ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 08:58:19 am »เตือนภัย...โรคหน้าฝน
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/article/1490/223636-
ประเทศไทยช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน โรคภัยไข้เจ็บในฤดูฝนนี้มีหลายชนิด โดยเฉพาะโรคติดเชื้อบางชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็วและมีโอกาสทำให้คนป่วยเสียชีวิตได้ โรคที่มากับฤดูฝนที่จะกล่าวในที่นี้คือ
1. โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้านหรือบริเวณรอบบ้าน อาการจะเริ่มด้วยไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว เบื่ออาหาร ถ้าเป็นมากเกล็ดเลือดจะต่ำและทำให้เลือดออกในร่างกายและเสียชีวิตได้ นั่นคือที่มาของชื่อไข้เลือดออก แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันท่วงที จะไม่มีปัญหารุนแรงนี้ ยังมีโรคอื่นที่มากับยุงได้ เช่น โรคสมองอักเสบ โรคมาลาเรีย โรคผิวหนังอักเสบจากยุงกัด ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันยุงกัด โดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีแหล่งที่มีน้ำขังในบริเวณบ้านหรือชุมชน นอนกางมุ้งหรือใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกันยุงกัด ใช้ครีมกันยุง ให้ความรู้กับคนในครอบครัวและในชุมชนในเรื่องโรคที่มากับยุง
2. โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เนื่องจากมีความชื้นในอากาศสูงขึ้น มีโอกาสได้รับเชื้อมากขึ้น โรคที่เด่นในกลุ่มนี้คือไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โรคนี้สามารถติดต่อแพร่ขยายได้อย่างรวดเร็ว ถ้าตรวจพบในระยะแรกแพทย์จะให้ยาต้านไวรัสจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดลงได้ นอกจากนี้โรคที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไข้หวัดนก เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงทำให้พบมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้ จึงควรติดตามข่าวสารเป็นประจำ
3. โรคที่มากับน้ำ เช่น โรคท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบเอ ไข้ไทฟอยด์ สาเหตุเกิดจากกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ขาดน้ำ มีไข้ ซึ่งควรระมัดระวังโดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ มีโรคที่มากับน้ำและเชื้อโรคสามารถผ่านบาดแผลหรือผิวหนัง คือเลปโตสไปโรซิส หรือ ไข้ฉี่หนู อาการเด่น คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตาแดง ถ้ารุนแรงอาจถึงไตวายและเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ถ้าจำเป็นต้องมีการป้องกันน้ำที่จะสัมผัสกับผิวหนังให้ดีและทำความสะอาดถ้าสัมผัสหรือลุยน้ำมาแล้ว นอกจากนี้อาจพบโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา
4. อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำ ที่พบบ่อยในหน้าฝน เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์เนื่องจากถนนลื่น อุบัติเหตุในบ้านก็เกิดได้ เช่น พื้นลื่นจากฝน มีโอกาสหก ล้มได้ อันตรายจากสัตว์มีพิษก็พบได้ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง แมลงมีพิษ ที่หนีน้ำมาอยู่ในพื้นที่ที่คนอาศัยอยู่
ดังนั้นในช่วงนี้ถ้าท่านไม่สบายโดยเฉพาะมีไข้ อาจเกิดจากโรคติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่งที่กล่าวมาแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง ไม่ควรใช้ยาบางชนิดเอง เช่น แอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้นได้ โดยเฉพาะในโรคไข้เลือดออก หากถูกฝนควรทำให้ร่างกายแห้งและอบอุ่นโดยเร็ว ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ระวังอุบัติเหตุจากฝนหรือน้ำ ท่านก็สามารถใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงในหน้าฝนได้ครับ.
นายแพทย์ถนัด ไพศาขมาศ (อายุรแพทย์)
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/article/1490/223636-
ประเทศไทยช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน โรคภัยไข้เจ็บในฤดูฝนนี้มีหลายชนิด โดยเฉพาะโรคติดเชื้อบางชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็วและมีโอกาสทำให้คนป่วยเสียชีวิตได้ โรคที่มากับฤดูฝนที่จะกล่าวในที่นี้คือ
1. โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้านหรือบริเวณรอบบ้าน อาการจะเริ่มด้วยไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว เบื่ออาหาร ถ้าเป็นมากเกล็ดเลือดจะต่ำและทำให้เลือดออกในร่างกายและเสียชีวิตได้ นั่นคือที่มาของชื่อไข้เลือดออก แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันท่วงที จะไม่มีปัญหารุนแรงนี้ ยังมีโรคอื่นที่มากับยุงได้ เช่น โรคสมองอักเสบ โรคมาลาเรีย โรคผิวหนังอักเสบจากยุงกัด ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันยุงกัด โดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีแหล่งที่มีน้ำขังในบริเวณบ้านหรือชุมชน นอนกางมุ้งหรือใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกันยุงกัด ใช้ครีมกันยุง ให้ความรู้กับคนในครอบครัวและในชุมชนในเรื่องโรคที่มากับยุง
2. โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เนื่องจากมีความชื้นในอากาศสูงขึ้น มีโอกาสได้รับเชื้อมากขึ้น โรคที่เด่นในกลุ่มนี้คือไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โรคนี้สามารถติดต่อแพร่ขยายได้อย่างรวดเร็ว ถ้าตรวจพบในระยะแรกแพทย์จะให้ยาต้านไวรัสจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดลงได้ นอกจากนี้โรคที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไข้หวัดนก เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงทำให้พบมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้ จึงควรติดตามข่าวสารเป็นประจำ
3. โรคที่มากับน้ำ เช่น โรคท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบเอ ไข้ไทฟอยด์ สาเหตุเกิดจากกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ขาดน้ำ มีไข้ ซึ่งควรระมัดระวังโดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ มีโรคที่มากับน้ำและเชื้อโรคสามารถผ่านบาดแผลหรือผิวหนัง คือเลปโตสไปโรซิส หรือ ไข้ฉี่หนู อาการเด่น คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตาแดง ถ้ารุนแรงอาจถึงไตวายและเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ถ้าจำเป็นต้องมีการป้องกันน้ำที่จะสัมผัสกับผิวหนังให้ดีและทำความสะอาดถ้าสัมผัสหรือลุยน้ำมาแล้ว นอกจากนี้อาจพบโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา
4. อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำ ที่พบบ่อยในหน้าฝน เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์เนื่องจากถนนลื่น อุบัติเหตุในบ้านก็เกิดได้ เช่น พื้นลื่นจากฝน มีโอกาสหก ล้มได้ อันตรายจากสัตว์มีพิษก็พบได้ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง แมลงมีพิษ ที่หนีน้ำมาอยู่ในพื้นที่ที่คนอาศัยอยู่
ดังนั้นในช่วงนี้ถ้าท่านไม่สบายโดยเฉพาะมีไข้ อาจเกิดจากโรคติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่งที่กล่าวมาแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง ไม่ควรใช้ยาบางชนิดเอง เช่น แอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้นได้ โดยเฉพาะในโรคไข้เลือดออก หากถูกฝนควรทำให้ร่างกายแห้งและอบอุ่นโดยเร็ว ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ระวังอุบัติเหตุจากฝนหรือน้ำ ท่านก็สามารถใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงในหน้าฝนได้ครับ.
นายแพทย์ถนัด ไพศาขมาศ (อายุรแพทย์)