ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 06, 2015, 11:57:31 am »

ตำรวจโคราชฉาว เบ่งกินฟรี ซ้อมพนักงานร้านอาหารดั้งหัก

-http://news.sanook.com/1860610/-

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(5 ก.ย.) พลตำรวจโท พิสัณห์ จุลดิลก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาที่ 946/2558 ให้ พันตำรวจโท ปราการ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคง อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยเป็นไปตามคำสั่งการที่ตนได้สั่งให้ พลตำรวจตรีฐากูร นัทธีศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับพันตำรวจโทปราการ

สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา พันตำรวจโทปราการ พร้อมเพื่อนอีก 2 คนมีพฤติกรรมเสื่อมเสีย ต่อวงการข้าราชการตำรวจ ในลักษณะไปกล่าวอ้างอวดเบ่งกินอาหารฟรี และร่วมกันทำร้ายร่างกายพนักงานในร้านอาหารจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยเหตุเกิดภายในร้านอาหารถนนช้างเผือก ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยพันตำรวจโทปราการมีพฤติกรรมลักษณะอวดเบ่งกินอาหารและเบียร์ในร้านและไม่จ่ายเงินถึง 3 วันติดต่อกัน ตั้งแต่คืนวันที่ 29-31 สิงหาคม โดยวันแรกกินฟรีเป็นเงิน 700 บาท, วันที่ 2 อีก 800 บาท

ต่อมา วันที่ 3 พ.ต.ท.ปราการ ก็ยังทำพฤติกรรมดังกล่าวอีก จึงถูกพนักงานแคชเชียร์ภายในร้านอาหารขอเรียกเก็บเงินจึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น และ พ.ต.ท.ปราการ ได้ทำร้ายร่างกายพนักงานในร้านดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นดั้งจมูกหัก

โดยหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับพันตำรวจโทปราการ และเพื่อนที่รุมทำร้าย ที่ สภ.เมืองนครราชสีมาโดยมีคลิปวีดีโอวงจรปิดในร้านเป็นหลักฐานทั้ง 3 วัน

ขณะที่ทาง พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำสั่งให้พันตำรวจโทปราการ ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินการทางวินัยกับนายตำรวจคนดังกล่าวด้วย


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 08:06:38 am »

แฉกัปตันสายการบินดัง อัพเกรดที่นั่งให้เครือญาติ ไม่แปลกใจทำไมไม่เจริญ

-http://hilight.kapook.com/view/120817-




  แฉภาพอ้างเป็นกัปตันสายการบินดัง อัพเกรดที่นั่งให้เครือญาติ ชาวเน็ตชี้ไม่แปลกใจทำไมไม่เจริญ ขอโบกมือลาขาดใช้บริการเจ้าอื่นสบายใจกว่า

          กลายมาเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง สำหรับโพสต์ล่าสุดของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apiwut Pimolsaengsuriya  ที่ในวันนี้ (23 พฤษภาคม 2558) ได้นำภาพข้อความซึ่งอ้างว่าเป็นของกัปตันสายการบินดังแห่งหนึ่ง ออกมาเปิดเผยให้ชาวเน็ตได้เห็นกันชัด ๆ พร้อมระบุข้อความไว้อาลัยแก่สายการบินดังกล่าว

          โดยบอกว่าเมื่อเห็นโพสต์ของกัปตันรายนี้แล้ว ตนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสายการบินแห่งนี้และประเทศไทยถึงไม่เจริญ ส่วนตัวของเขาเองก็เคยเจอประสบการณ์ในลักษณะที่คล้ายกันกับสายการบินดังแห่งนี้ ซึ่งแม้ว่าจะเขียนจดหมายร้องเรียนไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ หรือว่าเรื่องนี้ดูเล็กน้อยเกินไปในสายตาของผู้บริหารสายการบินกันแน่

