ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 07:34:34 pm »


 
....สู่อิสระภาพ.....
//-" เราเป็นสาวก พุทธเจ้า อย่ามัวแต่บ้าบุญ
เอาความรู้ธรรมะ มาดับ อารมณ์ทุกข์ในใจตน ให้ได้
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นไปเพื่อวิมุติ คือไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น
ไม่ใช่เพื่อ อร่อยทางปัญญา บ้าน้ำลายไปวันๆ"(อ.พุทธทาส)
.................................................

คำสอนที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุด ตลอดพระชนม์มายุ ของพระองค์
อนุปุพพีกถา
พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา คือถ้อยคำที่ กล่าวโดยลำดับ

1.พรรณนาทานการให้ก่อนแล้ว (คุณค่า สุขจากการแบ่งปัน)
2.พรรณนาศีลความรักษากายวาจาเรียบร้อยเป็นลำดับแห่งทาน(ขัดเกลาสันดานดิบ)
3.พรรณนาสวรรค์ คือกามคุณที่บุคคลใคร่ซึ่งจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดี
คือทานและศีลเป็นลำดับแห่งศีล (สัคคะ สวรรค์บนดิน เพราะทำหน้าที่ที่ควรทำ)

4.พรรณนาโทษ คือความเป็นของไม่ยั่งยืน(กามฑีนพ)
เพราะ ทุกสิ่งที่ปรุงแต่ง ย่อมอยู่ในอำนาจ
ความเปลี่ยนแปลง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ กฎเหตุ ปัจจัย ปรุงแต่ง
ไม่เป็นดังใจ ใครทั้งสิ้น
และประกอบด้วยความคับแค้นแห่งกาม
อันได้ชื่อว่าสวรรค์นั้น อันมีความ สมใจ สะใจ ภาคภูมิใจ หรรษา ปรุงแต่งอยู่

5.พรรณนาอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม (เนกขัมมะ)
เป็นลำดับแห่งโทษของกาม ฟอกจิตยสกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม
ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ
เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้ฉะนั้น

6.แล้วจึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระองค์ยกขึ้นแสดงเอง
คืออริยสัจ ๔ อย่าง
1.คือทุกข์ ด้วยการกำหนดรู้ด้วยสติ
2.เหตุให้ทุกข์เกิด ด้วยการ ลด ละ เลิก เหตุนั้น ด้วยปัญญา
3.ผลของเหตุให้ทุกข์ดับที่ดับแล้ว ด้วยพบประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
4.และข้อปฏิบัติเป็นทางให้ถึงความดับ ต้องเพียร ฝึกฝนด้วยตนเอง

ใครติดการ.......................ทำทาน ก็เห็นว่า"ศีล สำคัญกว่า ทาน
ใครติดศีล........................ก็เห็นว่า การเจริญกุศล สำคัญกว่าศีล
ใครติดในกุศล...................ก็เห็นว่า การออกจาก ความติด ความพยาบาท เบียดเบียน(เนกขัมมะ)
ดีกว่า ทาน ศีล สัคคะ(สวรรค์)

ใครติด เนกขัมมะ................ก็เห็นว่า การปลุกสติตื่น เห็น อริยะสัจจะ
ที่เกิดขึ้น ใน กายตน สำคัญ และเร่งฝึกฝนตน
ด้วย...เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
บันใดมีให้ปีน สู่ ทางสว่างด้วยตนเอง สาธุ


Hug birds save earth originally Shared publicly  -  Jun 17, 2015



 
ฟ้ามีสิ่งวิเศษสามสิ่ง
สุริยัน จันทรา ดารา
มีสิ่งวิเศษสามสิ่ง ในตัวเรา
จิ้ง ชี่ เสิ้น

1.พลังสติ
(เป็นพลัง ที่ควบคุม ร่างกาย จิตใจ ให้แข็งแรง)
2.พลังสมาธิ
(เป็นการรวม พลัง วิริยะ สติ สมาธิ จนเกิดเป็นพังมุ่งมั่น หนักแน่น ของจิต)
3.พลังปรีชาญาณแห่งการรู้แจ้ง
(เป็นพลังแห่ง สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ปลุกให้ตื่น ชนะอุปาทานที่จิตปรุงแต่งสร้างขึ้น)

มาปลุกพลังทั้งสาม เกิดชีวาในชีวิตถาวรกันนะครับ
สุขภาพดี กาย จิต วิญญาณ ดีๆ เราเขียนบทและ เล่นเองได้ สาธุ
Wudang Five Animals Qi Gong (武当五行气功)


Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา): 19/6/2558 -  7:12 AM


***********

15.7.2017
https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan

//-สวัสดี ยามเช้าๆ
ดูกระทู้อื่นๆ ก็ยังไม่ตอบนะ
เห็นผู้ชม สนใจ วันนี้เอา โลกนิติ คำโคลง
ที่หลานๆ เสาะหามา ฝากกันอิๆ
-------------------------------------------------------
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้.................. มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ...................ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน................ หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย .......................นอกนั้นดูงามฯ
-------------------------------------------------
คนมีมักเหี่ยวแห้ง .....................หวงแหน
กินอยู่สู้ขาดแคลน.................... พร่องท้อง
คนกากยากไร้แกน โกยกอบ .......กินแฮ
เป็นวิบัติขัดข้อง ........................คิดแล้วหลากเหลือฯ
--------------------------------------------------
ทําบุญบุญแต่งให้...................... เห็นผล
คือดั่งเงาตามตน .......................ติดแท้
ผู้ทําสิ่งอกุศล กรรมติด ...............ตามนา
ดุจจักรเกวียนเวียนแล้ ................ไล่ต้อนตีนโคฯ
---------------------------------------------------
ปลูกผักมักมากล้วน ....................หลากพันธ์
ชีหอมลอยหน้ามัน ......................มากแม้
ทุรชนทำงานกัน .........................ด้วยปาก
ห่อนตักชิ้นผักแท้ ........................ลิ้มรส โอษฐ์หวานฯ
----------------------------------------------------
นาคีมีพิษเพี้ยง ...........................สุริโย
เลี้อยบ่ทำเดโช ...........................แช่มช้า
ฤทธิ์น้อยหยิ่งโยโส.......................แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า ............................อวดอ้าง ฤทธีฯ
---------------------------------------------------
ก้านบัวบอกลึกตื้น ........................ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน .......................ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ..................ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ .................บอกร้าย แสลงดินฯ
------------------------------------------------
๏ ผจญคนมักโกรธด้วย ..............ไมตรี
ผจญหมู่ทรชนดี ........................ต่อตั้ง
ผจญคนจิตโลภมี .......................ทรัพย์เผื่อ แผ่นา
ผจญอสัตย์ให้ยั้ง .......................หยุดด้วยสัตยา๚ะ๛
------------------------------------------------------
หลีกเกวียนให้หลีกห้า ...................ศอกหมาย
ม้าหลีกสิบศอกกราย ....................อย่าใกล้
ช้างยี่สิบศอกคลาย ......................คลาคลาด
เห็นทุรชนหลีกให้ .........................ห่างพ้นลับตาฯ
-------------------------------------------------------
งาสารฤๅห่อนเหี้ยน ........................หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน .........................อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน ...........................คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น ...........................เล่ห์ลิ้นทรชนฯ
------------------------------------------------------
หอมกลิ่นดอกไม้ที่ ..............นับถือ
หอมแต่ตามลมฤา ................กลับย้อน
หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ..........ศีลสัตย์ นี้นา
หอมสุดหอมสะท้อน .............ทั่วใกล้ ไกลถึงฯ
----------------------------------------------------------
เป็นคนคิดแล้วจึ่ง ..................เจรจา
อย่ามลนหลับตา ...................แต่ได้
เลือกสรรหมั่นปัญญา .............ตรองตรึก
สติริรอบให้.......................... ถูกแล้วจึงทำฯ
------------------------------------------------------------
ปลาร้าพันห่อด้วย ...................ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา ...................คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา .......................คบเพื่อนพาลนา
ได้แต่รายร้าย*....................... ฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ ฯ
-------------------------------------------------------------
เว้นวิจารย์ว่างเว้น .......................สดับฟัง
เว้นที่ถามอันยัง .........................ไป่รู้
เว้นเล่าลิขิตสัง- ..........................เกตว่าง เว้นนา
เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ ..........................ปราชญ์ว่าฤามีฯ
------------------------------------------------------------
๏ โคควายวายชีพได้ ....................เขาหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง ..........................อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง ..........................ขารร่าง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ .......................แต่ร้ายกับดี๚ะ๛
--------------------------------------------------------
๏ สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ..................ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน .........................กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแก่ตนคน...........................เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ .......................ใส่ผู้บาปเอง๚ะ๛
-----------------------------------------------------
อย่าโทษไทท้าวท่วย .......................เทวา
อย่าโทษสถานภูผา .........................ย่านกว้าง
อย่าดทษหมู่วงศา ...........................มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ......................ส่งให้เป็นเอง๚ะ๛
-------------------------------------------------------
๏ กาน้ำดำดิ่งด้น ..............................เอาปลา
กาบกคิดใคร่หา............................... เสพบ้าง
ลงดำส่ำมัจฉา ..................................ชลชาติ
สวะปะคอค้าง ................................ครึ่งน้ำจำตาย๚ะ๛
--------------------------------------------------
๏ เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้ ........................สุขสบาย
เย็นญาติสุขสำราย.............................กว่าไม้
เย็นครูยิ่งพันฉาย ..............................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่วมพระเจ้าให้ .............................ร่มฟ้าดินบน๚
-------------------------------------------------------
//-คนโง่ไป่รู้.....................................คุณศีล
คนลวงร่ายเล่ห์ลิ้น..............................ลมลวงนั่น
คนถ่อยอ้างเอมโอษฐ์ถ้อย...................ธรรมถึกนา
คนบ้าแอบอ้าง...................................จำแลงธรรมฯ
---------------------------------------------------------
ครับ ใครอ่านแล้ว บ่เข้าใจบทไหน
เพราะบางบทเป็นสำนวนโบราญ นานเน อิๆ
ว่างจะมาช่วย แกะให้ เจริญในกุศลธรรม นะครับ เจี๊ยกๆ
--------------------------------------------------------
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 07:25:43 pm »


 
พุทธธรรม วันละนิด
ความทุกข์ สุข สงบ เย็น แท้ อยุ่ที่ใจ
มนุษย์ที่ ไม่ได้กำหนดรู้จิตตนเอง ไม่ได้ฝึกตน
ต่างแสวงหา กุญแจไขความสุข จากภายนอกกาย
กุญแจไขความสุขที่อยู่ภายใน ยั่งยืน ไม่มีใครแย่งจากเราได้คือ

1.วิมุติ
2.วิโมกข์
3.นิพพาน
4.วิชชา
5.วิสุทธิ์

6.วิเศษ
7.วิเวก
8.วิราคะ
9.วิสังขาร
.............................................................

