ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2013, 07:43:37 am »วิธีเลือกซื้อ LCD TV หรือ Plasma TV แบบไหนดีกว่ากัน
-http://www.boransat.net/board/index.php?topic=5.0-
วิธีเลือกซื้อ LCD TV หรือ Plasma TV แบบไหนดีกว่ากัน
จอธรรมดาทั่วไป ที่ทั้งอ้วน-หนา-หนัก นั้นเรียกว่า จอ CRT (Crystal Ray Tube) มีอัตราส่วนจอเป็น 4:3 แต่ส่วน Plasma และ LCD นั้นเป็นจอภาพแสดงผลแบบ "บาง" ทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่มีอัตราส่วนจอเป็น 16:9 (มี LCD บางรุ่นเล็กที่เป็น 4:3) แต่มีวิธีการสร้างภาพไม่เหมือนกัน คือ
LCD - เป็นจอภาพที่แสดงผลแบบ TFT ภายในเป็นกระจก 2 ชั้นบรรจุของเหลว ที่ตกผลึกเฉพาะจุดที่ได้รับกระแสไฟฟ้าหรือความร้อน หรือที่เรียกว่า Pixel นิยมใช้ในจอคอมพิวเตอร์
Plasma - หลักการทำงานคล้าย LCD แต่ใช้แก๊สบรรจุในแผ่นกระจกแทนของเหลว
จุดเด่นของ Plasma
1. มุมมองการรับชม
Plasma สามารถรับชมภาพได้ชัดเจนจากทุกมุมมอง คือมองภาพจากด้านซ้าย-ขวา หรือยืนดู นอนดู ได้หมดครับ ...ในขณะที่ LCD ทั่วไป ถ้าไม่ได้มองภาพตรงๆ ภาพจะมืดลงครับ
2. Contrast Ratio (อัตราส่วนความแตกต่างระหว่างภาพมืดสุด-ถึง-สว่างสุด)
Plasma มักจะมี Contrast ที่ดีกว่า LCD ...ถ้า Contrast ต่ำ ภาพสีดำก็จะไม่ดำสนิท เช่นเดียวกับสีขาวก็จะไม่ขาวสนิท)
3. Response Time (ความเร็วในการตอบสนองเพื่อแสดงผลภาพ)
Plasms มีค่า Response Time ต่ำกว่า LCD ...ค่านี้ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดีครับ เพราะถ้าหากค่ามากภาพเคลื่อนไหวจะเห็นมีเงาวิ่งตามภาพ
4. ราคาและขนาด
ราคาเทียบกันต่อนิ้วแล้ว Plasma จะมีราคาต่ำกว่า LCD และขนาดจะมีไปถึงขนาดใหญ่กว่า
- LCD TV จะผลิตตั้งแต่ 15" - 45"
- Plasma TV จะผลิตตั้งแต่ 37" - 60"
จุดเด่นของ LCD
1. Resolution (ความละเอียดของหน้าจอ)
- Plasma ส่วนใหญ่จะมีความละเอียดที่ W-VGA 852x480 พิกเซล
- LCD ส่วนใหญ่จะมีความละเอียดมากกว่าที่ W-XGA (1,366x768) หรือสูงกว่านี้ก็มีครับ
2. Dot Pitch (ระยะห่างระหว่างจุดสี)
ของ LCD มีค่าน้อยกว่า คือยิ่งค่าน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะหมายถึงระยะห่างระหว่างจุดใกล้กันกว่า ทำให้เวลานำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ ภาพของ LCD จะละเอียดกว่า
3. Brightness (ความสว่าง)
LCD มีความสว่างที่ดีกว่า Plasma เป็นจุดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
4. แสงสะท้อน บนผิวหน้าจอ
ทั้งทีวีจอแก้ว (CRT) หรือ Plasma TV หน้าจอจะเป็นกระจก ซึ่งแน่นอนว่าสะท้อนแสงแน่ๆครับ ถ้าห้องเราเปิดไฟไว้ เราจะเห็นหลอดไฟบนหน้าจอ และในฉากมืดๆ เรายังจะมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเราเองด้วยซ้ำครับ
LCD TV หน้าจอไม่ใช่กระจกครับ จึงไม่สะท้อนแสงแน่นอน ภาพจึงไม่มีแสงสะท้อนรบกวนคุณภาพของภาพครับ
