ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 01, 2013, 08:47:51 am »ขู่พ่อค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าปรับ 1.4 แสนบาท
-http://www.dailynews.co.th/businesss/229910-
พาณิชย์สั่งเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศตรวจสอบราคาสินค้า 1 ก.ย. พร้อมขู่พ่อค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาติดคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ยันแก๊สแอลพีจีขึ้น 6 บาทต่อกก. มีผลต่อต้นทุนอาหารเพียง 10 สต.ต่อจาน
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์เรื่องของค่าครองชีพอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค หลังจากที่ราคาแอลพีจีปรับขึ้น 50 สต.ต่อกก. ค่าทางด่วนปรับขึ้น 5-10 บาท ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ รวมถึงการปรับขึ้นค่าของค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ก.ย. นี้ ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้านั้นมั่นใจผู้ผลิตสินค้ายังไม่มีการปรับขึ้นราคาถึงสิ้นปีตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือ รวมถึงในช่วงนี้ประชาชนมีการใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากยังมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลก ก็ยิ่งทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า
“ภาพรวมราคาสินค้าขณะนี้ส่วนใหญ่ยังทรงตัว และสินค้าบางชนิดก็มีการปรับลดราคาลงตามสภาวะการเช่น ราคาปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย เป็นต้น ยกเว้นราคาไข่ไก่ที่มีการปรับสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยราคาไข่ไก่คละเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 3.60-3.70บาท ซึ่งไม่ถึงฟองละ 5 บาทตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ในขณะที่เนื้อหมูเฉลี่ยอยู่ที่ราคา กก.ละ 130-140 บาท ซึ่งราคาที่มีการกล่าวอ้างว่าสูงถึง กก.ละ 150-170 บาทนั้นจะเป็นราคาเนื้อหมูตัดแต่ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสุ่มตรวจสอบราคาอาหารทั่วประเทศ หลังจากที่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน เดือนละ 50 สต.ต่อกก. เป็นเวลา 12 เดือนหรือจาก 18.13 บาท เป็น 24.82 บาทต่อกก. เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านอาหารและร้านขายข้าวแกงฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา เนื่องจากกระทรวงพลังงานเผยศึกษาว่าการปรับราคาแอลพีจีไม่ได้กระทบต่อต้นทุนอาหารมากนัก
ทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าหากขยับราคาก๊าซฯ เดือนละ 50 สต.ต่อ กก. จะกระทบต้นทุนอาหาร 1.5 สต.ต่อจาน และหากปรับราคาครบ 6 บาทต่อกก. จะกระทบต้นทุนอาหารที่ 10 สต.ต่อจาน ดังนั้นผู้ขายอาหารจะอ้างว่าราคาก๊าซฯ กระทบต้นทุนไม่ได้
“หากพบว่าร้านอาหารร้านใดแอบฉวยโอกาสในการปรับขึ้นราคาอาหารในลักษณะค้ากำไรเกินควรก็จะมีโทษไม่จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
-http://www.dailynews.co.th/businesss/229910-
พาณิชย์สั่งเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศตรวจสอบราคาสินค้า 1 ก.ย. พร้อมขู่พ่อค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาติดคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ยันแก๊สแอลพีจีขึ้น 6 บาทต่อกก. มีผลต่อต้นทุนอาหารเพียง 10 สต.ต่อจาน
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์เรื่องของค่าครองชีพอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค หลังจากที่ราคาแอลพีจีปรับขึ้น 50 สต.ต่อกก. ค่าทางด่วนปรับขึ้น 5-10 บาท ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ รวมถึงการปรับขึ้นค่าของค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ก.ย. นี้ ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้านั้นมั่นใจผู้ผลิตสินค้ายังไม่มีการปรับขึ้นราคาถึงสิ้นปีตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือ รวมถึงในช่วงนี้ประชาชนมีการใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากยังมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลก ก็ยิ่งทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า
“ภาพรวมราคาสินค้าขณะนี้ส่วนใหญ่ยังทรงตัว และสินค้าบางชนิดก็มีการปรับลดราคาลงตามสภาวะการเช่น ราคาปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย เป็นต้น ยกเว้นราคาไข่ไก่ที่มีการปรับสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยราคาไข่ไก่คละเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 3.60-3.70บาท ซึ่งไม่ถึงฟองละ 5 บาทตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด ในขณะที่เนื้อหมูเฉลี่ยอยู่ที่ราคา กก.ละ 130-140 บาท ซึ่งราคาที่มีการกล่าวอ้างว่าสูงถึง กก.ละ 150-170 บาทนั้นจะเป็นราคาเนื้อหมูตัดแต่ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสุ่มตรวจสอบราคาอาหารทั่วประเทศ หลังจากที่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือน เดือนละ 50 สต.ต่อกก. เป็นเวลา 12 เดือนหรือจาก 18.13 บาท เป็น 24.82 บาทต่อกก. เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านอาหารและร้านขายข้าวแกงฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา เนื่องจากกระทรวงพลังงานเผยศึกษาว่าการปรับราคาแอลพีจีไม่ได้กระทบต่อต้นทุนอาหารมากนัก
ทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าหากขยับราคาก๊าซฯ เดือนละ 50 สต.ต่อ กก. จะกระทบต้นทุนอาหาร 1.5 สต.ต่อจาน และหากปรับราคาครบ 6 บาทต่อกก. จะกระทบต้นทุนอาหารที่ 10 สต.ต่อจาน ดังนั้นผู้ขายอาหารจะอ้างว่าราคาก๊าซฯ กระทบต้นทุนไม่ได้
“หากพบว่าร้านอาหารร้านใดแอบฉวยโอกาสในการปรับขึ้นราคาอาหารในลักษณะค้ากำไรเกินควรก็จะมีโทษไม่จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”