          ทางด้านผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายอื่น ๆ ก็ได้เข้ามาร่วมเปิดประสบการณ์สุดเฟลในการจองตั๋วกับสายการบินดังกล่าว ที่บ้างก็ถูกลดเกรดจากที่นั่งชั้นธุรกิจเป็นที่นั่งชั้นประหยัด ทั้งที่ซื้อตั๋วมาก่อนหน้า โดยพนักงานให้เหตุผลง่าย ๆ ว่าทางสายการบินจำหน่ายตั๋วเกินจำนวน ขณะที่บางรายซึ่งเจอเหตุการณ์ทำนองนี้แล้วไม่ยอมง่าย ๆ ก็ต้องเจรจากันยาวจนปิดเคาน์เตอร์ และนั่งจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลือกจะโบกมือลาสายการบินแห่งญาตินี้ ไปใช้บริการเจ้าอื่น ๆ แทน

          นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์อัพเกรดที่นั่งของญาติกัปตัน โดยมองว่าการทำงานเช่นนี้อาจจะเป็นบรรทัดฐานขององค์กร ที่อยากให้พนักงานเกิดความรักพวกเดียวกัน แม้ว่าจะสร้างความสูญเสียแก่บริษัท หรือเป็นการทุจริตในรูปแบบหนึ่งก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงจะต้องอยู่ที่จิตสำนึกของคนมากกว่า ที่จะมองว่าเครื่องบินเหล่านี้เป็นเครื่องบินส่วนตัวหรือเครื่องบินของบริษัทกันแน่

          อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าภาพข้อความที่ปรากฏ เป็นข้อความที่กัปตันของสายการบินดังกล่าวเขียนขึ้นจริง ๆ หรือไม่ แต่หากเป็นความจริง เชื่อว่าคงเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้คนในสังคมคงต้องการคำตอบเป็นแน่แท้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Apiwut Pimolsaengsuriya



ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2014, 09:22:47 am »


ขอชื่นชมทหาร  ที่ทวงคืนความยุติธรรม

ตำรวจบางคน  บัดซบและแย่มาก  ทำให้ตำรวจที่ดีพลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย 

ตำรวจที่ดียังมีอยู่อีกมากน๊ะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับ ทหาร และ ตำรวจ ที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ศาสนาพุทธ สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน ครับ




.-----------------------------------------------------------------------------------------.


แชร์ว่อน ภาพทหารบุกโรงพักทวงเงินตำรวจรีดไถประชาชน

-http://hilight.kapook.com/view/106992-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ราตรี แมงกาเบี้ย

            โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก แห่แชร์ภาพทหารบุกสถานีตำรวจตามทวงเงินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถมาจากนักท่องเที่ยว พร้อมทบค่าทำขวัญให้อีกเท่าตัว

            วันนี้ (24 สิงหาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังมีการแชร์ภาพเจ้าหน้าที่ทหารที่ยืนอยู่ในสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ราตรี แมงกาเบี้ย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา

            โดยผู้โพสต์ระบุว่า ชุดเคลื่อนที่เร็ว 100.รส.3 พลพัฒนา 1 (พันพัฒนา 1) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก จ.สมุทธสาคร ว่า ขณะเดินทางผ่าน อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแพ ตั้งด่านตรวจรีดไถเงินไปจำนวน 2,000 บาท ในข้อหาไม่พกบัตรประชาชนจึงมาแจ้งที่จุดตรวจ ปตท.เขต 5 ทหารจึงได้พานักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไปไกล่เกลี่ยที่ สภ.บางแพ และเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำเกินหน้าที่มาว่ากล่าวตักเตือนและคืนเงินให้นักท่องเที่ยว 2,000 บาท และค่าทำขวัญอีก 2,000 บาท รวม 4,000 บาท และกล่าวขอโทษนักท่องเที่ยว