5. ไม่มีอาการจอไหม้
Plasma TV ถ้าเปิดภาพใดภาพหนึ่งแช่ไว้นานๆ โดยไม่เปลี่ยนภาพ เช่น เปิดภาพที่เป็นจอกว้าง มีแถบดำด้านบน-ล่างของจอ หรือเปิดเกมที่มีการแสดงคะแนน ฯลฯ ค้างบนจอในจุดเดียวนานๆ จะเกิดอาการ "จอไหม้" ได้ครับ คือ ภาพที่เปิดแช่นั้นมันจะค้าง ถึงเราเปลี่ยนไปดูภาพอื่นแล้ว แต่ยังจะเห็นภาพนั้นลางๆค้างอยู่ ส่วน LCD TV จะไม่เป็นอาการนี้ครับ เค้าจึงนิยมเอามาใช้เป็นจอคอมพิวเตอร์ไงครับ
6. ประหยัดไฟ และการแผ่รังสีความร้อนต่ำกว่า
LCD ประหยัดไฟกว่า Plasma ประมาณ 40% ในขนาดเดียวกัน และยังแผ่ความร้อนออกมาน้อยกว่าด้วยครับ Plasma ที่เปิดทิ้งไว้สักพัก ลองไปยืนใกล้ๆดูครับ ร้อนวูบเลยล่ะ
พูดถึง SONY BRAVIA
สำหรับ LCD TV ของ Sony จะอยู่ในตระกูล "BRAVIA" โดยช่วงแรกจะมีทั้งหมด 9 รุ่นนะครับ จะแบ่งเป็น
- B-Series 15", 20"
- S-Series 23", 26", 32", 40"
- V-Series 26", 32", 40"
ที่น่าสนใจสุดคือ S-Series ด้วยราคา ขนาดและคุณภาพที่เหมาะสม
- ความละเอียด = WXGA (1366x768 พิกเซล)
- ความสว่าง = 500 cd/m2
- Contrast Ratio = 1,000 : 1
- Response Time = 8 ms
นอกจากนี้ S-Series ยังมี Contrast ที่ดีมากครับ เพราะปกติแล้ว LCD TV ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จะมีจุดอ่อนอยู่ที่ Contrast ทุกที คือฉากมืดสีดำ มักจะไม่ดำ แต่จะออกเป็นสีเทาๆไปซะ แต่สำหรับรุ่นนี้ Contrast Ratio 1,000 : 1 (ดูตัวเลขอาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะ Plasma TV เค้าโฆษณากันระดับ 10,000 : 1 กันแล้ว) แต่ปรากฏว่าพอนำมาเปรียบเทียบภาพระหว่าง
- Bravia LCD สเปก 1,000 : 1 กับ
- Plasma TV สเปก 10,000 : 1
ภาพของ LCD รุ่นนี้กลับมี Contrast ที่ดำสนิทมากกว่า Plasma ซะอีกครับ ถือว่า Contrast ไม่ใช่ปัญหาของ LCD TV รุ่นนี้แล้วล่ะครับ
เรื่องความสว่างของ LCD TV ไม่ค่อยเป็นปัญหาอยู่แล้วครับเพราะเป็นจุดเด่นของจอภาพแบบ LCD นี้ ส่วนด้านความละเอียดนั้น ปกติ LCD TV ทั่วไปมักจะมีความละเอียดน้อยแค่ XVGA แต่กับ S-Series ทุกรุ่นจะใช้จอที่มีความละเอียด WXGA ซึ่งถือว่าเหมาะสมและรองรับสัญญาณระดับ HDTV ครับ
สำหรับใน V-Series นั้น ถึงเป็นรุ่น Top แต่ดูราคาแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เกิยเอื้อมเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ
- ความละเอียด = WXGA (1366x768 พิกเซล)
- ความสว่าง = 500 cd/m2
- Contrast Ratio = 1,300 : 1
- Response Time = 8 ms
สิ่งที่เพิ่มเติมจากรุ่น S-Series นะครับ
- ระบบสี WCG-CCFL (ทำให้แสดงสีเขียว-แดงได้เข้มขึ้น)
- Wega Engine
- ช่องต่อ HDMI
- แอมป์แบบ S-Master (ดิจิตอลทุกขั้นตอน)
- ระบบเสียง TruSurround XT
เรียบเรียงจาก : บทความของคุณ SONYMAN
เรียบเรียงโดย : NutthNet.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03, กันยายน 2010, 07:58:11 am โดย ทีมงานบอร์ดโบราณ »
-http://www.boransat.net/board/index.php?topic=5.0-
วิธีเลือกซื้อ LCD TV หรือ Plasma TV แบบไหนดีกว่ากัน
จอธรรมดาทั่วไป ที่ทั้งอ้วน-หนา-หนัก นั้นเรียกว่า จอ CRT (Crystal Ray Tube) มีอัตราส่วนจอเป็น 4:3 แต่ส่วน Plasma และ LCD นั้นเป็นจอภาพแสดงผลแบบ "บาง" ทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่มีอัตราส่วนจอเป็น 16:9 (มี LCD บางรุ่นเล็กที่เป็น 4:3) แต่มีวิธีการสร้างภาพไม่เหมือนกัน คือ
LCD - เป็นจอภาพที่แสดงผลแบบ TFT ภายในเป็นกระจก 2 ชั้นบรรจุของเหลว ที่ตกผลึกเฉพาะจุดที่ได้รับกระแสไฟฟ้าหรือความร้อน หรือที่เรียกว่า Pixel นิยมใช้ในจอคอมพิวเตอร์
Plasma - หลักการทำงานคล้าย LCD แต่ใช้แก๊สบรรจุในแผ่นกระจกแทนของเหลว
จุดเด่นของ Plasma
1. มุมมองการรับชม
Plasma สามารถรับชมภาพได้ชัดเจนจากทุกมุมมอง คือมองภาพจากด้านซ้าย-ขวา หรือยืนดู นอนดู ได้หมดครับ ...ในขณะที่ LCD ทั่วไป ถ้าไม่ได้มองภาพตรงๆ ภาพจะมืดลงครับ
2. Contrast Ratio (อัตราส่วนความแตกต่างระหว่างภาพมืดสุด-ถึง-สว่างสุด)
Plasma มักจะมี Contrast ที่ดีกว่า LCD ...ถ้า Contrast ต่ำ ภาพสีดำก็จะไม่ดำสนิท เช่นเดียวกับสีขาวก็จะไม่ขาวสนิท)
3. Response Time (ความเร็วในการตอบสนองเพื่อแสดงผลภาพ)
Plasms มีค่า Response Time ต่ำกว่า LCD ...ค่านี้ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดีครับ เพราะถ้าหากค่ามากภาพเคลื่อนไหวจะเห็นมีเงาวิ่งตามภาพ
4. ราคาและขนาด
ราคาเทียบกันต่อนิ้วแล้ว Plasma จะมีราคาต่ำกว่า LCD และขนาดจะมีไปถึงขนาดใหญ่กว่า
- LCD TV จะผลิตตั้งแต่ 15" - 45"
- Plasma TV จะผลิตตั้งแต่ 37" - 60"
จุดเด่นของ LCD
1. Resolution (ความละเอียดของหน้าจอ)
- Plasma ส่วนใหญ่จะมีความละเอียดที่ W-VGA 852x480 พิกเซล
- LCD ส่วนใหญ่จะมีความละเอียดมากกว่าที่ W-XGA (1,366x768) หรือสูงกว่านี้ก็มีครับ
2. Dot Pitch (ระยะห่างระหว่างจุดสี)
ของ LCD มีค่าน้อยกว่า คือยิ่งค่าน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะหมายถึงระยะห่างระหว่างจุดใกล้กันกว่า ทำให้เวลานำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ ภาพของ LCD จะละเอียดกว่า
3. Brightness (ความสว่าง)
LCD มีความสว่างที่ดีกว่า Plasma เป็นจุดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
4. แสงสะท้อน บนผิวหน้าจอ
ทั้งทีวีจอแก้ว (CRT) หรือ Plasma TV หน้าจอจะเป็นกระจก ซึ่งแน่นอนว่าสะท้อนแสงแน่ๆครับ ถ้าห้องเราเปิดไฟไว้ เราจะเห็นหลอดไฟบนหน้าจอ และในฉากมืดๆ เรายังจะมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเราเองด้วยซ้ำครับ
LCD TV หน้าจอไม่ใช่กระจกครับ จึงไม่สะท้อนแสงแน่นอน ภาพจึงไม่มีแสงสะท้อนรบกวนคุณภาพของภาพครับ
5. ไม่มีอาการจอไหม้
Plasma TV ถ้าเปิดภาพใดภาพหนึ่งแช่ไว้นานๆ โดยไม่เปลี่ยนภาพ เช่น เปิดภาพที่เป็นจอกว้าง มีแถบดำด้านบน-ล่างของจอ หรือเปิดเกมที่มีการแสดงคะแนน ฯลฯ ค้างบนจอในจุดเดียวนานๆ จะเกิดอาการ "จอไหม้" ได้ครับ คือ ภาพที่เปิดแช่นั้นมันจะค้าง ถึงเราเปลี่ยนไปดูภาพอื่นแล้ว แต่ยังจะเห็นภาพนั้นลางๆค้างอยู่ ส่วน LCD TV จะไม่เป็นอาการนี้ครับ เค้าจึงนิยมเอามาใช้เป็นจอคอมพิวเตอร์ไงครับ
6. ประหยัดไฟ และการแผ่รังสีความร้อนต่ำกว่า
LCD ประหยัดไฟกว่า Plasma ประมาณ 40% ในขนาดเดียวกัน และยังแผ่ความร้อนออกมาน้อยกว่าด้วยครับ Plasma ที่เปิดทิ้งไว้สักพัก ลองไปยืนใกล้ๆดูครับ ร้อนวูบเลยล่ะ
พูดถึง SONY BRAVIA
สำหรับ LCD TV ของ Sony จะอยู่ในตระกูล "BRAVIA" โดยช่วงแรกจะมีทั้งหมด 9 รุ่นนะครับ จะแบ่งเป็น
- B-Series 15", 20"
- S-Series 23", 26", 32", 40"
- V-Series 26", 32", 40"
ที่น่าสนใจสุดคือ S-Series ด้วยราคา ขนาดและคุณภาพที่เหมาะสม
- ความละเอียด = WXGA (1366x768 พิกเซล)
- ความสว่าง = 500 cd/m2
- Contrast Ratio = 1,000 : 1
- Response Time = 8 ms
นอกจากนี้ S-Series ยังมี Contrast ที่ดีมากครับ เพราะปกติแล้ว LCD TV ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จะมีจุดอ่อนอยู่ที่ Contrast ทุกที คือฉากมืดสีดำ มักจะไม่ดำ แต่จะออกเป็นสีเทาๆไปซะ แต่สำหรับรุ่นนี้ Contrast Ratio 1,000 : 1 (ดูตัวเลขอาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะ Plasma TV เค้าโฆษณากันระดับ 10,000 : 1 กันแล้ว) แต่ปรากฏว่าพอนำมาเปรียบเทียบภาพระหว่าง
- Bravia LCD สเปก 1,000 : 1 กับ
- Plasma TV สเปก 10,000 : 1
ภาพของ LCD รุ่นนี้กลับมี Contrast ที่ดำสนิทมากกว่า Plasma ซะอีกครับ ถือว่า Contrast ไม่ใช่ปัญหาของ LCD TV รุ่นนี้แล้วล่ะครับ
เรื่องความสว่างของ LCD TV ไม่ค่อยเป็นปัญหาอยู่แล้วครับเพราะเป็นจุดเด่นของจอภาพแบบ LCD นี้ ส่วนด้านความละเอียดนั้น ปกติ LCD TV ทั่วไปมักจะมีความละเอียดน้อยแค่ XVGA แต่กับ S-Series ทุกรุ่นจะใช้จอที่มีความละเอียด WXGA ซึ่งถือว่าเหมาะสมและรองรับสัญญาณระดับ HDTV ครับ
สำหรับใน V-Series นั้น ถึงเป็นรุ่น Top แต่ดูราคาแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เกิยเอื้อมเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ
- ความละเอียด = WXGA (1366x768 พิกเซล)
- ความสว่าง = 500 cd/m2
- Contrast Ratio = 1,300 : 1
- Response Time = 8 ms
สิ่งที่เพิ่มเติมจากรุ่น S-Series นะครับ
- ระบบสี WCG-CCFL (ทำให้แสดงสีเขียว-แดงได้เข้มขึ้น)
- Wega Engine
- ช่องต่อ HDMI
- แอมป์แบบ S-Master (ดิจิตอลทุกขั้นตอน)
- ระบบเสียง TruSurround XT
เรียบเรียงจาก : บทความของคุณ SONYMAN
เรียบเรียงโดย : NutthNet.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03, กันยายน 2010, 07:58:11 am โดย ทีมงานบอร์ดโบราณ »