ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Plusz
« เมื่อ: สิงหาคม 02, 2010, 10:57:28 pm »

ขอบคุณค่ะพี่ที อยากไปทุกที่(และทุกเวลา :06: )
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 11:21:16 pm »

สวยจังเลยครับเพื่อน  :13: แต่ภาพในลายเซ็นต์เพื่อนสวยกว่า ไม่ทราบว่าที่ใดรือ
ข้อความโดย: กระตุกหางแมว
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 11:19:38 pm »

เมือง "ดีที่สุด" หรือน่าเที่ยวที่สุด ประจำปี 2010


เมืองเกวงกา (Cuenca) - สาธารณรัฐเอกวาดอร์

เมือง เกวงกา มีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่า "Santa Ana de los cuatro ríos de Cuenca" เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสามของประเทศเอกวาดอร์ (467,000 คน) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,500 เมตร หรือ 8,200 ฟุต

ในขณะที่เมืองส่วนใหญ่ของประเทศเอกวาดอร์ มักได้รับอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมมาจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ในแถบอเมริกาใต้ แต่เมืองเกวงกากลับเต็มไปด้วยอาคารโบราณสไตล์สแปนิช โคโรเนียล ที่สร้างมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม

ด้วยเหตุนี้ องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้ชุมชนโบราณย่านใจกลางเมืองเกวงกาเป็นมรดกโลก เมื่อ ปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) และไม่เพียงสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี หากยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้มีความโดดเด่นและน่าสนใจ นั่นก็คือวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเมืองนั่นเอง

ทุกวันนี้ ชาวเกวงกายังคงปิดร้านค้าในตอนบ่ายเพื่อนอนหลับพักผ่อน อันเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวสเปนตั้งแต่สมัยที่มี การล่าอาณานิคม ส่วนเด็กนักเรียนก็ยังคงหลีกทางให้แม่ชีหรือพระทุกครั้งที่พบเจอกันบนท้อง ถนน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่ชาวตะวันตกเห็นแล้วรู้สึกประทับใจ

ถึง แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นเมืองโบราณ แต่เกวงกายังเป็นบ้านของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีฝีมือในการผสมผสานเทคนิคใหม่ๆ เข้ากับวัฒนธรรมและงานช่างฝีมืออันเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณ หรือทักษะการทอผ้าพื้นเมืองที่ความละเอียดประณีต

โดยคนรุ่นใหม่เหล่า นี้จะนำงานหัตถกรรมดังกล่าวมาออกแบบดัดแปลงใหม่ ให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่ทันสมัย อินเทรนด์ หรือเป็นภาชนะเครื่องถ้วยชามที่หรูหรามีสไตล์

เมืองซาราเยโว (Sarajevo) - ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

ซาราเยโว (Sarajevo) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ถ้าหากใครชอบเที่ยวเมืองเก่าแก่ที่มีศิลปวัฒนธรรมอันหลากหลาย ซาราเยโว นี่แหล่ะคืออีกหนึ่งจุดหมายที่ควรค่าแก่การไปเยือน

เพราะศิลป วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมต่างๆ ในเมืองซาราเยโว ได้รับอิทธิพลมาจาก 3 ยุคด้วยกัน คือ ยุคของ จักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองซาราเยโวขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1450 หรือ พ.ศ. 1993 จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ที่บูรณะซ่อมแซมเมืองดังกล่าวขึ้นมาใหม่ หลังถูกจักรวรรดิออตโตมันที่พ่ายสงครามเผาทำลายจนได้รับความเสียหายอย่าง หนัก และยุคที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ยูโกสลาเวีย (หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 - ปี ค.ศ. 1990 ซาราเยโวเคยเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวีย) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่บอบช้ำอย่างหนักทั้งจากสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามบอสเนีย

แต่ หลังจากสงครามบอสเนียสิ้นสุดลง เมื่อปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) เมืองซาราเยโวก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ทันที กระทั่งปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองดังกล่าวก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ (ให้คล้ายของเดิม) จนแล้วเสร็จ คงเหลือเพียงอาคารเก่าแก่บางหลังที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ที่ยังคงอยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมตราบจนกระทั่งปัจจุบัน

แต่นอกจากเมืองโบราณแล้ว ซาราเยโวยังมีอาคารสำนักงานอันทันสมัยและตึกระฟ้าทั้งที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จแล้วมากมาย

ปัจจุบัน ซาราเยโว เป็นเมืองที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม และเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงมักถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในบทกวี บทประพันธ์ บทเพลง และยังเคยถูกใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกด้วย

เมืองอาบูดาบี (Abu Dhabi) - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เมื่อ เอ่ยถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเมืองดูไบก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เมืองที่มั่งคั่งและร่ำรวยน้ำมันของแท้ แถมยังเป็นเมืองหลวง ก็คือ เมืองอาบูดาบี นี่เอง

ครั้งหนึ่งอาบูดาบีเคยเป็นหมู่บ้านของเกษตรกร และชาวประมง ซึ่งนอกจากจะปลูกพืชผัก เลี้ยงอูฐ และออกหาปลาแล้ว ยังมีอาชีพเก็บหอยมุก ทำให้อาบูดาบีกลายเป็นผู้ส่งออกไข่มุกรายใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มมีการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน หลังขุดพบบ่อน้ำมันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501)