            ทั้งนี้จากการโพสต์ภาพดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย อาทิ ตำรวจที่ชอบตั้งด่านขูดเงินรีดไถประชาชนเป็นเหมือนโจรในเครื่องแบบ และการทำเช่นนี้ทำให้ชื่อเสียงของตำรวจดี ๆ ต้องด่างพร้อยไปด้วย ถ้าอยากเห็นตำรวจน้ำดีมาก ๆ ต้องปรับเปลี่ยนบทลงโทษให้รุนแรงขึ้น เช่น ปลดออกจากราชการไปเลย พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมทหารว่าทำดีแล้ว




.-----------------------------------------------------------------------------------------.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2014, 01:02:58 pm »

คลิปตำรวจดักเก็บเงินแยกลาดพร้าว ฟาดหมดทั้ง จยย.-เก๋ง

-http://hilight.kapook.com/view/103410-














เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีจ้างลง

          คลิปตำรวจอีกแล้ว !!! ภาพจริง แชร์ส่งต่อ เห็นจะจะ จราจรไทย ดักโบกรถเก็บเงินกลางวันแสก ๆ ฟาดไม่เลือกทั้งมอเตอร์ไซค์ และรถเก๋ง

          เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557 เฟซบุ๊กชื่อ ข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีจ้างลง ได้โพสต์ข้อความ "ตำรวจอีกแล้ว !!! ภาพจริง แชร์ส่งต่อ" พร้อมลงคลิปวิดีโอความยาวกว่า 2 นาที เผยให้เห็นตำรวจจราจรนายหนึ่ง ดักข้างทางโบกรถมอเตอร์ไซค์ มีการพูดคุยชั่วครู่เหมือนแจ้งว่าผู้ขับขี่ได้กระทำความผิด ก่อนเรียกเก็บเงิน รวมทั้งรถเก๋งป้ายแดงคันหนึ่ง ก็ถูกโบกให้จอดแล้วเรียกเก็บเงิน โดยจากในคลิปสามารถเห็นช่วงที่จราจรนายนี้รับเงินกำไว้ในมือขวาอย่างชัดเจน

          ผู้เข้าชมเพจรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดที่แยกลาดพร้าวมุ่งหน้าสโมสรทหารบก บริเวณใกล้ละพานลอย พอได้เงินแล้วก็จะเข้าไปหลบร้อนในป้อมตำรวจจราจรกลางห้าแยกลาดพร้าว


-https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%87/444495058919208-
คลิป ตำรวจอีกแล้ว !!! ภาพจริง แชร์ส่งต่อ เฟซบุ๊ก ข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีจ้างลง





ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2014, 11:47:30 am »

ตำรวจเข้มจราจร ใช้นโยบาย 5 จริง ยกจริง ล็อกจริง จับจริง

-http://hilight.kapook.com/view/103393-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  สปริงนิวส์

          ผู้บังคับการตำรวจจราจร ยัน นโยบาย 5 จริง ยกจริง ล็อกจริง จับจริง ขังจริง สุภาพจริง เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาจราจร พร้อมกวดขันรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกว่าที่กำหนด

          วันนี้ (6 มิถุนายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า จะดำเนินการคุมเข้มห้ามจอดรถในที่ห้ามจอด ตามนโยบาย "5 จริง" คือ ยกจริง ล็อกจริง จับจริง ขังจริง สุภาพจริง รวมทั้งกำชับให้ตำรวจกวดขันรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกว่าที่กำหนด และจะนำเสนอผลการทำงานในรอบ 1 เดือน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการจราจร อุบัติเหตุ และสถิติการจับกุมในเดือนพฤษภาคม พร้อมกันนี้ยังได้มีการเสนอแผนงานที่จะดำเนินการในเดือนต่อไป (กรกฎาคม) ด้วย

          นอกจากนี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ ยังมีแผนที่จะปรับภาพลักษณ์ตำรวจจราจรให้ปฏิบัติหน้าที่โดยให้แสดงตัวอย่างชัดเจน จัดตำรวจจราจรสนับสนุนงานฝ่ายความมั่นคงจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน รวมถึงมีการเตรียมแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจรในช่วงหน้าฝน และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วสำหรับเข้าไปแก้ไขกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังจะเดินหน้าต่อไปในการจัดสรรงบประมาณมาปรับปรุงเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อนำมาใช้ในงานด้านจราจรต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://news.springnewstv.tv/49140/%E0%B8%9A%E0%B8%81-%E0%B8%88%E0%B8%A3-%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3-5-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-

.