//-วิเวก เกิดจาก
-ได้ฟังเสียงสัจธรรม จากธรรมชาติแล้วเป็นสุข
-ได้เห็น กฎไตรลักษ์ในธรรมชาติแล้วเป็นสุข
-ได้ปลอดจาก ราคะ โทสะ โมหะ แล้วเป็นสุข
-ได้ถอน กิเลส ตัณหา อุปาทาน อามิสมานะ แล้วเป็นสุข
-ได้ถอน ความพอใจ ไม่พอใจในโลกสิ้นแล้วเป็นสุข
-ได้อิ่มในวิมุติธรรม แล้วเป็นสุข
-ได้หายใจ อย่างมีสติปัญญากุมสภาพจิต แล้วเป็นสุข
สาธุ


Suraphol Kruasuwan originally shared publicly - Jun 17, 2015



 
"โอมมณีปัทเมฮุ้ม"
"เพชรมณี อันลอยอยู่เหนือดอกบัว"

1.เพชร เสมือน จิต แท้ จิตเดิม
จิตที่เป็นสัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่นแล้ว
เห็น รู้ ในทุกสภาวะธรรม แต่ไม่เก็บอะไรไว้
สงบ สะอวาด สว่าง เย็น เป็นนิรันด์

2.ดอกบัว เสมือน จิตปรุงแต่ง
-เกิดจากโคลนตม
-เจริญผ่านน้ำ
-สัมผัสอากาศและแสงตะวัน
-เบ่งบาน อย่างอิสระ เสรี

จิตปรุงแต่ง เกิดจาก อวิชชา
(การคิด พูด ทำ ยึดติด ปรุงแต่งจิต เมื่อผัสสะโลก
เพราะขาด สติปัญญากำกับ)
เสพ อกุศลเป็นอาหาร

รู้จักกุศล
ละอกุศล เสพแต่กุศล
จึงเบิกบาน อิ่มในกุศลทุกขณะจิต
..............................................

จงหล่อเลี้ยง จิตปรุงแต่ด้วยกุศล
1.กายกุศล สาม
เว้นจากการทำลายชีวิตที่มีปราณ
เว้นจากการ ลักขโมย ฉ่อฉล โกง
เว้นจาก ประพฤติผิดในกาม

2.วจีกุศล สี่
เว้นจากการ พูดเท็จ
เว้นจากการ กล่าวคำหยาบคาย
เว้นจากการ พูดส่อเสียด
เว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อ

3.มโนกรรมกุศล สาม
เว้นจาก ความโลภ ............อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
เว้นจาก ความพยาบาท ......ย้ำคิด ย้ำแค้น มุ่งปองร้อยหมายขวัญ
มีสติปัญญาเห็นชอบ..........ใน คัลลองคลองธรรม ชีวิตที่สว่าง ยั่งยืน

คือ
เห็น สมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ ปรมัตถ์สัจจะ อิริยสัจจะ และเลือกทางสว่าง
เห็น กระแสโลก กระแสกรรม กระแสธรรม อันขับเคลื่อนทุกสังขาร
เห็นกระแส นิพพาน อัน พ้นจาก อำนาจทุกกระแส ทุกขณะจิต
.......................................

ผู้ใด เห็น เพชรมณี เหนือดอกบัวที่บานอย่างอิสระ ในใจตน
นับว่า เป็นผู้โชคดี หายาก ในโลก สาธุ
สวัสดี วันฝนฉ่ำฟ้า แต่หัวรุ่ง


Suraphol Kruasuwan originally shared publicly - Jun 17, 2015
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 07:22:03 pm »


 
ความคิดเรา....พาจิตปรุงแต่งเอง ทั้้งสิ้น
ฝึกปรุง อารมณ์ฌาน แทน
อารมณ์เก่า เลิกเอามาเคี้ยวเอื้องเล่น ทิ้งให้หมด

อารมณ์ที่พระพุทธเจ้า รับรองว่า ดีแท้ คือ "มีฌานทุกขณะจิต"(เซ็น)มี
-ปิติ............อิ่มในกุศลทุกขณะจิต
-สุข............จากการแบ่งปัน การแบ่งปัน นำสันติสุขสู่โลก
-อุเบกขา......ใช้ปัญญา สงบเย็น แทนทุกอารมณ์ ที่วิปขึ้น วิปลง
-เอกัคคตา....จิตเป็นหนึ่งเดียว กับ สภาวธรรมชาติ
แล้ว"จิตแท้ จิตเดิมจะตื่น" มหัศจรรย์ชีวิต อยู่ในตัวเราเอง สาธุ
ใครทำได้ สาธุ นะครับ


Jun 15, 2015
Hug birds save earth originally shared:



 
นิทานจากสหาย ชาวคริส
//-ชายหนุ่ม ที่มีความรักในพระเจ้า ทำแต่สิ่งดีมาตลอด
คืนหนึ่ง ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น พระเจ้าทรงปรากฎ
และ ให้พรสามประการตามที่ขอ

1.ชายหนุ่มอยากรู้ว่า ทำไม่พระเจ้า ไม่บอกวันตายล่วงหน้าแก่มนุษย์
พระเจ้าทรงตอบว่า เพื่อให้มนุษย์มีอิสระ ที่จะเลือก ทางทำดี หรือชั่วเอง
2.ชายหนุ่มขอพร ว่า ให้รู้เวลาที่เหลือ ของชีวิตคนในโลก
ที่เขาได้เห็นหน้า พระเจ้าก็ให้พรนั้น
3.ชายหนุ่ม ขอพรข้อที่สาม จะขอให้เวลาอันควร
พระเจ้าก็ให้พรนั้น
.............................................

จากวันนั้น ชายหนุ่มก็จะ บอกให้คนที่เหลือเวลาน้อย ให้กลับตัวกลับใจ
และแวะ ไปเยี่ยม พ่อแม่ พ่อยังมีเวลาเหลือ ห้าปี แม่อีกแปดปี
ก็สบายใจ มีหลายเรื่องที่จะบอก พ่อ แม่ ค่อยบอกวันหลังก็ได้
แวะเข้าห้องน้ำ ริมถนน มองเห็นหน้าตน ในกระจก
และรู้ว่า ตนเองเหลือ เวลา15นาที จะกลับไป บอกรัก พ่อ แม่ก็ไม่ทัน
นึกได้ว่า ตน ยังเหลือ พร อีกข้อ จึงขอว่า
"ขอให้ย้อนเวลากลับ ไปวันที่พบพระเจ้า"
...............................................

ทุกสิ่งกลับมาเรี่มต้นใหม่
ชายหนุ่มรีบกลับ ไปหาพ่อแม่อีกครั้ง
และทำสิ่งดีๆ ที่ตนอยาก จะทำให้พ่อ และแม่
.............................................

นิทานนี้ เพื่อนเล่าให้ฟังในวงกาแฟ
และ บอกข่าว ระลึกถึง เพื่อนนักกอล์ฟ ที่จากไปอย่างกระทันหัน  เร็วๆนี้
............................................

"ตัดทาง.........................ไม่ไปสู่อบาย
ทำความฉลาดดีทั้งหลาย...ให้ปรากฎ
ชำระ ใจตน ให้ สงบ..........สะอาดไม่ละลด
ทั้งหมดคือคำสั่งสอน.........ของทุกพระศาสดาฯ"


สาธุ อาเมน
Suraphol Kruasuwan originally shared:  -  Jun 17, 2015
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 07:19:25 pm »



"เติบโตแบบคู่ขนาน"
1.วิสัยทัศน์
ทำนา ปลอดหนี้ ยั่่งยืน
ทำนา เลี้ยงปลา และเป็ด
ลดต้นทุนการผลิต สิ่งแวดล้อมฟื้นตัว
และ สุขภาพดี เพราะ ไม่ต้อง เสี่ยงกับสารเคมีพิษ
......................................

ในน้ำมีปลา ในนามีเป็ด บนฟ้ามีนก
https://www.youtube.com/watch?v=YFvJ8C4GdmI

https://www.youtube.com/watch?v=haTNm61dBkc

Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Jun 2, 2015



เติบโตแบบคุ่ขนาน
2.เปลี่ยนนิสัย
ชีวิตต้องมีหลัก
จะมีหลัก ต้องมีนิสัยดี

1.-วัยเรียน
"เรียนรอบรู้ ทุกสรรพวิชา
ใช้มือฝึกฝนศิลป์นานา เป็นทักษะอาชีพได้นั่น
มีนิสัยโปร่งใสโปร่งแสง เป็นที่รักทั้งเทวดา และมนุษย์กัน
ฝึกใช้สุจริตวาจา อาจหาญ กล้าทำดีฯ

2.-วัยแสวงหา
"อุปการะ บิดา มารดา บุพการี
ดูแล บุตรภริยา บริวาร ด้วยความเที่ยงธรรมนั่น
จัดระเบียบ บริหารกิจการ พอเหมาะ พอดีกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น จะพบบรมโชคดี"

"สุขจากจิตอาสา แบ่งปัน
มีจริยะธรรมควรนับถือนั่น
สงเคราะห์ เพื่อน ญาติ ด้วยงานไม่มีโทษกัน
ไม่ทำตัวเป็นภัยต่อสังคมนั้น ยอดคน"
เมื่อเข้าสมาคม คบหาคนต่างวัฒนธรรม
"ไม่ควร เคียดขึง พึงใจ กระแสโลก ธรรมแม้นนิด
เสพวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตร อย่าถึงประมาท ขาดสตินั่น
ไม่พึง ปรามาส วัฒนธรรมของกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น ปราชญ์ทุกวัฒนธรรม สาธุเอยฯ

3.-วัยละ
พอเพียงคืองดงาม
พอดี พอเหมาะ พอเพียง
สงบ สันโดษ สมถะ ใช้พลังอดทน แทนพลังแข็งแรง
สุขจาก ฝึก ญาณ ฌาน แทน ความสุขทางกามสุข

4.-วัยหลุดพ้น
พ้นจากมายา จิตปรุงแต่งของตน ที่ชงจาก
-ความคิด
-อารมณ์
-อุดมการณ์
-ความรู้
-วัฒนธรรม
-สัญชาติญาณชีวิตเอาตัวรอด
......................................

