ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 10:31:33 pm »พิธีถวายเจดีย์ทราย ของชาวปะหล่อง เชียงแสน By Suraphol Kruasuwan
ตำนาน ก่อพระเจดีย์ทราย
มูลเหตุของการก่อเจดีย์ทราย มีเรื่องเล่าว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมบริวาร ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิดจิตศรัทธาก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘ หมื่น ๔ พันองค์ แล้วอุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง ๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้
..
..
อานิสงค์การก่อเจดีย์ทราย
การที่เรานึกถึงสิ่งใดแล้วทำให้ใจเราผ่องใส สูงส่ง และมีความสุขยิ่ง นึกถึงบ่อย ก็ยิ่งมีความสุข เพิ่มยิ่งขึ้น สิ่งนั้นจะต้องมี ความบริสุทธิ์มากๆ และมีอานุภาพยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ การนึกถึงพระสัมมา สัมพุทธเจ้า เท่านั้น ทำให้ใจสูงส่ง มีความสุข เพราะพระองค์มีพระคุณยิ่งใหญ่ ต่อสรรพสัตว์แต่เพียงอย่างเดียว
แม้พระดาบสผู้เป็น นักบวชในกาลก่อน เมื่อชีวิตก้าว ขึ้นสู่จุดที่สูงส่งมีลูกศิษย์ ที่ให้ความเคารพมากมาย เฉพาะที่ออกบวชตามก็มากถึง ๔๐,๐๐๐ คน ยังต้องนึกถึง และบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังเรื่องของดาบส นามว่า “ นารทะ ”
ย้อนไปในอดีตยาวนานนับแสนกัป ได้มีดาบสท่านหนึ่ง ถือเพศเป็นนักบวช สร้างอาศรมบท บำเพ็ญพรต อยู่ที่ภูเขา ลูกหนึ่งชื่อว่า เหมกะ ไม่ไกลจาก ภูเขาหิมวันต์ เป็นผู้มีตบะธรรม แก่กล้า ทรงอภิญญา สมาบัติ มีลูกศิษย์เป็นชฎิล คอยอุปัฏฐากบำรุง ให้ความเคารพ สักการบูชามากถึง ๔๐,๐๐๐ องค์
ตัวท่านเองมาคิดว่า มหาชนพากันมาบูชาเรา แต่เราไม่ได้บูชาสิ่งใด เป็นการไม่สมควรเลย ผู้ที่จะว่ากล่าว สั่งสอนก็ไม่มี เราเป็นคน ไม่มีอุปัชฌาย์ อาจารย์ เป็นคนอนาถา ไร้ที่พึ่งที่ระลึก จึงมานั่ง ใคร่ครวญดูว่า เราควรแสวงหา บุคคลที่เรา ควรเคารพบูชา ชีวิตจึงจะมีคุณค่า การอยู่ป่าก็ จะไม่เปล่า ประโยชน์ เนื่องจากเป็นผู้ทรง อภิญญา สามารถ ระลึกชาติได้ถึง 40 กัป จึงระลึกชาติ ย้อนหลังไปดูก็ได้พบ ผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่ คือพระสัมมา สัมพุทธเจ้า เกิดความปีติเลื่อมใส ดีใจว่า เราได้พบ อาจารย์ผู้เป็นที่สักการบูชาแล้ว
ในที่ไม่ไกลจากอาศรม ของท่านมีแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งมีชายหาดที่ราบเรียบ สวยงาม น่ารื่นรมย์ใจ เต็มไปด้วยทราย ที่ขาวสะอาด ท่านจึงไปที่ หาดทรายนั้น ตะล่อมเอาทราย มาก่อเป็นเจดีย์ทราย ขึ้น เพื่อเป็น เครื่องระลึก ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อก่อพระเจดีย์เสร็จแล้ว ก็ให้หุ้มปิด ด้วยแผ่นทองคำ กลายเป็น เจดีย์ทองที่สูงค่า แล้วก็นำดอก กระดึงทองมา ๓,๐๐๐ ดอกกระทำ การบูชาที่เจดีย์นั้น เกิดความอิ่มเอิบ เบิกบานใจ ได้ประณมมือไหว้ ทั้งในเวลาเช้า และเวลาเย็น โดยมีจิตเคารพ เลื่อมใส ในพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ประดุจว่ากระทำการบูชาต่อเบื้องพระพักตร์
คราวใดที่เกิดกิเลส นึกถึงกามารมณ์ ท่านก็จะมองไปที่พระเจดีย์นั้น นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวสอนตนว่า “ ท่านควรระวังกิเลสไว้ ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ การปล่อยให้กิเลสเกิดขึ้น ไม่สมควรแก่ท่านเลย ” เมื่อท่านนึกพระเจดีย์ทราย ก็เกิดความเคารพ ขึ้นมาพร้อมกัน กล่าวสอนตน อยู่อย่างนั้น ความนึกคิดที่น่ารังเกียจ ก็ระงับไป ความเลื่อมใสเข้ามาแทนที่ ท่านบูชาพระเจดีย์ มีพุทธานุสสติเป็น อารมณ์อยู่อย่างนั้นทุกค่ำเช้า จนตลอด
เมื่อละโลกแล้วได้ไป บังเกิดในพรหมโลก เสวยพรหมสมบัติ มีความสุขอยู่ใน ฌานสมาบัติ ตลอดกาลนาน เมื่อสิ้นอายุขัย ของพรหมแล้วก็ได้ เลื่อนลงมาเกิด ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นท้าว สักกะจอมเทพ อีกยาวนานถึง ๘๐ ครั้ง หมดบุญจาก สวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้เป็นพระเจ้า จักรพรรดิถึง ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็น พระราชาธรรมดา อีกนับครั้งไม่ถ้วน
เพราะผลแห่งการก่อพระเจดีย์ทราย และทำการบูชา ด้วยดอกกระดึงทองนั้น จะไปเกิดในที่ไหนก็มี ผิวกายละเอียด งดงามดังทอง ฝุ่นละอองไม่จับผิวกาย ภพชาติสุดท้าย ในสมัยพุทธกาล ได้มาเกิดใน ตระกูลพราหมณ์มหาศาล มีโภคสมบัติมาก ได้เห็นมารดา บิดานำสถูป ทองออก มาบูชาโดยมุ่งตรงต่อ พระบรมศาสดา ทุกวัน จึงนึกถึงเจดีย์ ทราย หุ้มทอง ในอดีตของตน
จึงออกบวชเป็นสามเณร อยู่กับพระสารีบุตรเถระ เนื่องจากเคยมี พุทธคุณเป็น อารมณ์อยู่แล้ว เมื่อเจริญภาวนา นั่งเพียงแค่ครั้งเดียว ก็บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ตั่งแต่อายุ ๗ ขวบ พระบรมศาสดา ทรงทราบ ถึงการ บรรลุคุณวิเศษ ของท่าน จึงทรงประทาน การอุปสมบท ให้เป็นพระภิกษุ แต่นั้นมา
ที่มา ความรู้จากเว็บ กัลยาณมิตร
เครดิต เว็บพลังจิต
- http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=373.0