--------------------------------------------------------------------------------



คลิปชัดๆ ตร.จราจรโบกจับ-รับเงินปล่อย !

-http://auto.sanook.com/6792/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2/-




ขณะนี้ในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปตำรวจ เรียกผู้ขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ ที่ทำผิดกฎจราจรเพื่อเขียนใบสั่ง แต่ตร.ไม่ได้เขียนใบสั่งและรับเงินจากผู้ขับขี่ก่อนปล่อยไป


 เพจ The Irrawaddy (Burmese Version) ได้โพสต์คลิปความยาว 4:03 นาที เป็นคลิปเหตุการณ์ตำรวจนายหนึ่ง เรียกผู้ขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ ที่ทำผิดกฎจราจรเพื่อเขียนใบสั่ง แต่ตร.ไม่ได้เขียนใบสั่งและรับเงินจากผู้ขับขี่ก่อนปล่อยไป โดยตำรวจนายนี้สวมหมวกหมายเลข 6636 สน.บางนา ภายในระยะเวลา 4 นาทีมีการเรียนรถยนต์ 1 คัน รถแท็กซี่ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน

คลิปตำรวจรับเงินเห็นจะๆชัดๆ ปรับปรุงสำนักงานตำรวจแห่งชาติด่วน
-http://www.youtube.com/watch?v=jAY2W9hS7Z0-












 (ขอบคุณเนื้อหาจาก VoiceTV และคลิปจากเฟซบุ๊ค IrrawaddyBurmese)













http://auto.sanook.com/6792/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2/




ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มีนาคม 17, 2014, 01:05:19 am »

คุณตำรวจมีเรดาร์แต่ผมมีกล้อง!!

คุณตำรวจมีเรดาร์แต่ผมมีกล้อง!!

-http://www.youtube.com/watch?v=JqqrxOxi56k-


---------------------------------------------------------


ตำรวจไทย กับภารกิจยัดข้อหา สุดท้ายเงิบเพราะรถติดกล้อง

ตำรวจไทย กับภารกิจยัดข้อหา สุดท้ายเงิบเพราะรถติดกล้อง

-http://www.youtube.com/watch?v=uSN6nKnim2k-

.



ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มีนาคม 13, 2014, 10:08:09 pm »




เผยผลสำรวจสิ่งที่คนไทยขาดความเชื่อมั่นมากที่สุด พร้อมทางออกแก้ทุจริตจากนักวิชาการ-ภาคธุรกิจ
วันพฤหัสบดี 13 มีนาคม 2557 เวลา 09:22 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/Article/222574/%E0%B9%81%E0%B8%89%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4-



ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งมีเหตุร้ายเกิดขึ้นรายวัน ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ แต่หากบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ ไร้การชุมนุมและความรุนแรง ปัญหาเรื้อรังที่น่าปวดหัวไม่แพ้กันก็คือ การทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งหลายคนรู้สภาพดังกล่าวเป็นอย่างดี เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์กรต่อต้านการคอร์รัปชั่นร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) จัดสัมมนา "ดัชนีชี้วัดสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศ" หวังระดมความคิดจากฝ่ายวิชาการและภาคธุรกิจร่วมกันประเมินสถานการณ์และช่วยกันเสนอทางออก

"เดลินิวส์ออนไลน์" ได้ติดตามการสัมมนาแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นดังกล่าว พร้อมสรุปความเห็นสำคัญจากนักวิชาการที่เข้าร่วม เริ่มจาก ดร.บุญวรา สุมะโน นักวิชาการทีดีอาร์ไอ เผยถึงดัชนีการทุจริตคอร์รัปชั่นของไทย ที่ต่างประเทศเข้าทำสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทย ซึ่งผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า...