ไม่ตามกระแส ไม่ทวนกระแส แต่ข้ามกระแส เพื่อ อยู่เหนือกระแส
......................................
ใช้นิสัย ให้เหมาะกับวัย เป็นมงคลชีวิต
คือทำหน้าที่แล้วพบ บรมโชคดี สาธุ


Suraphol KruasuwanOWNER
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา)  -  Jun 2, 2015
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 08, 2015, 09:42:30 pm »



มรณานุสติสาธุ
1.หายใจเข้าไม่ออกก็ตาย
2.หายใจออกไม่เข้าก็ตาย...
3.ความตายเกาะอยู่ปลายจมูกเรานี่เอง...
4.ที่สำคัญการตายเกิดทางอารมณ์..
จิตปรุงแต่ง ให้ เป็น ทุกข์ เป็นสุข เป็นสงบ หมุนเวียน ครองร่างกายหยาบ
ให้เหลือแต่ อารมณ์ฌาน
ปิติ สุข อุเบกขา เอกจิต(สติ จิตกับธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน)
นอกนั้นทิ้งไปก่อนเราตาย..ชีวิตที่เหลือคือกำไรชีวิตที่แท้จริง สาธุ


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  May 28, 2015


 
ประวัติสตีฟ จ๊อบ เจ้าของ Apple
มีผู้กล่าวว่า มีแอปเปิล สามลูกที่เปลี่ยน วิถีมนุษย์ชาติ
1.ลูกที่บรมย่าทวด อีฟ กิน ในสวนสวรรค์ที่พระเจ้าสร้าง
มนุษย์เลยต้องถูกไล่ออกมา และ พัฒนามาเป็นมนุษย์
และไม่ค่อยจะง้อ พระเจ้า สักเท่าไหร่(ขอโทษเพื่อนต่างศาสนานะ)

2.ลูกที่สอง ที่หล่นใส่หัว นิวตั้น
ทำให้ ฟิสิกส์คลาสสิค เกิดขึ้น
มีคนแซวว่า "ถ้าวันนั้น นิวตั้น นอนใต้ต้นทุเรียน วิชาฟิสิกส์ จะเรียนง่ายกว่านี้

3.ลูกที่สาม ที่สตีฟจ๊อบ ใส่ไว้ ในนวัตกรรม..ยุค..โลกาภิวัตน์
..........................................................

สำหรับปู่ ก็รู้รสชาติ ของการ ถูกไล่ ออกจากบริษัท ที่ตนเองตั้งขึ้น
เพราะ มีคนบ้า คนหนึ่งไปตัดต้นไม้ ต้นเดียว..ที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท
ที่ปู่ตั้งใจ จะมอบให้ เป็นสมบัติ มนุษย์ชาติ เพื่อเรียนรู้ รัก รักษ์ โลก
"การเติบโตแบบคู่ขนาน ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ กับระบบชีวาลัย"อิๆ
และก็เรี่มรับรู้รสชาติ ของการ"เกิดใหม่ ในร่างเก่า"
ได้กลับมาเรียนรู้ โลก ในมุมมอง ที่เรา คิดไม่ถึงว่า"มันมีอยู่
......................................................

ขอบคุณ แอปเปิล สามลูก และหวังว่า ปู่ฯจะพบ ลูกที่สี่ เจี๊ยกๆ
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
May 29, 2015


 
วันวิสาขบูชา 2558 วันที่ 1 มิถุนายน
วิ....มาจากคำว่า วิเศษ
สา..มาจากคำว่า สาธุ(ดีแล้ว ชอบแล้ว สมควรแล้วที่จะนับถือ)
ข..คือฤกษ์ ที่พระจันทร์โคจร ไปเป็นเดือนเพ็ญ วิสาขฤกษ์ ในกลุ่มดาวราศรีแมงป่อง
ที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ที่อยู่ในราศรีพฤษภ ซึ่งพระจันทร์จะอยู่ใกล้โลก
สว่างกว่าธรรมดา ในรอบปี

วันวิสาขบูชา จึงเป็นวันบูชาที่วิเศษ ตรงกับ
"อาการสามของพระพุทธเจ้า"
-ประสูติ เกิดพระพุทธเจ้าขึ้นในโลก
-ตรัสรู้ เข้าใจ และ พบวิธี ชนะ อุปาทานทุกข์ อันเกิดจากตัณหา และหลง
จิตปรุงแต่งตน(อัตตา)
-ปรินิพพาน อุปาทานทุกข์ตายอย่างเป็นนิรันดิ์ ไม่ มาปรุงแต่งให้จิต เกิดในภูมิปกติอื่นๆคือ
อบายภูมิ มนุษย์ภูมิ เทวภูมิ พรหม อีกแล้ว
.......................................................

อาการทั้งสาม นั้น"เกิดขึ้นภายในวันเดียว
คืนที่พระจันทร์เพ็ญสว่าง ณ.แม่น้ำเนรัญชรา
..........................................................

แต่โดยที่ คำสั่งสอนพุทธเจ้าที่มาใน วัฒนธรรมพุทธ ประกอบด้วย
1.ธรรมาธิษฐาน....สอนเป็นภาษา เหตผล
2.บุคลาธิษฐาน....สอนเป็นภาษาวรรณกรรม มี อภิจินตนาการเหนือจริงแทรกอยู่
3.อวจนะภาษา.......เป็นภาษาที่ไม่ใช้คำพูด
เช่น ...ท่าทาง(มถุรา).... รู้ด้วยจิตต่อจิต(เซ็น)..... ภาษาในพุทธศิลป์
..........................................................

ถ้า พิจารณา เป็นภาษาเหตุผล ไม่ใช่การเกิดทางเนื้อหนัง
แต่เป็นการเกิดแบบ"โอปาปาติกะ" คือ ความเป็นพุทธเจ้า ผุดขึ้นเต็มตัว
ในร่างเดิม ของ เจ้าชายสิทธถะ ที่ ทรงผนวชอยู่
คือ"เกิดใหม่ในร่างเก่า"
........................................................

เขียนตามแนวคิด ท่านอ.พุทธทาส ครับผม
หลังจากเถียงกับท่านมา9เดือน เมื่อพศ. 2521
ใครไม่เชื่อ เรื่องของเอง อิๆ
.......................................................

https://www.youtube.com/watch?v=zHY65uUZAY8
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):



Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
 
//-ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหนอื่นเล่าจักเป็นที่พึ่ง(ทุกเรื่องได้นั่น)
ตนอันฝึกดีแล้วจึงเป็นที่พึ่งสำคัญ
ผู้รู้นั้นจึงเร่งฝึกตนฯ
ธรรมที่ฝึกแล้วพึ่งได้ มี 10ประการ

(นาถกรณธรรม 10)
1...ฝึกเป็นคนมีศีล..
2...ฝึกความรู้รอบตัว
3...ฝึกคบกัลยาณมิตร
4...ฝึกรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นอย่างอ่อนน้อม
5...ฝึกมีจิตอาสาเอื้อเฟื้อ

6...ฝึกสนใจปรัชญาชีวิต
7...เพียรยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาให้ยิ่ง
8...ฝึกอิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต..
9...ฝึกปลุกสัมมาสติให้ตื่น
10..ฝึกเจริญปัญญาให้ยิ่ง
...ฝึกอย่างนี้ จึงได้ชื่อว่....."ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" .....สาธุ

Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  May 30, 2015



ธรรมะ วันหยุด
ทรัพย์..............แปลว่า "เครื่องทำให้ปลื้มใจ" มีสามชนิด
1.ทรัพย์ภายนอก...คือ ทรัพย์สิน หลักทรัพย์ ตามความเข้าใจ ทั่วไป ไม่จีรัง
2.ทรัพยภายใน......คือ อริยะทรัพย์ ทรัพย์ของผู้ชนะ จิตปรุงแต่งของตน
จน พ้นอุปาทานทุกข์อันเกิดจาก ตัณหา หลงอัตตาตนเอง

...... มี7ประการคือ
-ศีล ความปกติของผู้มีมนุษย์ธรรม นำชีวิต
-ความละอายต่อความชั่ว
-ความเกรงกลัว ต่อ ผลของความชั่ว ความคิดที่ชั่ว
-ความรู้รอบตัว ความใฝ่รู้ พากเพียร แสวงหา ฝึกฝน ในความรู้ยิ่ง
-ความ นอบน้อมถ่อมตน ไม่เหิม ไม่กร่าง ไม่ห่าม ไม่เหิม
-ความสุข จากการ เสียสละแบ่งปัน จิตอาสา
-ความมี สัมมาสติ โพธิปัญญาที่ตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง นำชีวิต สู่ทางสว่าง

3.ยอดแห่งทรัพย์ คือ..."ความสันโดษ"...อิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต
-ถ้า ได้ลาภผลมา อิ่มใจที่ได้รับความเมตตา กรุณาจาก ธรรมชาติ(ยถาสันโดษ)
-ถ้าทำงาน ให้ทำงานเต็มกำลังความสามารถ(พละสันโดษ)
-ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด ต้องรู้จัก "พอเพียงคืองดงาม"(สารูปปสันโดษ)
ไม่งั้นจะใช้ตนเองดั่งวัวควาย ใช้ความโลภ
เบียดเบียนทำความเดือดร้อนต่อ สังคม โลก

-ถ้ามีครอบครัว องค์กร..ต้องดูแล ให้ให้ความเที่ยงธรรม คนในครอบครัว บริวาร
-ถ้าเป็นผู้ปกครอง ต้องไม่โลภ เบียดบัง เอาสมบัติสาธารณะ เป็นของตน
ปลุกจิตสำนึก ช่วยกัน รัก รักษ์
.................................................................

ทั้ง ทรัพย์สินภายนอก... อริยทรัพย์ ...สันโดษยอดทรัพย์
ต้องทำความเข้าใจ และบริหารจัดการ จึงจะเป็น"เครื่องทำให้ปลื้มใจ" แท้จริง สาธุ
May 31, 2015



Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Jun 3, 2015

Zen ................................มีฌาน ทุกขณะจิต
ฌาน แปลว่า.....................หนักแน่น สติ วิริยะ สมาธิ ทักษะการปรับตัว รวมเป็นหนึ่ง

1.วิสัยทัศน์หนักแน่น
............เห็นสมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ ปรมัตถ์สัจจะ และอริยะสัจจะ

2.อารมณ์หนักแน่น
..............อยู่ใน ปิติ สุข อุเบกขา จิตเป็นหนึ่งเดียวกับ ธรรมดาของธรรมชาติ
..........................................................
ว่าง วาง สัมภารก ในชีวิต
และ ล้างความยึดติด ในความเก่งของตนเอง
และไม่เอา ความวุ่นใหม่ มาใส่ใจ อีก สาธุ


Suraphol KruasuwanOWNER
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
(การสนทนา): May 31, 2015
https://plus.google.com/communities/102080888916677168217
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2015, 02:20:48 pm »



มีสี่สิ่งที่เรามีหน้าที่ดูแล
1.สุขภาพตัวเราเอง
2.สภาวะสุขของสังคม
3.สมดุลย์ของระบบชีวาลัย
4.การส่งมอบสิ่งดีๆยั่งยืน ให้ลูกหลานเผ่าพันธุ์มนุษย์
                 Suraphol Kruasuwan‎



คุณของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย
1.มหาสัมมาสติโพธิปัญญา สว่างดั่งพระอาทิตย์พันดวง
(พระไวโรจนะพุทธะ)

2.เป็นผู้ข้ามห้วงน้ำ กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา อันมนุษย์ข้ามยากได้แล้ว
(พระโอฆสิทธิพุทธะ)

3.เป็นผู้ ไม่ติดใน ภพภูมิ ในวัฎฏะสังสาร มี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ได้แล้ว
(พระรัตนสัมภวะพุทธะ)

4.เป็นแพทย์ที่รักษา โรค อันเกิดจากศรพิษ เจ็ดชนิด ที่ฝังในใจมนุษย์ได้แล้ว
ศรแห่ง กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา โศก อภิสังขาร(คิดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน)
พระอักโษภยะพุทธะ

5.เป็นผู้เสวยสุข จาก ความเมตตาอันหาประมาณมิได้ อมิตภะพุทธะ
พระโพธิสัตว์กวนอิม(ผู้ฟังเสียง ของทุกสรรพชีวิตที่ตกในห้วงทุกข์)
เป็นตัวแทนแห่ง แสงบรมสุข
จากมหาเมตตา มหากรุณาอันหาประมาณมิได้

https://www.youtube.com/watch?v=f9_IZsaE1wQ
Hug birds save earth originally shared:  -  Apr 25, 2015



มหัศจรรย์ของ เวลา
Amazing of time
Suraphol Kruasuwan Apr 1, 2015 6:05 AM

1.ธรรมชาติเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา
2.ทรงความรู้
3.สร้างสรรโดยของคู่
4.กำหนดโดยกรรม....
5.แต่เรายังมีสิทธิ์ เลือกเขียนบท ให้ตนเองเล่นบ้าง
จงใช้สิทธิ์นั้น

"ชีวิตสั้นนัก............................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย.............................ทำสิ่งที่ตนหวัง
เพียงแต่.................................ตน ท่าน ไม่เดือดร้อน เพราะเราทำ
ด้วย เวลา กรรม มัจจุราช..........ไม่เคยคอยใครฯ"(โอมาร์คัยยัม)

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Apr 1, 2015 6:05 AM



//-พลังงาน มวลสาร เวลา อวกาศ กฎธรรมดาของธรรมชาติ
และ"ความรู้สึกว่าเรามีอยู่" อัศจรรย์เสมอ
เวลา..คือ
1.เราเชื่อว่า เวลาเหมือนลูกศร
เดินทางไปข้างหน้า ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง
2.ไอสไตน์ บอกว่า เวลา ยืด หด ได้ และเหมือนสายน้ำ
เราเหมือนเรือ แล่น ทวนกระแส ตามกระแส
บางที่ก็ตกอยู่ใน วังวนของเวลา
3.เวลา มีการชดเชย
เมื่อเราพลาดสิ่งหนึ่ง เวลาก็จะมอบสิ่งดีๆให้
ดังนั้น ไม่ควร โทษเวลาและตนเอง
แต่ อยู่กับเวลา อย่างปรีชาญาณฉลาดเลือก

https://www.youtube.com/watch?v=JXOXns_gx8k



วันแห่งความสุขของชาวโลกย์
ในพุทธศาสนา
ความสุขแท้รู้สึกได้ที่ ใจ
ทางวิทยาศาสตร์ เป็นกลุ่มอินทรีย์เคมี ที่ร่างกายผลิต รู้สึกมากที่หัวใจ
ได้แยก กุญแจไขความสุข กับความสุขไว้

1.กุญแจไขความสุข ส่วนตน
-กามสุข
สุขจากเพลินในการผัสสะ จาก รูป รส กลิ่น เสียง สบายทางกาย ใจ
ต้องใช้วัตถุปัจจัยภายนอก เป็นตัวกระตุ้น
ไม่ยั่งยืน ติด และ แปรเป็นทุกข์ได้ เมื่อไม่เป็นดังใจ

-ฌานสุข
สุขจากจิตที่เป็นสมาธิ หนักแน่น เย็นพอ
อาจได้ อิทธิฤทธิ์เป็นของแถม

-ญาณสุข
สุขจากการ เสพความรู้ จนถึงรู้เข้าใจ กฎธรรมดาของธรรมชาติ
ทำให้เกิดปัญญา จนดับ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ได้

-นิพพานสุข
มี9สภาวะธรรม
วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน วิชชา วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ วิสังขาร
เปรียบดังลม(นิรวาร) คือไม่มีเชือกใดผูกไว้ได้
เป็นลักษณะ เสรีภาพของชีวาในชีวิต

อ.พุทธทาส ตอบไว้ง่ายๆว่า
-ทุกข์....คือนรก
-สุข.......คือสวรรค์
-เย็น......คือนิพพาน

2.กุญแจไขความสุข เพื่อสังคมดีด้วยกัน
หิตายะสุขายะ เมื่อทำให้ผู้อื่นเป็นสุข เราก็มีความสุขด้วย
สาธุ

Suraphol Kruasuwan commented on a video on YouTube.
Shared publicly  -  May 6, 2015
 
ความผิดพลาด เป็นการเรี่มต้นของการพัฒนา
เราคือธรรมชาติ ท่านก็เช่นกัน
ระบบชีวาลัย เปราะบาง สำหรับ เผ่าพันธุ์มนุษย์
"ตั้งสติ ใช้ปรีชาญาณ ฉลาดเลือกสิ่งที่ให้คุณมาก โทษน้อย
สุขจาก พอเพียง และแบ่งปัน"

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly - 15/5/2558 8:51 AM
Happy day to you
"หน้าตาดี จะอยู่กับเรา................ครึ่งชีวิต
สมองดี จะอยู่กับเรา....................ค่อนชีวิต
ความดี จะอยู่กับเรา....................ตลอดชีวิต
กรรมดี จะอยู่กับเรา......................เป็นอเนกชาติ
ผู้รู้จึงเร่งเจริญ กาย วาจา ใจ..........ที่เป็น กุศลกรรมอันจริงดี งาม สงบ สุขยั่งยืนฯ"


G+ communities Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 20, 2015


Suraphol KruasuwanOWNER  originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Shared publicly  -  19/5/2558  -  6:23 AM
 
สุภาษิต ล้านนา
คำแปล : จับใจอีแร้ง อาจจะไม่ถูกใจอีกา ถูกใจครูบา(เจ้าอาวาส) อาจไม่ถูกใจพระน้อย(สามเณร)
ความหมาย :
เป็นคำกล่าวเปรียบเปรยว่าคนเรามีความชอบหรือไม่ชอบในสิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน
บางสิ่งเราอาจจะคิดว่าถูกต้อง ดีงาม แต่มันอาจจะไปขัดใจผู้อื่นก็เป็นได้
หรือบางทีเราไม่ชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่คนอื่นเขาอาจจะชื่นชม
พอใจในสิ่งนั้น ๆ
เป็นการสอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเอาใจเราไปใส่ใจเขานั่นเอง

http://www.cnxwalkingstreet.com/cnxwp/?p=1597
https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan/posts



พระธรรมคือ
1.ธรรมชาติทั้งหมด(ทุกปรากฎการณ์)
2.กฎของธรรมชาติทั้งหมด(กฎวิทยาศาสตร์ กฎแห่งกรรม กฎไตรลักษ์)
3.หน้าที่ ที่เราต้องปฏิบัติอย่างถูกต้อง ต่อธรรมชาติทั้งหมด(มงคลชีวิต)
4.ผล ที่เราจะได้รับ เมื่อปฏิบัติต่อธรรมชาติ
วิบาก วาสนา ทุคติ สุคติ มรรค ผล นิพพาน
(ย่อจากคำสั่งสอน อ.พุทธทาส)
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เคารพ พระธรรมนั้น
ช่วยกัน ทำในสิ่งที่เรารัก รักษ์สิ่งที่เราชอบ
ประกอบแล้ว ดี ต่อตัวเรา สังคม สิ่งแวดล้อม รู้แจ้งในจักรวาล สาธุ


Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Shared publicly  -  19/5/2558 6:26 AM
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2015, 02:34:25 pm »



Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 20, 2015

3600ล้านปี ชีวิตกำเนิดขึ้นในโลก...สัญชาติญาณ เอาชีวิตรอดเกิดขึ้น
400ล้านปี ปลาตัวแรก ที่ มีSEX เพื่อความสุข
7.5ล้านปี มนุษย์แยก สายพันธุ์ออกจากลิงไม่มีหาง
3หมึ่นปี มนุษย์ สร้างอารยธรรม
2500ปี พุทธธรรม มีผู้ค้นพบ และบอกทางสว่าง มา
.................................

1.สัญชาติญาณ สอนให้เรา เอาตัวรอด
2.อารยธรรม วัฒนธรรม สอนให้เรา อยู่ร่วม
สื่อสาร ส่งทอด ความรู้ ความสะดวก สบาย
ในโลกแห่งการแข่งขัน สุขจากการแบ่งปัน สิ่งดีๆให้กัน
3.พุทธธรรม ทำให้เรา เลิกเป็นทาส จิตปรุงแต่ง
ที่ปรุง ทุกข์ สุข..ดี ชั่ว..ชอบชัง...
พบ"เสรีภาพของความเย็น ในชีวาแห่งชีวิต"(วิมุติธรรม)
-จะปรับตัวเพื่ออยู่รอด
-ใช้ชีวิตสุนทรีย์ อย่างมีศิลป์ในศาสตร์
-อยู่ร่วมกับสังคมแบบเป็นมิตร
-พบความเย็นมีชีวาในชีวิต
...อยู่ที่เราจะใช้โปรแกรมไหน
เลือกอย่างใด ชีวิตเป็นไปเช่นนั้น สาธุ

*****************************************


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 21, 2015
 
Good morning take care
55555+ เรื่องเก่าเล่าใหม่
puling-222 26 มกราคม 2554 13:31
..................................................................................
ทุกข์ของมนุษย์ มีแค่สามส่วน สิบมิติ
ชนะไม่ยาก แต่เราต้องฝึกๆๆๆ
"สภาวะทุกข์................................ฝึกทำใจรับสภาพ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เวทนาทุกข์..................................ฝึกอดทนพันเท่า
อารมณ์ทุกข์................................ฝึกชงอารมณ์ขัน มาแทนทุกอารมณ์บูด"
...................................................................................

