หยุดเถอะ หยุดเถอะ หยุดเสียก็ดีหลวงพ่อฟิลลิป ญาณธัมโม แห่งวัดป่ารัตนวัน ท่านเทศน์ว่า มีเณรรูปหนึ่งที่วัดหนองป่าพง สมัยหลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อท่านเทศน์นานมาก บางครั้งตลอดทั้งคืน พระทั่วไปต้องอดทน ต่อสู้กับทุกขเวทนา
วันหนึ่งหลวงพ่อชา ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ เณรก็ไปฟัง นั่งฟังจนถึงตี ๓ เณรก็ไม่ลุกจากอิริยาบถนั่งสมาธิ นั่งตลอดช่วงเช้า จนพระออกบิณฑบาต เณรก็ยังนั่งอยู่ นั่งต่อจนพระทั่วไปกลับจากบิณฑบาต เธอก็ไม่ลุกขึ้นมาฉันเช้า จนกระทั่งถึง ๑๐ โมงเช้า จึงออกจากสมาธิ พระทั้งหลายก็ร้องว่า “โอ้ เณรนี้อัศจรรย์จริง ๆ นั่งสมาธิตั้งนาน” เณรเล่าให้ฟังว่า คืนนั้นหลวงพ่อชาเทศน์ เธอเบื่อมาก อยากกลับไปนอน แต่หลวงพ่อก็ไม่หยุดเทศน์สักที เบื่อแสนเบื่อ จึงภาวนาเป็นภาษาอีสานว่า “เซาซะ เซาซะ เซาซะ เซาซะก็ดี” ความหมายก็คือ “หยุดเถอะ หยุดเถอะ หยุดเสียก็ดี” ภาวนาไปจิตก็จดจ่ออยู่กับเรื่องอยากให้หลวงพ่อเลิกเทศน์
พลันจิตก็พลิกเป็นปัญญาว่า ตนเองทำไมไม่เลิก ไม่เลิกคิดในแง่ไม่ดี ทำไมไม่เลิกในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ทำไมยังโง่อยู่ ทำไมไม่เกิดธรรม ไม่เกิดแสงสว่าง ก็เลยเอา "เลิกเถอะ เลิกเถอะ" เป็นข้อกรรมฐาน เป็นกุศลจิตว่าให้เลิกการบ่น ให้เลิกสิ่งที่เป็นอกุศล ให้เลิกสิ่งที่ไม่ดี จนจิตรวมเป็นสมาธิกรรมฐาน นั่งจนตลอดรุ่ง พอเณรรู้ตัวอีกครั้งก็ช่วงสายพระมาจัดเก็บบริขาร
_/\_ _/\_ _/\_
Secret Magazine (Thailand)
ได้แชร์รูปภาพของ ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน