ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2013, 03:26:59 pm »ท่านเว่ยหลาง
...เมื่อสิ่งเหล่านี้ มีอยู่ในเราแล้ว เรื่องของมันก็คือ
ทำให้เห็นแจ้งออกมา ไม่ใช่เที่ยววิ่งแสวงหา
""""""""""""""""
ก็การที่เพียงแต่พูดกันถึงอาหาร ย่อมไม่อาจบำบัดความหิวได้ฉันใด
ในกรณีของบุคคลผู้เอ่ยถึงปรัชญาแต่ปาก ก็ไม่อาจขจัดความมืดบอดได้ฉันนั้น
"""""""""""""""""""
เราอาจพูดกันถึงเรื่อง สุญญตา (ความว่าง) เป็นเวลาตั้งแสนกัลป์ก็ได้
แต่ว่าลำพังการพูดอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราเห็นแจ่มแจ้งในจิตเดิมแท้ได้
""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ในขณะที่คนที่ไร้ปัญญากำลังพากันท่องนามของอามิตาภะและอ้อนวอน
ขอให้ได้เกิดในแดนบริสุทธิ์อยู่นั้น
คนฉลาดก็พากันชำระใจของเขาให้สะอาดแทน เพราะเหตุที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า
เมื่อใจบริสุทธิ์ แดนแห่งพระพุทธเจ้าก็บริสุทธิ์พร้อมกัน
""""""""""""""""""""""""
การเถียงกันย่อมหมายถึง ความดิ้นรนจะเป็นฝ่ายชนะ
ย่อมเสริมกำลังให้แก่ความยึดมั่นถือมั่นว่า ตัวตน
และย่อมจะผูกพันเราไว้กับความยึดถือ
ด้วยความสำคัญว่าตัวตน ว่าสัตว์ ว่าชีวะ ว่าบุคคล
"""""""""""""""""""""""""
ในการฝึกความนึกคิดของตัวเอง ปล่อยให้อดีตเป็นอดีต
ถ้าเราเผลอให้ความคิดของเรา ที่เป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
มาจัดติดต่อกันเป็นห่วงโซ่แล้ว ก็หมายความว่าเราจับตัวเองใส่กรงขัง
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ผู้ที่สามารถรักษาจิตของตนไว้ไม่ให้ปั่นป่วนได้ ไม่ว่าจะ
อยู่ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมชนิดไหนหมด นั่นแหละ ชื่อว่า
ได้บรรลุถึงสมาธิ
""""""""""""""""""""""""""
ไม่ว่าสถานการณ์อันใดจะเข้ามาแวดล้อมใจ ก็ไม่ถูกทำให้เปื้อน
ด้วยวัตถุกามารมณ์อันน่าขยะแขยงด้วยความทะเยอทะยานอยากและตัณหา
นั่นแหละ คือคุณชาติอันประเสริญสุดของการได้มาเป็นคน
Post By... Butsaya
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คัดลอกและนำมาเผยแผ่โดย คุณธารน้ำใส :
: dhammajak.net วันที่ 12 ก.พ 2555
: tamdee.net/content/พระอาจารย์ชยสาโร-ท่านเว่ยหลาง-10-28-152