1.-เกิดแก่ เจ็บ ตาย......................เป็นทุกข์......ธรรมดาของโลก
2.-สิ่งแวดล้อม แปรเปลี่ยน............เป็นทุกข์.......ควบคุมไม่ได้ อดทน..ควบคุมได้ช่วยกันแก้ไข
3.-โศรก คับแค้นใจ เสียใจ............เป็นทุกข์.......ทุกสิ่งเป็นไปตามกฎเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง ไม่ใช่ตามใจเรา อิๆ
4.-หิว .................เป็นทุกข์....วัตถุ ผัสสะ อุดมการณ์ ความรู้ อัพเดท ให้พอแล้วดี ช่วยได้อิๆ
5.-ราคะ โทสะ โมหะ เผาจิต..........เป็นทุกข์....อารมณ์ ทุกข์เกิด กำหนดรู้แล้ว ละเสีย อิๆ

6.-อดีตผุดขึ้นมา...........................เป็นทุกข์....ล้างเงื่อนไข โยนทิ้ง (ตะบะ)อิๆ
7.-ทำมาหากิน.............................เป็นทุกข์....ทำเพื่อ เลี้ยงชีวิต ร่ำรวย เป็นเรื่องของ"ฟ้าเป็นใจ" วาสนา
8.-ขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท...............เป็นทุกข์...เจรจาแบ่งปัน รับฟังกันแบบมิตร คือสำเร็จ
9.-ปรุงชีวิต มีชีวาไม่เป็น................เป็นทุกข์ หัดใช้คอมพ์มีชีวิต คือตัวเรา อย่าง มีสติ กุมสภาพจิต อิๆ
10.-ขี่แรงขับชีวิต(ตัณหา)ไม่เป็น....เป็นทุกข์..ขี่ให้ ละชั่ว ทำดี ชำระใจใสๆ ย่อมไม่ทุกข์อิๆ



//-ตนแล..................................เป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหนอื่นเล่า.........................จักเป็นที่พึ่งได้(พึ่งได้บางเรื่อง)
ตนอันฝึกดีแล้ว.........................เป็นที่พึ่งอันหาได้ยาก
ผู้รู้จึง.......................................เร่ง อดทน เพียร ปิติสุข กับการฝึกตนฯ

***********************************************


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 22, 2015

"คนนั่ง......................สอนให้ยืน
คนยืน......................สอนให้เดิน
คนเดิน.....................สอนให้วิ่ง
คนวิ่ง........................อย่าไปยุ่งกับมันฯ"

เหมาเจ๋อตุง
******************************


Suraphol Kruasuwan originally shared to
:Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
 
ชีวิต อยู่ได้ด้วย
1.ปัจจัยสี่ และเครื่องมือ ต่อความสามารถ อำนวยความสะดวกสบาบ
2.สัมผัส ด้วยความรัก ความเข้าใจ และมิตรภาพ
3.อุดมคติ ความหวัง
4.ความรู้ ความเข้าใจ ธรรมชาติ ตน สังคม สิ่งแวดล้อมจักรวาล
5.และ การตื่นของ สัมมาสติ โพธิปัญญา จนพบ"ปรีชาญาณ"

เลือกทางที่ จะ
-ละชั่ว
-เจริญกุศล
-ล้างขยะปรุงแต่งจิต จนพบ ความสงบ สะอาด สว่าง ด้วยตนเอง สาธุ


: https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan/posts
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มีนาคม 11, 2015, 07:28:42 pm »


 
Good morning
หรรษา มีชีวาในชีวิตนะครับ

จิ๊กซอร์ที่หายไป
พุทธศิลป์ ที่เรารับมา มาจาก วัฒนธรรมเทวะนิยมของกรีก
พุทธรูปที่เรากราบไหว้ ก็มาจาก ชาวกรีก ที่มากับกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
ที่บุกมาถึง ลุ่มแม่น้ำสินธุ และไม่กลับ หันมานับถือพุทธศาสนา
และทำรูปเคารพ พุทธเจ้า เสมอเทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพอพอลโล่

"ประทีปส่องแสงทางได้.................ยามค่ำคืน
สุริยัน จันทรา................................ให้แสง วันคืนนั่น
แสงสติปัญญาตื่น..........................เป็นปรีชาญาณส่องทางชีวิต ทุกกาล
ใครปลุกแสงสติปัญญาตื่นได้นั้น.....ย่อมพบ บรมโชคดีฯ"

เมื่อพระพุทธรูป มีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพอพอลโล่
เจ้าตัวแพะทะเล หรือ มกร ก็ต้องมาเฝ้าวิหารเทพด้วย
เทพอพอลโล่ เป็นบุตร นางยุโรปา(ชื่อทวีปยุโรปมาจากนี้)
ที่หนี มหาเทพซุส โดยแปลงร่างเป็นวัว เทพซุส ก็แปลงร่าง
เป็นโคสวย มาเคียงคู่กว่าจะรู้ตัว ก็ถุกผสม
เมื่อตั้งเทพอพอลโล่กำเนิด เฮร่า มเหสีเอก ก็ให้ สัตว์ร้ายไปไล่ล่า
เจ้าแพะวิเศษ ก็พาหนี มาจนมุมที่มหาสมุทร
เทพซุส จึงให้พร เจ้าแพะมีหาง กลายเป็นแพะทะเล
พา เทพอพอลโล่ หนีรอดมาได้
................................................................

ช่วงที่วัฒนธรรมกรีก มาถึงอินเดีย หลังยุคพุทธกาล
อินเดียต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อรักษ์วัฒนธรรมตนให้อยู่รอด
ฝ่ายพรามหณ์ สร้าง ตำนาน มหาภารตะ ขึ้นมา
รวมพระเจ้าสามองค์เป็นตรีมูระติ เอาคัมภีร์อุปนิษัท ให้ทุกวรรณะนับถือ
ก่อนนี้ ความรู้นี้ พรามห์ผูกขาด แม้นแต่พระกฤษณะ ก็มีผิวสี
และกลายเป็นฮินดู(ป่าอันยิ่งใหญ่ ที่ทุกสรรพชีวิต อยู่ด้วยกันได้)
พุทธ ก็เกิด พุทธมหายาน(ยานอันยิ่งใหญ่ที่ขนทุกสรรพสัตว์ข้ามโอฆะได้) กลายเป็น"เทวะนิยม" เต็มตัว
............................................................

จิ๊กซอร์ที่หายไป คือ องค์ความรู้ ที่มาที่ไป ของ พุทธศิลป์ วรรณศิลป์
ที่มาที่ไป ของชาวพุทธยุค โลกาภิวัฒน์ สาธุ
.........................
ก็อย่างที่บอกในตอนที่แล้วนะคะว่าจะมาเล่าให้ฟังเรื่องตัวมกร (อ่านว่า มะ-กะ-ระ ค่ะ) ว่าคือตัวอะไร มีที่มาอย่างไร และมีความหมายว่าอะไร
ถ้าสังเกตตามราวบันไดวัดทางภาคเหนือของไทยส่วนมากเราจะเห็นตัวมกรอยู่ค่ะ ตัวมกรมีลักษณะคล้ายๆจระเข้ค่ะ เวลาไปวัดให้ดูตรงบริเวณคอของพญานาคนะคะ ถ้ามีสัตว์รูปร่างคล้ายจระเข้อยู่ด้วยล่ะก็ใช่เลยค่ะ
ความจริงแล้วตัวมกรไม่ได้มีอยู่ทางภาคเหนือของเราอย่างเดียว ทางประเทศเพื่อนบ้านของเราก็มีค่ะ นั่นคือ ประเทศ ลาว พม่า เขมร ค่ะ ทางเขาจะเรียกว่า "ตัวสำรอก"ฟังจากชื่อก็รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าหมายถึงตัวที่คายอะไรๆออกมา (สำรอก-คาย)
ตัวมกร มีอีกชื่อหนึ่งนะคะ คือ "เหรา" (อ่านว่า เห-รา) เป็นชื่อที่เรียกกันมานานแล้วค่ะ ตัวเหราหรือมกรเนี่ยจะมีหน้าที่เฝ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่สื่อว่าเป็นเขาพระสุเมรุค่ะ เพื่อไม่ให้ใครไปรบกวนเหล่าเทวดาบนเขาพระสุเมรุนั่นเอง
................................................

เหราคายนาค หรือ มกรคายนาค
เป็นพุทธศิลป์ หมายถึง
อุปาทานในขันธ์ห้า ยึดไว้อารมณ์ทุกข์เกิดแน่ๆ
ต้องคลายความยึดมั่นถือมั่น
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น

G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 9, 2015




https://www.youtube.com/watch?v=hRNvoxxSNsY

2.ภาระกิจ ที่สอง ชนะอารมณ์
ในนิทาน กรีก มีงาน12ชนิดที่คนครึ่งเทพ(วีระบุรุษ) เฮอร์คิวลิส เท่านั้นทำได้
งานชิ้นหนึ่ง คือ ปราบอุสรกายไฮดรา ที่สถิตย์ในถ้ำ มีหนองน้ำเน่า
คอยจับคนที่ผ่านทางกิน

-ซัวเจ๋ง ก็เคยเป็นปีศาจน้ำ ที่สะสมกะโหลกมนุษย์
ก่อนที่จะถูกหงอคงปราบ และกลายมาเป็นหนึ่งในคณะเดินทางไปไซที
-หิงสาอสูร ก็ถูก พระแม่อุมาเทวี ปราบโดยการ ดื่มเลือดจนหมดตัว
ไฮดรา เปรียบ ได้กับ"อารมณ์มนุษย์" ยิ่งเฮอร์คิวลีส เอาดาบตัด กระบองทุบ ก็จะงอกหัวใหม่ เพิ่มเป็นสองเท่า

-อารมณ์มีกองหนุน คือความคิด กับอดีต ที่เคยผูกไว้
เวลาอารมณ์เกิด ลองหยุดคิด ดูอาการ ที่เกิดขึ้นที่ขั้วหัวใจ ทุกลมหายใจเข้าออก
อารมณ์เป็นสิ่งปรุ่งแต่ง อยู่ใต้กฎไตรลักษ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
"สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับเป็นธรรมดา"
ใช้สติเพ่งดูอารมณ์ กำหนดรู้ ไม่ให้ความคิดเข้าแซก
อารมณ์ก็จะค่อย หมดฤทธิ์ ทำซ้ำๆ จนเฉยๆ ปิติ สุข ขำๆ

-หาที่สงบ เอาความคิด ลาก ทุกอารมณ์ที่เราไม่ต้องการ ออกมา
แล้วใช้วิธี แยกความคิด เพ่งดู อารมณ์จะอ่อนแรง และจะหมดอธิพล
จิตที่ไม่ได้ฝึก เรื่องอารมณ์ จะเหมือนแผลเก่า
จิตที่เรี่มฝึก จะว่องไวดุจสายฟ้า
จิตที่ชนะอารมณ์ จะเป็นดุจเพชร แข็ง สวย ไม่เก็บแสง
"โอมมณี ปัทเมฮุ้ม" เพชรที่อยู่เหนือดอกบัว
..............................................

หากทำถึงระดับ สงบในที่สงัด สงัดจากอารมณ์แปรปรวน
ท่ามกลางความเคลื่อนไหว
ก็สาธุ ไหว้ตัวเองได้แล้ว



 
Good morning
หรรษา มีชีวาในชีวิต อิ่มในกุศล ทุกลมหายใจเข้าออกนะ

ภาระกิจประจำวันที่4
ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม ของชาวโลกย์
CENTAURS เซนทอร์ส ครึ่งคนครึ่งม้า
เฮอร์คิวลีส ถูกใช้ไปทำภาระกิจที่4 ไปจัดการกับหมูป่าแสนดุร้าย
ในดินแดนของ เซนทรอร์ centaur คนครึ่งม้า ที่เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาการต่อสู้ให้
งานนี้อาจารย์ ไม่ยอมให้ทำลายหมูป่า เพราะการขุดคุ้ยของหมูป่า
ทำให้พบอัญมณีมีค่า เป็นรายได้ เลี้ยงชุมชน ในการต่อสู้ เทพแห่งดาวอังคาร คุ่ปรับ
ได้แอบสลับ ลูกศร ที่ชุบเลือดไฮดราที่มีพิษ ทำให้เซนทรอร์ตาย
คนครึ่งม้าเลยอาฆาต และ เป็นเหตุให้เฮอร์คิวลีส ตาย ด้วยเสื้อคลุมเซนทรอร์
ในตอนจบมหากาพย์เฮอร์คิวลีส
....เรามีโปรแกรมสัญชาติญาณเอาตัวรอด
....จิตในสำนึกเรา ยังมีวัฒนธรรม ที่มีภูมิสังคม วัฒนธรรม ที่เราเกิด
เรียนรู้และยึดติด ที่เราต้องมีท่าทีเห็นเหมาะสม เพราะมนุษย์เป็นชีวิตที่มีสังคม
ทุกคนต้องการ
-จุดยืน
-พื้นที่
-ความสำเร็จ
-และการชื่นชมซึ่งกันและกัน
-ต้องเข้าสมาคม ในสังคมต่างวัฒนธรรม ถ้าเราทำหน้าที่เหมาะสม
ก็จะเป็น มงคล หรือโชคดี ที่ได้ทำหน้าที่ดีๆ ในการเข้าสมาคม
"ไม่ควร เคียดขึง พึงใจ.......................กระแสวัฒนธรรมโลก แม้นนิด
เสพความรู้วัฒนธรรมเพื่อกระชับมิตร....อย่าประมาท ขาดสตินั่น
ไม่พึงดูถูก ปรามาส วัฒนธรรม.............ซึ่งกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น............................ปราชญ์ทุกสังคมชื่นชม เป็นบรมโชคดีฯ"


http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 9, 2015
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มีนาคม 11, 2015, 07:26:36 pm »



"มองโลก มองธรรม แบบปู่ลิง"
การศึกษา
คำว่า "education" เป็นศัพท์จากภาษาลาติน ēducātiō ("การปรับปรุง,การอบรม") จาก ēdūcō ("ฉันรู้, ฉันฝึก") วิกิพีเดีย
การศึกษา
คือการ เรียน..รู้.....จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ด้าน
วิสัยทัศน์ ชีวทัศน์ และ สติปัญญา จนเกิดปรีชาญาณ รู้แจ้ง
การศึกษา
คือการ ออกแบบ มนุษย์

มนุษย์ในอุดมคติ
"ไม่เป็นภัย ภาระ........................แก่สังคม
พัฒนาศักยภาพตน....................จนพึ่งตนได้
เอื้ออาทร ให้ตน.........................สังคม สิ่งแวดล้อม ให้งดงามตามกันไป
ใครบรรลุ หน้าที่ไซร์....................แม่นแล้วยอดคน"

การออกแบบมนุษย์ของจีน
1.มีศักยภาพ.............................คือทำงานได้จริง
2.ทำงานเชิงรุก......................... ไม่ใช่แพลนแล้วนิ่ง
ไม่ใช่เป็นพวก NATO No action talk only
ดีแล้วต้องบุก ลงมือปฏิบัติทันที ทันกาล ทันกระแส ทันป้องกันเหตุ
3.เคารพกฎหมาย......................ไม่ใช่พยายามอยู่เหนือกฎหมาย
เลี่ยงกฎหมาย แก้กฎหมาย เพื่อประโยชน์ตนและพวก
4.รักประชาชน...........................และวัฒนธรรมท้องถิ่นตน(น่าจะรักสิ่งแวดล้อมด้วย)
5.เรียนรู้ตลอดชีวิต.....................เพื่อทันกระแสโลก ปรับตัว ปรับปรุงทักษะตลอดชีวิต
6.จิตอาสา................................เพื่อสังคม ที่ดีด้วยกัน
.............................................................

การเรียนรู้ ให้ชีวิตเยาว์วัย ยั่งยืนเสมอ แบบมงคลชีวิตของชาวพุทธ
"เรียนรู้สรรพวิชา......................ความรู้รอบตัว มีวิสัยทัศน์ กว้างไกล
มีการฝึกฝนศิลป์......................มีฝีมือจนเป็นอาชีพได้
มีนิสัยดี โปร่งแสงโปร่งใส.........เป็นที่รัก ของ เทวดาและมนุษย์ สว่างใน
มีการสื่อสาร ด้วยใจ.................ที่เป็นมิตร ชีวิตอุดมสุข เจริญธรรมฯ"
...........................................................

การศึกษา ใน ระบบการศึกษาไทย มุ่งปีนบันใด ทางสังคม
มากกว่าจะ ทำให้ เกิดปัญญา ที่ทำให้ โลกทัศน์ ชีวทัศน์ ดี
........................................................

การพัฒนาเพื่อเกิดปัญญา
1.มาจากการเลียนแบบ
มนุษย์มักจะชื่นชอบ ตัวต้นแบบ และทำตาม
เพราะมนุษย์มีเซลล์ก๊อปปี้ ในสมองถึง20%
การส่งมอบวัฒนธรรมดี จึงจำเป็น จากผู้สอน ควรทำตัวเป็นต้นแบบที่ดี
มีความรู้คู่ มนุษย์ธรรม(คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ปรมัตถ์ธรรม อริยะธรรม)

2.โดยการเปรียบเทียบ
3.โดยการสังเคราะห์
4.โดยการวิเคราะห์
5.เรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เอาสิ่งที่เรียนรู้ที่เป็นสิ่งเร้ามาผูกด้วยกัน
6.เรียนรู้แบบล้างเงื่อนไข เอาสิ่งเร้า มาแยกออกจากกัน

ซึ่งพระพุทธเจ้า สอนให้ ฝึกแยก ชีวิต เป็นรูปหนึ่ง นามสี่ และล้างขยะปรุงแต่งออก
(ทำอาสวะสิ้น) จนหมดเหตุปรุงแต่ง อารมณ์ทุกข์เด็ดขาด

7.เรียนรู้โดยตกผลึกความคิด
ทำให้ได้ ทำให้ดี ทำให้ดีที่สุด และหาทางเส้นใหม่ ที่ง่าย สั้น เป็นประโยชน์มากขึ้น
8.เรียนรู้โดยสัญชาติญาณ
มนุษย์ใช้วัฒนธรรมที่ส่งทอด แทนสัญชาติญาณ แต่ก็ยังมีสัญชาติญาณ ติดตัวมา
มนุษย์เป็นนักล่า นักเก็บเกี่ยว นักฉกฉวยผลประโยชน์ นักเรียนรู้พัฒนา
สร้าง สิ่งต่อความสามารถ และ ความสดวกสบายแทนการ ปรับตัวเพียงอย่างเดียว
9.โดยสหัชญาณ
รู้โดยไม่ต้องเรียน บางท่านเชื่อว่า เป็น บุญเก่า วาสนาเดิม ติดตัวมา
.......................................................

มนุษย์มีความสามารถที่จะ"เห็น" มีวิสัยทัศน์ หรือเข้าใจทุกธรรมชาติจาก
หนึ่งตาเนื้อ สี่ตาปัญญา
ถ้าเป็นโดยการฝึกฝน เรียกว่า"มีวิชชา"
หรือวิสัยทัศน์(จักขุมา)อันเกิดจากการใช้ปัญญา
1.-พุทธะจักษุ.....ใช้สติปัญญา
2.-ธรรมจักษุ.......ใช้การเข้าใจธรรมชาติ ตามความเป็นจริง
3.-สมันตะจักษุ.....ใช้ความรอบรู้ ทักษะ หลากหลายวิชาการ พิจรณา หลายแง่มุม
4.-ทิพย์จักษุ.......คิดแบบ รอบคอบ รอบรู้ ละเอียด ลึกซึ้ง
.....................................................

ซึ่งวิธีคิดแบบชาวพุทธมีคิดแบบสิบมิติ คือ
1.....มองจากเหตุไปหาผล
2......มองจากผล กลับมาหาเหตุ
3......มองเห็นความสัมพันธ์ เหตุปัจจัย ต่อเนื่อง แบบลูกโซ่
4......มองเห็นเหตุ ที่ทำให้จุดประกายเรี่มต้น
5.....มองเห็นเหตุ สงเสรีม ให้ เจริญ
6......มองเห็นเหตุ ตัดรอนให้เสื่อม
7......มองเห็นเหตุตัดขาดให้ดับ
8......มองเห็นแบบวิเคราห์แยกแยะองค์ประกอบ
9......มองการทำงานร่วมกันแบบองค์รวม
10.....มองเห็น ความเป็นไปได้ และ ไม่ได้ ตามจริง
..............................

//-ชีวิตจริงต้องอาศัย แสงส่องโลก(วิชาการ)
คือความรู้หลากหลาย ความเชี่ยวชาญ งานศิลป์
แสงส่องใจ(วิชชา)
-รู้ว่า ความรู้ที่เก็บเข้ามา
ต้องคัดเลือกแยกแยะ เก็บสิ่ง จริงดี งาม
-รู้ว่า ความทรงจำที่เก็บไว้
ต้องอยู่ในที่สงัด สงบ ปล่อยให้ ออกมา แล้ว"ล้างเงื่อนไข"
ปมเด่น ปมด้อย ทิ้ง ให้ จิต ว่าง วางอุปทานในตัณหา เสีย
-รู้วิธีคิด แบบสร้างสรร ดีต่อชีวิต ชุมชน สิ่งแวดล้อม เป็นมิตร
-รู้วิธี กำหนดอนาคต และส่งมอบสิ่งดีๆ แก่คนรุ่นต่อไป
-รู้เว้นในสิ่งควรเว้น อดทนในสิ่งที่ควรอดทน รู้อภัย ให้แก่ตนและผู้อื่น
รู้วิธี สร้างปฏิสัมพันธ์ทางบวก ยามสื่อสาร อิๆ
-รู้วิธีปลดปล่อย ความสุข สู่เสรีภาพแห่ง ชีวิตที่มีชีวา อย่างแท้จริง
....................................

มีแสงส่องโลก(วิชาการ) อย่าลืม สร้างแสงส่องใจ(วิชชา)ด้วยนะ สาธุ
......................................
ปรัชญาการเรียนรู้ศตวรรษ ที่21
น่าสนใจเพราะ เป็นแนวคิด ที่บริษัทชั้นนำทางธุรกิจ
คิด เสนอ ไม่ได้มาจาก นักวิชาการทางการศึกษา
"ผู้เรียน ผู้สอน เรียนรุ้ ที่จะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งดีๆด้วยกัน"
-การเรียนรุ้ที่ ให้ครูเป็นจุดศูนย์กลาง
-การเรียนรู้ที่ นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง
มาสู่ ทั้งสองต้องเรียนรู้ เปลี่ยนแปลงในทางดีด้วยกัน

1.มนุษย์ต้องมีความสามารถอ่าน
อ่านหนังสือ อ่านสถาณะการณ์ อ่านแผนงาน อ่านใจตนและผู้อื่น
2.มนุษย์ต้องมีความสามารถที่เขียน
เขียนหนังสือ เขียนแผนงาน เขียนการออกแบบชีวิตจนเกิดปรีชาญาญได้
3.มนุษย์ ต้องเรียนรู้วิธีสื่อสารทางบวก สื่อสารที่สร้างมิตร
4.มนุษย์ ต้องทำงานเป็นทีม อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ท่านอาจชนะถ้าท่านเก่ง แต่ท่านจะประสบความสำเร็จ
เมื่อท่านรู้จัก สร้างทีม ทำงานเป็นทีมที่ดีเลิศ
...................................

สรุปการศึกษาเรียนรู้ ที่จะเปลี่ยนแปลง


G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Feb 19, 2015
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มีนาคม 11, 2015, 06:53:52 pm »




60 up......ชีวิตเรี่มต้น เกิดใหม่ในร่างเก่า
"ตนโต....................ต้องไม่ข่ม
คนเล็ก...................ต้องไม่กร่าง
คนที่ดี....................ต้องไม่ห่ามและเหิม
คนที่ฉลาด..............ต้องดูแลตนเองเป็น"(สุภาษิตจีน)

//-หากคุณได้คอมพ์เก่ามาใช้
สิ่งแรกต้องทำคือ ล้างโปรแกรมเดิมออก เพื่อขจัดขยะ ไวรัส
และโปรแกรมเก่า ล้าสมัย ทิ้ง
และ"ลงโปรแกรมใหม่"
ฝึกใช้ โปรแกรมใหม่ และไม่ไปหา ไวรัสใหม่ๆ จาก เวบ ล่อต่า ล่อใจ อะฮิ อะฮิ

//-ในชีวิตเรามีทั้ง
ด้านมืด สว่าง กฎธรรมดาของธรรมชาติ ปรีชาญาณ จากสติปัญญาที่ถูกปลุกให้ตื่น
ต้องล้าง และเรี่มต้น นับหนึ่ง ใหม่
1.ด้านร่างกาย
ต้องดูแล ให้ถูกสุขลักษณะ และใช้งาน พอให้ร่างกายรู้ว่า
"กูต้องแข็งแรงเพราะกูจะใช้ร่างนี้ไปอีก60ปี ตามที่ยีนส์กำหนด" ไม่งั้นร่างกายจะทำลาย มวลกระดูกกล้ามเนื้อ
เอาไขมันมาใส่แทน ทีนี้ละ งานเข้า ครับผม
และต้องสวงนอวัยวะทุกส่วน
-ตา ออกแสงใส่แว่นกันแสงนะพวก
-หู ระวังเสียงดังเกิน80เดซิเบล ทำลาย การรับเสียง
ที่สำคัญอย่าทำตัวเป็น"คนหูไว" ไปหาเรื่องเจ็บตัว
-หัวเข่า เอ็นร้อยหวาย
ใครว่าไม่สำคัญ ต้องเลิกวิ่ง กระโดด ปั่นจักรยานแบบชิวๆ
ยืนปั่น สลับหมุนรอบขา ให้ได้80รอบต่อนาทีบ้าง
คนไม่เชื่อ ไปใส่เข่าไททาเนี่ยมไปหลายคน
ถ้าไม่มีตังค์พอ ก็ฉีดสะเตียร์รอย ก็มีผลข้างเคียงอีก
-ที่สำคัญการนอน สลับตื่น จะกลับมาเหมือนเด็ก
อย่าฝืน หิวกิน(พอชื่นใจ) ง่วง นอน
-อาหาร กินให้หลากหลาย อย่างละนิดหน่อย
กระจายไปหลายมื้อ และเว้น เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม แต่งสี กลิ่น รส ให้มากที่สุด
-ยา อย่ากินยาเป็นอาหาร ให้กินอาหารที่เป็นยา คือพืชพื้นบ้านบ้างนะ

2.ด้านสติปัญญา
ต้องฝึกฝน เรียนรู้ใหม่ๆ
ทุกอยากพอเพียงได้ ยกเว้นความรู้
จงมีความสุขกับการกินความรู้เป็นอาหาร
หากลืมของ อย่างโกรธตนเอง ยิ้มรับสภาพ
และแปลก เวลาที่หายไปมักมีสิ่งดีๆมาทดแทนเสมอ

3.ด้านจิตใจ
เรามีสองจิต
-จิตปรุงแต่ง มันก็ทำงาน ปรุง
ความคิด อารมณ์เจตนา สะสมความรู้ เป็นตัวกูของกู
เปลี่ยนกิเลสเป็นโพธิ ไปทำสิ่งดี
-จิตแท้ จิตเดิม
จิตที่เป็นปรีชาญาณ จากสัมมาสติโพธิปัญญา
ต้องปลุกให้ตื่น มากุมสภาพจิต
และจะพบชีวาในชีวิตที่แท้จริง

4.สมบัติ
-มนุษย์สมบัติ มันไม่ไม่เที่ยงแต่อย่าบ้า
ขนไปถวายพระปลอม เช่นพระเสือ พระแพะ พระกวาง พระหมีดำ
สร้างอนุสารีย์ส่วนตนหมด
มาหมุนเวียน ให้สังคมที่ด้อยโอกาสดีกว่า
เด็ก คนพิการ คนชรา คนที่ควรมีโอกาส เป็นคนดีของสังคม ช่วยกันนะ
รวมทั้งหมู หมา กาไก่ นก แมลง พืช ด้วย อย่าเบียดเบียนเกินเหตุ
-สวรรค์สมบัติ
ความหรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจจากการทำดี
เรารู้ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ ไม่ต้องรอให้ตายนะ
-นิพพานสมบัติ
นิพพานมาจากภาษาสันสกฤต
นิรวาร แปลว่า เป็นดั่งลม ที่บ่วงไหนก็ผูกไว้ไม่ได้
คือบ่วง กาม ภพ ทิฐิ อวิชชา..ผูกไม่ได้ เป็นชีวิตชีวาที่มีอิสระอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ แดนในจินตนาการของ เกจิอาจารย์ไหนๆ มะโนไป
และสะกดจิตให้ศิษย์ เพ้อเจ้อตาม(วิปัสสนูปกิเลส)
เป็นผล ที่เรา ฝึกฝนทำอาสวะสิ้น ล้างจิต จนหมดห่วง
มีวิชชา(สัมมาสติโพธิปัญญาตื่น จนเลิกปรุงแต่งอารมณ์ทุกข์)
มีจรณะ มีความประพฤติ ดี ชอบ มีนิสัยโปร่งใส ใจโปร่งแสง
สัมปันนโน ครบเครื่อง เลิกทำตัวต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์
เป็นมนุษย์โส..ที่ไหว้ตนเองได้

5.สร้างเครือข่าย ดีๆให้แก่ตนและลูกหลาน
"อยู่ถูกที่ คบถูกคน ตัดสินใจถูกเวลา
ฟ้าเป็นใจ เพราะเราสร้างกุศลมามากพอ
คือความสำเร็จ"
................................................

ชีวิตใครชีวิตมันนะครับ
"สุขภาพดีคือ..................ลาภอันประเสรีฐ
อิ่มใจในกุศล...................ทุกขณะจิต คือยอดทรัพย์
มีมิตรอุปการะ...................เป็นยิ่งกว่าญาติ
ปรีชาญาณฉลาด..............พาชีวิตพ้นทุกบ่วง คือยอดบรมสุขฯ"
......................................................
https://www.facebook.com/puling222/posts/876172532450172:0




พฤติกรรมการเรียนรู้ นักการศึกษาได้แยกออกเป็นสี่
1.เลียนแบบ....................มนุษย์มีเซลกระจกเงา20% ในสมอง พร้อมจะเลียนแบบ
2.ความประทับใจ.............จากอารมณ์ ทั้งชอบ และชัง กลัว
3.ผูกเป็นเงื่อนไข..............เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันผูก กับอารมณ์ ความคิด เจตนา
4.ใช้เหตุผล...อ๋อเหรอ......มนุษย์ใช้สมองเหตุผล เพื่อ ประเมิน และตัดสินใจ
......................................................................

การเรียนรู้แบบ"ผูกเป็นเงื่อนไข สำคัญที่เราผูกเองต้องแก้เอง"
มีการทดลองสั่นกระดิ่ง และให้อาหารสุนักข์
นานไป สุนักข์ จะน้ำลายไหล เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง
หากสั่นกระดิ่ง แต่ งดให้อาหาร นานไป สนักข์ ก็ไม่ผูกเรื่องอาหาร กับเสียงกระดิ่ง
..................................................................

มนุษย์ เรียนรู้แบบ ผูกเป็นเงื่อนไขไว้เยอะ
ต้องเอามา ล้างเงือนไข เพื่อให้ ใจ สมอง ว่าง ไว้ทำอย่างอื่น
ภาษาพระเรียกว่า"ทำอาสวะให้สิ้น"
อะไรที่เก็บเข้ามา เพราะเราคิดว่าเป็น สมบัติ ทั้งรูปธรรม นามธรรม
วันหนึ่งหากเห็นว่า เป็นภาระ เป็นขยะ
นั่นแหละถึงเวลาที่จะล้างใจ
................................................................

ลองคิดถึงเรื่องที่เก็บ ทางลบ หรือบวก
อารมณ์ความรู้สึกก็จะตามมา
หยุดคิด หายใจด้วยสติ ดูอาการที่หัวใจ
จะรู้ใจ อารมณ์ค่อยๆจาง หัวใจ เป็นปกติ
ทำซ้ำๆ จนเฉยๆกับเรื่องนั้น
ฝึกทำทุกเรื่องที่อยากจะถอนทิ้ง จากชีวาในชีวิต
......................................................................

แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคนนะ สาธุ
จะเรียนรุ้ด้วยการ เลียนแบบ ประทับใจ ผูกเป็นเงื่อนไข ใช้เหตุผล
ต้องมาเรียนรู้"ล้างใจ" ล้างจนสิ้นขยะปรุงแต่งจิต
เป็นบรมสุขในโลก สาธุ




ชีวิตประจำวันทุกวัน มี12สิ่ง ที่เราต้องเจอ และจะจัดการอย่างไร
ให้ ไม่ฟูมฟายกับอารมณ์ทุกข์ ไม่หลงไหลในกุญแจไขความสุข
สนุกกับชีวิตที่มีชีวาและเย็น

1.".ความคิด"
ความคิดเหมือนสิงห์โต เป็นจ้าวป่า
พุทธศิลป์ จึงสร้างสิงห์โตเฝ้าหน้าวัด(วัดคือ กาย จิต ของเรา)
ถ้าเราคิดไม่เหมาะสม ชีวิตเราก็ ไม่สนุกนัก

วิธีฝึกรู้จัก ควบคุมความคิด
1.คิดจากเหตุ ไปหาผล
2.คิดจากผล ย้อนกลับไปหาเหตุ
3.คิดเห็นความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นเหตุผล ที่ทำให้เกิดสิ่งธรรมดา สู่ความซับซ้อน
4.คิดเห็นว่า อะไร จุดประกายให้เกิด
5.คิดเห็นว่า อะไรส่งเสรีมให้เจริญ
6.คิดเห็นว่า อะไรตัดรอน ให้เสื่อม
7.คิดเห็นว่า อะไรตัดขาดให้ดับ
8.คิดเห็น แบบแยกแยะองค์ประกอบ
9.คิดเห็น แบบองค์รวม
10.คิดเห็นว่า อะไรเป็นไปได้จริง หรือ เป็นแค่จินตนาการ ภาพมายา ลวงตา
..............................................
ลองฝึก รุ้จักความคิดดูนะ สิ่งดีๆจะเข้ามาสู่ชีวิต ปัจจุบันเรียกว่า"คิดทางบวก" สาธุ

G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 7, 2015

*********************************

Good morning
อรุณสวัสดิ์ หรรษา มีชีวาในชีวิตนะครับ
 
//-ทุกครั้งที่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน
//-ความคิด เป็นระบบ ความคุมชีวิต ให้มีชีวา
นอกจากใช้ กระแสประสาท และฮอร์โมน ร่างกายสั่ง

//-"ตัวตนความคิด จึงเป็นเจ้านายของจิตสำนึก"
และพาเราไปรู้จัก จิตสำนึกอื่นๆ เช่น อารมณ์ อุดมการณ์ องค์ความรู้
และทะลุไปรู้จัก โลกของความทรงจำ ที่ เก็บไว้ ใน"จิตในสำนึก"
สัญชาติญาณชีวิต...........ฝากมากับเซล
อารมณ์ เป็นตัวเร่ง.......... หรึอ ปฏิกริยา กิจกรรมชีวิต ให้ สู้ ถอย หนี ยอมจำนน หรึอหมกไว้ เป็น ขยะอารมณ์ อิๆ
ความรู้ ทั้งรู้จริง รู้เทียม รู้เสมือนจริง หรึอ ขยะความรู้
ที่ต้อง"เผาทิ้ง".......................................

//-ทุกอย่าง มี จิตวิญญาณ หรึอ"หัวใจของเรื่อง"(ตันตระ)
มีวิถีทาง ที่เข้าถึง(ยันตระ)
มีหลักคิด ที่นำไปสู่ความสำเร็จ(มันตระ)
ซึ่งต้องใช้ การฝึกจนเป็น อาชีพ วิถีชีวิต "ตูก็เป็นเช่นตูเป็น"
จึงถือว่า"ทำได้สำเร็จ"

//-เช่น การฝึกปั่นจักรยาน ของปู่เพื่อ วางแผนสร้าง ร่างกาย จิตใจ ปฏิสัมพันธ์ กับคนคอเดียว
เซฟ ร่างกาย ไม่โลดโผน ใช้ตนเองอย่างวัวอย่างควาย
หรึอ ปั่นไปไล่ กวดโชว์ใครๆอิๆ
ให้อยู่ดี กินแซบ อีก 60ปี รักษ์โลก เคารพธรรม คืนสิ่งดีๆ ให้แผ่นดินมาดร
ปู่จึงไม่ใช่ฝึกแบบนักกีฬา ที่ อีก 6เดือนจะแข่ง อิๆ
หรึอคุณหมอที่อเมริกา ฝึก หนึ่งเดือน เพื่อ รักษาความฟิต แข็งแรงได้ 3เดือน

//-ดังนั้น "แผนการฝึก จึงแบ่งเวลา 60ปี มาเป็น ช่วง 10 ปี 3ปี 1ปี ทุกๆ3เดือน
เป็นทุกๆ 3วัน อิๆ จนถึง ทุกๆ3ชั่วโมง
ดังนั้น ใครไม่เข้าใจ ต้องบอกว่า"ดช.ปู่ลิง บ้าไปแล้ว" อิๆ

//-ตัวตนคลื่นความคิด"พลิกชีวิตได้"
ไม่เชื่อ เชิญลบหลู่ อิๆ
จึงลุกมาแบ่งเวลา
ลุกมาเล่นเวท ตอนตีหนึ่ง อิๆ
(ตัวตน คลื่นความคิด)

//-ฮอร์โมน เป็น "เคมี นำสาร" ของชีวิต
ยิ่งใหญ่เพราะ เป็นผู้นำคำสั่งให้ ร่างกาย จิตใจเรา
-อยู่ รอด หรือ ตาย
-เจริญ หรือ เสื่อม
- สู้ หรือ ถอย
-สุข หรือ ทุกข์
..........................................

ฮอร์โมน (อังกฤษ: hormone มาจากภาษากรีกที่ว่าhormanแปลว่าเคลื่อนไหว )
คือผู้นำส่งสารเคมีจากเซลล์ หนึ่งหรือกลุ่มของเซลล์ไปยังเซลล์อื่นๆ
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (multicellular organism) ทั้งมนุษย์สัตว์และพืช
สามารถผลิต ฮอร์โมน ได้ที่ ต่อมไร้ท่อ (endocrine gland)
โมเลกุลของฮอร์โมนจะถูกปล่อยโดยตรงยังกระแสเลือด ของเหลวในร่างกายอื่นๆ
หรือเนื้อเยื้อใกล้เคียง
หน้าที่ของฮอร์โมน คือการส่งสัญญาณให้ทำงานหรือหยุดทำงาน เช่น

-กระตุ้นหรือยับยั้งการเจริญเติบโต
-กระตุ้นหรือยับยั้งโปรแกรมการสลายตัวของเซลล์
-กระตุ้นหรือยับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน
-ควบคุม กระบวนการสร้างและสลาย (metabolism)
- และเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทใหม่ๆ
- เช่น การต่อสู้ หนี
- หรือ กำหนดช่วงเวลาของชีวิตเช่น วัยรุ่น
วัยมีครอบครัวมีลูกหลานไว้สืบสกุล และวัยทอง
(วิกิพีเดีย)
.........................................................................

//-เวลา เราไปวัด พุทธศิลป์ ที่เป็น"สัตว์" ที่เราเจอมากที่สุดคือ
-สิงห์โต
ส่วนใหญ่ เฝ้าประตูวัด
ลองแทนค่า"นี่คือความคิด"
-ช้าง
ก่อนนี้หนุนฐานเจดีย์
นี่คือ อารมณ์
-หงส์
คือ เจตนา
-นาค
คือความรู้ สัญชาติญาณดิบ อิๆ
...........................................................

//-อารมณ์มีส่วน เปลี่ยน บุคลิกภาพ ที่ชงขึ้นแต่ละครั้ง
ยามเรา"กระทบโลก สำผัสธรรม(คำพูดที่เรา พูดขึ้นกับตัวเอง)
ดังนั้น เราควร หัด ชงอารมณ์"ชิว"เสพ สุข ขำๆ"เป็น นิสัย
ชีวิตจะได้ มีกำไร ไม่ขาดทุนทางอารมณ์ อิๆ
......................................................

"พญาสิงห์.................ความความคิด
ช้างมิ่งมิตร...............คือชีวา อารมณ์เกษมศรี
หงส์ เจตนาดี............ดีต่อ ทุกชีวี
นาค มังกรนี้.............คือความรอบรู้ มะเลืองมลายฯ
...................................................

//-เวลา ดช.ปู่ลิงเล่นปั่นจักรยาน
นอกจาก สังเกตุ อาการ
-ความเมื่อยล้า กล้ามเนื้อขา
-การหายใจ
-การเต้นของหัวใจ
-การระบายความร้อน
-สิ่งแวดล้อมรอบข้าง
ดช.ปู่ลิง ชอบ"แอบดูการทำงานของ เฮอร์โมน ในร่างกาย"อิๆ
......................................

//-ตอนอุ่นเครื่อง เบาๆ ซอยขายิกๆ
เจ้า อินสุลิน จะตื่นตัว เตรียม ขบวนการ เผาพลังงาน
-พอเรี่มปั่น เร่งผ่อน ความเร็ว
เจ้าฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต; Adrenalin อะดรีนาลีน
จะทำให้เรา กร้าวร้าว ฮึดสู้ ปั่นเร็ว แรงขึ้น อิๆ
-ฮอร์โมนแห่งการให้รางวัลชีวิต
เจ้า โดปามีน เอ็นโดฟีน หลังสารความปิติสุขให้ อิๆ

-ฮอร์โมน แห่งความเบื่อหน่าย เครียด cortisol
เรี่มเข้ามา ก่อกวน"เซ็งเป้ด" ก๊าบๆๆๆ อิๆ
-ดช.ปู่ลิง ต้องพลิกจิตดังสายฟ้า เข้าแทรกแซง
ปล่อย ฮอร์โมน อารมณ์ขัน มาสลายทันทีอิๆ

ภายใต้ภาวะความเครียด
ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดความเปลี่ยนแปลงให้เกิดการตอบสนองแบบ “สู้” หรือ “หนี”
แม้ช่วงแรกจะไม่เห็นความชัดเจนที่ปรากฏออกมาให้เห็น
แต่ภายนอกร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและพร้อมตอบสนองแบบ “สู้ หรือ หนี”
หากถูกกระตุ้นในสภาวะที่กดดัน และหากความเครียดสะสมนานวันเข้า
ก็จะปรากฏอาการออกทางกายกลายเป็นอาการหรือโรคต่างๆได้
ในงานวิจัย เกี่ยวกับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและอารมณ์ขัน กล่าวว่า
" การหัวเราะจะช่วยลดฮอร์โมนอย่างน้อย 4 ตัว "
ที่ผลิตออกมาจากต่อมไร้ท่อ ที่สัมพันธ์กับการตอบสนองต่อความเครียด
คือ
-Epinephrine,......ทำให้หัวใจ เต้นแรง
- cortisol ,.......ทำให้เครียด
- dopac ..........ทำให้เฉยชา เซ็ง
- Growth hormone......หากน้อย ทำลายร่างกายให้โทรม สุด อิๆ
........................................................
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคนนะ สาธุ


G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 1, 2015