนสุราษฎร์ฯเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะมาชิมให้ได้ รับรองติดใจจนอยากย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เลยทีเดียวเชียว
ปักกิ่ง
โดย คุณวีระยุทธ (ฮั้ว) ลีละวงศ์
ที่ตั้ง 236 ถนนชนเกษม (ตรงข้ามซอยชนเกษม 20) ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000
โทร. 08-1676-6999
เปิดบริการ 18.00-02.30 น. ทุกวัน
หยุด เฉพาะมีธุระ
แนะนำ หอยแครงลวก ราวท้องปลากะพงลวก ข้าวต้มรวมมิตรทะเล เกาเหลาหัวปลากะพง แมงกะพรุนลวก ปลาจะละเม็ดนึ่งบ๊วย ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย ขาเป็ดอบหมี่ซั่ว หน่อไม้ทะเลผัดกุ้ง
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374406547&grpid=&catid=09&subcatid=0908-
คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม โดย ปิ่นโตเถาเล็ก (ที่มา:มติชนรายวัน 21 ก.ค.2556)
เวลาไปต่างจังหวัดแล้วต้องการที่จะลิ้มลองของอร่อย วิธีที่ดีที่สุดคือควรให้เจ้าถิ่นเป็นคนแนะนำและพาไปชิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคพวกที่เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เขาเหล่านี้แหละที่จะทำให้ฝันของคุณกลายเป็นจริงได้
ซึ่งการมาเยือนสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านนายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี คุณธีระกิจ หวังมุทิตากุล กับเจ้าแอ้มเพื่อนรัก รองนายกเทศมนตรี พาไปกินร้านหรอยขึ้นชื่อประจำเมืองสุราษฎร์มานานนับ 30 ปี ตั้งแต่ปี 2526 ร้านนี้มีชื่อเหมือนเมืองหลวงของจีนว่า "ปักกิ่ง" แต่กลับเก่งเรื่องข้าวต้มปลาและอาหารทะเล
ร้านปักกิ่งจะเปิดยามโพล้เพล้ 6 โมงเย็นไปจนตี 2 ครึ่งของวันใหม่ ซึ่งทางไปร้านนั้นหาง่ายมาก เริ่มต้นที่ "ถนนดอนนก" ผ่านสี่แยกธารา (โรงแรมสยามธารา) ศาลหลักเมือง ไปจนถึงแยกไฟแดงถัดไปชื่อสี่แยกธรรมบูชา (วัดธรรมบูชา) ให้เลี้ยวขวาเข้า "ถนนชนเกษม" แล้ววิ่งตรงมาเพียง 500 เมตร ผ่านแยกทางเข้าเทศบาล ก็จะเห็นร้านปักกิ่งอยู่ทางขวามือ เยื้องกับธนาคารกรุงเทพและซอยชนเกษม 20
ท่านนายกเทศมนตรีบอกว่า กินมาตั้งแต่รุ่นพ่อทำร้าน พอตกดึกจะแวะมากินเครื่องในแพะตุ๋นยาจีน กินแล้วตาสว่างหายง่วง แต่ตอนนี้ที่ร้านจะเน้นเมนูข้าวต้มปลาและของทะเลต่างๆ ซึ่งจะไปจ่ายตลาดหาอาหารทะเลสดใหม่จากอ่าวไทยทุกวัน โดยจะหมดแล้วหมดเลยในแต่ละคืน
ทีเด็ดเมนูแรกของร้านปักกิ่งคือ "หอยแครงลวก" (90 บาท) เนื้อเด้งกรอบอร่อย จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะสีเขียวเข้ม ให้ความหวานจากน้ำกระเทียมดอง และหอมพริกตำสีเขียว ครบทุกรสเค็มเปรี้ยว (จากมะนาว) หวานเผ็ด เคล็ดลับอยู่ที่จังหวะในการลวกหอยแครง ต้องลวกในน้ำเดือดๆ และการกะเวลาในการลวกให้สุกกำลังดี
และห้ามพลาดเลยกับเมนู "ราวท้องปลากะพงลวก" (120 บาท) เป็นส่วนที่มันอร่อยที่สุดของปลากะพงเลยก็ว่าได้ เอามาทำแกงส้มก็อร่อย ซึ่งปลาลวกจานนี้มี "ไข่ปลา" เพิ่มความมันยกกำลังสองอีกต่างหาก จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดประจำร้านปักกิ่ง "เต้าเจี้ยวยำผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด" รสเค็มอมเปรี้ยว ไม่ออกหวาน
มาร้านนี้แล้วไม่ได้กินข้าวต้มปลาเหมือนมาไม่ถึงสุราษฎร์ฯ เลยสั่ง "ข้าวต้มรวมมิตรทะเล" ใส่กุ้ง หมึก ปูม้า แมงกะพรุน และปลากะพง ซึ่งสนนราคาเท่ากันหมดไม่ว่าจะเลือกอะไร ชามละ 70 บาท ถ้าต้องการเพิ่มอะไรพิเศษ ก็เพิ่มราคาไป บางครั้งก็มีปลาจะละเม็ดด้วย
น้ำซุปข้าวต้มรวมมิตรทำจากน้ำต้มกระดูกหมูรสเช็งนุ่มนวล ปรุงด้วยบะเต็งหมูสามชั้นผัดซีอิ๊ว ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว ตั้งฉ่าย และที่ขาดไม่ได้คือข่าป่น กินกับเต้าเจี้ยวยำผสมน้ำจิ้มซีฟู้ดเช่นกัน พิเศษไปกว่านั้นคือมี "หัวปลากะพง" อีกด้วย สั่งมากินเป็นเกาเหลา (90-120 บาท) ต่างหากได้ หรือจะสั่งเกาเหลาแห้งเช่น "เกาเหลาแห้งปลากะพง" ปรุงด้วยข่าป่นหอมๆ ก็สะใจได้กินเต็มปากเต็มคำ และแมงกะพรุนกรอบอร่อยเสียจนพวกเราทนไม่ได้ต้องสั่ง "แมงกะพรุนลวก" (90 บาท) มาอีก 1 จานด้วย
ของดีอีกอย่างที่ห้ามพลาดคือปลาจะละเม็ด ซึ่งเราสั่งทำ "ปลาจะละเม็ดนึ่งบ๊วย" (280-320 บาท) คุณฮั้วทายาทรุ่น 2 บอกว่า ต้องตัวเล็กขนาดไม่เกินครึ่งกิโล จึงจะกินอร่อยเนื้อหวานมัน นึ่งกับบ๊วยเปรี้ยวสดชื่น หรือจะทอดกรอบ นึ่งซีอิ๊วก็ได้เช่นกัน ตามด้วย "ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย" (90 บาท) ใช้เนื้อท้องปลากะพง นำมาทอดก่อนแล้วค่อยผัดกับขึ้นฉ่าย เนื้อมันๆ หอมๆ อร่อยเด็ด อีกทั้งเมนู "หน่อไม้ทะเลผัดกุ้ง" ก็น่าลิ้มลอง
มีเมนูดังที่ไม่ใช่อาหารทะเล "ขาเป็ดอบหมี่ซั่ว" (80-100 บาท) แทนที่จะเป็นบะหมี่ สูตรนี้ใช้หมี่ซั่วจึงกินแล้วลื่นคอเส้นนุ่มเนียนเจริญอาหาร ขาเป็ดนี่เป็นขาเป็ดไทยนี่แหละ อบจนเครื่องซึมเข้าเนื้อแต่ไม่นานเกินไปจนไหม้ เปื่อยกำลังดี นอกจากนี้ยังมี "เป็ดพะโล้" สูตรแต้จิ๋ว (100-200) ตลอดจน "ไส้ตันทอดกระเทียม" ที่น่าลองอีกต่างหาก
มีของกินที่ขึ้นกระดานเมนูไว้อีกหลายอย่าง เชิญเลือกกันตามสบาย อย่าลืมคราวหน้ามาเยือนสุราษฎร์ฯเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะมาชิมให้ได้ รับรองติดใจจนอยากย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เลยทีเดียวเชียว
ปักกิ่ง
โดย คุณวีระยุทธ (ฮั้ว) ลีละวงศ์
ที่ตั้ง 236 ถนนชนเกษม (ตรงข้ามซอยชนเกษม 20) ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000
โทร. 08-1676-6999
เปิดบริการ 18.00-02.30 น. ทุกวัน
หยุด เฉพาะมีธุระ
แนะนำ หอยแครงลวก ราวท้องปลากะพงลวก ข้าวต้มรวมมิตรทะเล เกาเหลาหัวปลากะพง แมงกะพรุนลวก ปลาจะละเม็ดนึ่งบ๊วย ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย ขาเป็ดอบหมี่ซั่ว หน่อไม้ทะเลผัดกุ้ง