ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2015, 03:00:47 pm »เมื่อเผลอให้รีบตั้งสติใหม่"
ตาม "สติปัฏฐานสูตร" ท่านว่า คนที่ลืมหรือเผลอนั้น
เปรียบเหมือน "คนตาย" คือ สลบไปชั่วขณะ
ถ้าเผลอนานก็สลบนาน
ฉะนั้นถ้าเรารู้สึกตัวว่าเผลอต้องรีบแก้ คือ ตั้งสติเสียใหม่
บางคนเผลอก็รู้ตัวว่าเผลอก็ยังดี
บางคนเผลอไปก็ไม่รู้ มาก็ไม่รู้ อย่างนี้ใช้ไม่ได้
ตามศัพท์บาลีก็ว่า
"ปมาโท มจฺจุโน ปทํ"
ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย
เพราะความประมาทเป็นรากเหง้าของอกุศล
เรียกว่า "อกุศลมูล" คือ ตัวโมหะ
เมื่อโมหะเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมเป็นทางเข้าแห่งบาปทั้งหลาย
ฉะนั้นเราจะต้องรีบถอนรากถอนโคนของมันทิ้งเสียก่อน
อย่าทันให้มันออกกิ่งก้านสาขาใหญ่โตออกไป
เพราะความเผลอนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว
ก็ทำให้คิดไปเป็นเรื่องราวต่างๆได้หลายอย่าง
ความเผลอย่อมทำให้กิจการงานสำเร็จได้ยาก
อย่าว่าแต่เราจะทำงานเพียงแค่นั่งดูลมหายใจอย่างนี้เลย
ถึงจะเขียนจดหมายสัก ๑ ฉบับก็ไม่สำเร็จ
ดังนั้นจึงต้องระวังรักษาสติไว้ให้มาก
อย่าปล่อยให้เผลอหรือลืมตัวได้
"พระอาจารย์ลี ธัมมธโร"
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
ตาม "สติปัฏฐานสูตร" ท่านว่า คนที่ลืมหรือเผลอนั้น
เปรียบเหมือน "คนตาย" คือ สลบไปชั่วขณะ
ถ้าเผลอนานก็สลบนาน
ฉะนั้นถ้าเรารู้สึกตัวว่าเผลอต้องรีบแก้ คือ ตั้งสติเสียใหม่
บางคนเผลอก็รู้ตัวว่าเผลอก็ยังดี
บางคนเผลอไปก็ไม่รู้ มาก็ไม่รู้ อย่างนี้ใช้ไม่ได้
ตามศัพท์บาลีก็ว่า
"ปมาโท มจฺจุโน ปทํ"
ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย
เพราะความประมาทเป็นรากเหง้าของอกุศล
เรียกว่า "อกุศลมูล" คือ ตัวโมหะ
เมื่อโมหะเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมเป็นทางเข้าแห่งบาปทั้งหลาย
ฉะนั้นเราจะต้องรีบถอนรากถอนโคนของมันทิ้งเสียก่อน
อย่าทันให้มันออกกิ่งก้านสาขาใหญ่โตออกไป
เพราะความเผลอนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว
ก็ทำให้คิดไปเป็นเรื่องราวต่างๆได้หลายอย่าง
ความเผลอย่อมทำให้กิจการงานสำเร็จได้ยาก
อย่าว่าแต่เราจะทำงานเพียงแค่นั่งดูลมหายใจอย่างนี้เลย
ถึงจะเขียนจดหมายสัก ๑ ฉบับก็ไม่สำเร็จ
ดังนั้นจึงต้องระวังรักษาสติไว้ให้มาก
อย่าปล่อยให้เผลอหรือลืมตัวได้
"พระอาจารย์ลี ธัมมธโร"
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