ที่ผ่าน มา อาบูดาบี เรียกตัวเองว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมประจำภูมิภาค" ทั้งนี้เนื่องจากมีการผสมผสานวัฒนธรรมต่างๆ จากหลายชนชาติ อาทิ อิหร่าน อินเดีย ปากีสถาน ฯลฯ รวมทั้งวัฒนธรรมของชาติตะวันตก ทำให้มีโบสถ์คริสเตียน วัดฮินดู และศาสนสถานคุรุดวาราของศาสนาซิกข์ (วัดซิกข์) ตั้งอยู่เคียงข้างมัสยิดในเมืองอาบูดาบี

เนื่อง จากมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ ในเมืองอาบูดาบีจึงมีความหลากหลายเช่นกัน และที่โดดเด่นเห็นจะเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เช่น ตึกระฟ้า และมัสยิด Sheikh Zayed ที่ยิ่งใหญ่อลังการ (ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก) รวมทั้งโรงแรมเอมิเรตส์ พาเลซ ซึ่งเป็นของรัฐบาล แต่บริหารงานโดยเชนโรงแรมจากประเทศเยอรมนี

นอกจากนี้ อาบูดาบียังเป็นเมืองที่มักจัดเทศกาลหรือนิทรรศการนานาชาติต่างๆ อาทิ งานแสดงผลงานทางด้านศิลปะ ดนตรีคลาสสิก เพลงแจ๊ส ฯลฯ เป็นประจำทุกปีอีกด้วย

เมืองเกียวโต (Kyoto) - ประเทศญี่ปุ่น

ความ สวยงามของเมืองเกียวโต แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากเมืองในแถบตะวันตก อาทิ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และกรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ที่สถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในเมืองล้วนเป็นเสมือนผลงานทางด้านศิลปะที่สวยสดงดงาม

หากความสวย งามที่แท้จริงของเมืองเกียวโตนั้น กลับซ่อนอยู่หลังประตูวัด กำแพงสวน บานเลื่อนกระดาษ หรืออาจซุกซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดที่พูดออกมาตามมารยาท (ทะเตะมาเอะ "tatemae" - ไม่ได้พูดตรงๆ ตามที่คิดหรือรู้สึกจริงๆ ) ของชาวเมือง

แต่เมื่อใดก็ตามที่นักท่องเที่ยวค้นพบความงามที่ซุกซ่อน อยู่ภายใน ก็จะรู้ความลับของเมืองเกียวโตที่มักเปิดเผยความจริงให้เห็นตรงหน้าเพียงแค่ 1 ส่วน แต่กลับซุกซ่อนเอาไว้ให้ค้นหาถึง 9 ส่วน ทั้งในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยวและสไตล์การพูด ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งมองว่าคนญี่ปุ่นชอบพูดโกหก ซึ่งก็คือการพูดตามมารยาท หรือ "ทะเตะมาเอะ" นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมืองเกียวโตของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเมือง "โรแมนติกที่สุดในโลก" จริงๆ

ที่ นั่นคุณจะได้พบกับโคมไฟเรียงรายตลอดสองฟากฝั่งคลองซึ่งเต็มไปด้วยอาคารไม้ เก่าแก่ ได้นั่งทานอาหารบนเสื่อตาตามิในห้องส่วนตัวพลางชื่นชมสวนสวยในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังได้แช่น้ำในอ่าง (ไม้) รวม ของเรียวกัง (ที่พักแบบญี่ปุ่นขนานแท้) และจะได้รู้ว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงขนานนามชุด "ยูกาตะ" (ชุดผ้าฝ้ายที่ทางเรียวกังจัดไว้ให้ใส่ขณะอยู่ในห้อง) ว่าเป็นชุดสุดโรแมนติกของจริง - โลนลี่ แพลนเน็ต

จังหวัดเลกเซ (Lecce) แคว้นปูเกลีย - ประเทศอิตาลี

แม้ ว่าวิกฤติเศรษฐกิจและค่าเงินที่ผันผวน จะทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลีแพงขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติส่วนใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ขอย้ำว่า "เลกเซ" เป็นอะไรที่ห้ามพลาดถ้าหากคุณมีโอกาสเดินทางไปเยือนอิตาลี

เป็นที่ รู้กันดีว่า "อิตาลี" เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่มีความสวยงาม ถึงแม้จะแพงหูฉี่แต่ "โลนลี่ แพลนเน็ต" เขาก็มีวิธีไปเที่ยวโดยไม่ทำให้กระเป๋าเงินแฟบมาแนะนำ นั่นก็คือการมุ่งหน้าไปยังเมืองที่เที่ยวแล้วคุ้มค่าเงินมากกว่า ค่าครองชีพต่ำกว่า และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย

จุด หมายปลายทางที่ว่าก็คือ "แคว้นปูเกลีย" ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และเมืองที่สวยงามที่สุดในแคว้นนี้ก็คือ เมือง "เลกเซ" ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเลกเซ นั่นเอง..."เลกเซ" เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2 พันปี ด้วยความที่ภายในเมืองเต็มไปด้วยโบราณสถานสไตล์บารอค จึงทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองฟลอเรนซ์แห่งแดนใต้"

ถึงแม้จะเป็น เมืองเก่าแก่ที่มีประชากรไม่ถึง 1 แสนคน แต่เลกเซก็ขึ้นชื่อในเรื่องของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออก "หินเลกเซ" ซึ่งเป็นหินปูนคุณภาพเยี่ยมและเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของเมือง (เหมาะสำหรับนำมาใช้ในงานประติมากรรม) อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมเซรามิกอีกด้วย

นอกจากนี้ เลกเซ ยังเป็นศูนย์กลางทางด้านเกษตรกรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกมะกอกและองุ่นเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันมะกอก