ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 15, 2014, 03:42:53 pm »ฌาน ญาณ ไม่ใช่ของวิเศษ
เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์เคมีฟิสิคส์ เมื่อเรียนเราก็รู้ เมื่อรู้เราก็เรียนต่อไปเรื่อยๆ เราไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เรารู้เป็นของวิเศษของพิสดารของไม่ธรรมดา การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ฌานญาณชั้นต่างๆก็เป็นแค่องค์ความรู้ เป็นความธรรมดาเหมือนองค์ความรู้อื่นๆ ไม่มีสิ่งใดพิเศษพิสดารเหนือความรู้ในวิชาแขนงต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ เราเรียนฟิสิคส์เราก็รู้เรื่องฟิสิคส์ เราเรียนเรื่องฌานเราก็รู้เรื่องฌาน เรียนเรื่องญาณเราก็รู้เรื่องญาณ แต่นักปฏิบัติส่วนมากให้ความสำคัญในวาทะคำว่าฌานว่าญาณผิดๆ ไปหลงผิดคิดว่าวิชาในศาสนาของเรามันวิเศษพิสดารไม่ธรรมดา เรียกว่ามีอัตตวาทุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นว่ามีว่าได้ว่าเป็นเมื่อได้ฌานได้ญาณ ทั้งๆที่การได้ฌานได้ญาณก็มิได้แตกต่างจากการรู้เรื่องกอไก่ขอไข่
สาเหตุที่เราคิดว่าฌานว่าญาณเป็นของวิเศษก็เพราะเรายึดมั่นถือมั่นในวาทะในศัพท์ เมื่อใช้ศัพท์บาลีเราจะบวกค่าของคำเพิ่มขึ้นมาด้วยอัตตวาทุปาทานโดยไม่รู้ตัว อย่างคำว่าญาณแปลว่าความรู้ หากเราพูดว่าเราได้ความรู้ เราจะไม่รู้สึกว่าเราได้ของวิเศษ แต่พอพูดเป็นภาษาบาลีว่าเราได้ญาณ มันดูกลายเป็นเราได้สิ่งวิเศษขึ้นมาทันทีทั้งๆที่เราได้สิ่งเดียวกัน การรู้สึกเช่นนี้แหละเรียกว่าเรามีความยึดมั่นว่ามีความวิเศษสิงอยู่ในวาทะหรือคำพูดที่เกินจริง อัตตวาทุปาทานจึงเป็นสิ่งที่เราควรระวังอย่าให้เกิดมีขึ้น เราใช้คำบาลีได้เพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน แต่อย่ามีอัตตวาทุปาทานเมื่อเวลาใข้คำบาลี
เราต้องทำความรู้สึกเมื่อได้ฌานได้ญาณเหมือนเรารู้เรื่องกอไก่ขอไข่ เรารู้เรื่องกอไข่ขอไข่แล้วเรารู้สึกธรรมดาเช่นไร เมื่อเราได้ฌานได้ญาณเราต้องรู้สึกให้ได้เช่นนั้น การทำเช่นนี้จะทำให้เราไม่มีอัตตวาทุปาทานในฌานในญาณ จึงจะทำให้เราได้ฌานได้ญาณชั้นสูงๆขึ้นไป หากเราไปคิดว่าฌานและญาณมันไม่ธรรมดานั่นคือเรากำลังติดหล่มในวาทะว่าได้ว่ามีว่าดีว่าเป็นขึ้นมาแล้ว อัตตวาทุปาทานเกิดขึ้นแล้ว การเมาตนเองเมาความรู้อวิชชาความหลงผิดในฌานในญาณเกิดขึ้นแล้ว อวิชชาสวะ ภวาสวะ กามาสวะ ทิฐาสวะย่อมเกิดตามมา การปฏิบัติย่อมหยุดอยู่กับที่
พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลยว่า เมื่อได้ฌานได้ญาณใดๆจงทิ้งความสำคัญในฌานในญาณเหล่านั้นเสีย ทิ้งความสำคัญเลิกให้ความสำคัญในฌานในญาณหมดสิ้นเมื่อไรจึงจะพบสัมมาวิมุตติ วิชาความรู้ในพุทธศาสนาไม่ได้แตกต่างจากวิชาความรู้แขนงอื่นๆ ต่างกันที่เนื้อหา แต่ความสำคัญเท่าเทียมกัน เรารู้วิชาอื่นๆเมื่อรู้เรารู้สึกแค่รู้ มิได้เห็นว่าเรามีสิ่งวิเศษใดๆเกิดขึ้นฉันใด เมื่อเรารู้วิชาความรู้ในพุทธศาสนาก็มิได้มีสิ่งวิเศษใดๆเกิดขึ้นฉันนั้น แต่นักปฏิบัติบางคนทำใจเช่นนั้นไม่ได้ ไปคิดว่าวิชาความรู้ในพุทธศาสนามีความวิเศษเหนือธรรมดา เลยเกิดภาวะความมีความเป็น คือมีความรู้ชั้นวิเศษ แล้วคิดว่าตนเองได้ชั้นนั้นชั้นนี้ แล้วกลายเป็นความภูมิใจลึกๆว่าเราไม่ธรรมดา อย่างนี้เป็นต้น
วิชาความรู้ทางพุทธศาสนาก็เหมือนวิชาความรู้แขนงอื่นๆมิได้แตกต่างกัน จงอย่าให้เกิดอัตตวาทุปาทานในฌานในญาณขึ้นมา ทำไว้ในใจเสมอๆไม่ว่าจะรู้อะไรได้ฌานอะไรได้ญาณชั้นไหน ทำเหมือนเรารู้เรื่องกอไก่ขอไข่ การกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดอาสวักขยญาณสะสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันหนึ่งข้างหน้าเมื่ออาสวักขยญาณมีกำลังแก่กล้าย่อมทำลายอาสวะทั้งหลายได้จนหมดสิ้น นั่นคือทางแห่งนิพพานอันเป็นธรรมหมดจดย่อมปรากฏแก่เราทุกๆคน
เจริญธรรม
สมสุโขภิกขุ
>>>F/B >> สมสุโขภิกขุ ธรรมะติดดิน