คนไทยขาดความเชื่อมั่นในนักการเมืองมากที่สุด รองลงมาคือตำรวจ ในทางตรงกันข้าม ประชาชนได้ให้ความเชื่อมั่นกับสถาบันการเงินและภาคธุรกิจ ศาสนา และฝ่ายยุติธรรม ตามลำดับ และแม้ภาคธุรกิจของประเทศไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากต่างชาติมากเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียด้วยแล้ว แต่ร้อยละ 68 ของภาคธุรกิจ ยังมองว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาต่อการภาคธุรกิจอย่างมาก เพราะส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55

ในขณะที่ ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า จากการศึกษาของต่างประเทศระบุว่าประเทศที่เพิ่งเริ่มใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตยในช่วง 40 ปีแรก ระดับการทุจริตคอร์รัปชั่นจะไม่ต่างจากประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการนัก แต่ใน 40 ปีหลังจากนั้น ระดับของการคอร์รัปชั่นจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นหากนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 จนถึงปัจจุบัน จะถือว่า ประเทศไทยใช้ระบอบประชาธิปไตยนานกว่า 80 ปีแล้ว แต่สถานการณ์คอร์รัปชั่นยังไม่ลดลงเลย อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะแย่ลงเรื่อยๆ แม้จะมีความพยายามในการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ แต่ต้องยอมรับว่า องค์กรเหล่านี้มีข้อจำกัดในการทำงาน ไม่เว้นแม้แต่องค์กรอิสระต่างๆ ที่ยังต้องพึ่งงบประมาณจากรัฐบาล

ด้าน ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า เนื่องจากการศึกษาของต่างประเทศระบุ ประเทศใดที่มีการติดสินบนหรือการทุจริตเรื่องเล็กๆน้อยๆ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นขนาดใหญ่ได้ นิด้าจึงได้ทำการสำรวจถึงประสบการณ์การกระทำผิดกฎหมายของคนไทย โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยอมรับว่า...

เคยขับรถผิดกฎจราจร ยอมถูกรีดไถ่จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรับเงินเพื่อลงคะแนนเสียงให้กับนักการเมือง และ1 ใน 4 ของจำนวนผู้กระทำความผิดระบุว่า จะยังคงกระทำความผิดดังกล่าวอีกในอนาคต ซึ่งแรงจูงใจที่ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้ถูกสำรวจมองว่าเป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายไม่เด็ดขาด ล่าช้า กฎหมายมีช่องโหว่ และระบบพรรคพวกเอื้อต่อการทุจริต

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงตามข้อมูลจากนิด้า คือ ผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า คนไทยต้องการให้มีการดำเนินโครงการใหญ่ๆ ทั้งที่รู้ว่าจะมีการคอร์รัปชั่น จึงเห็นว่า ควรมีการปลูกจิตสำนึกให้สังคมปฏิเสธโครงการที่รู้ว่าจะมีการคอร์รัปชั่น

ส่วน รศ.ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า สถานการณ์การคอร์รัปชั่นในช่วง10 ปีที่ผ่านมา เกิดถี่ขึ้นและเริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ดึงงบประมาณจากโครงการรัฐไปกว่าร้อยละ 30 จากเดิมเคยอยู่ที่ร้อยละ 5-10 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก สถานการณ์การคอร์รัปชั่นในไทยจึงอยู่ในระดับสาหัส และจะกลายเป็นปัญหาอย่างมากต่อการแข่งขันของประเทศเมื่อเปิดการค้าเสรี แต่ปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ดี คนไทยเริ่มให้ตื่นตัวมากขึ้น ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นน่าเป็นห่วงมากกว่ากลุ่มอื่น เพราะผลการสำรวจพบว่า วัยเด็กจะคิดว่าการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่ผิด แต่จากการสำรวจล่าสุด พบว่า วัยรุ่นคิดเช่นนั้นน้อยลง

จากผลสำรวจของทั้ง 2 สถาบันที่สอดคล้องกัน ทำให้ ดร.ธานี ชัยวัฒน์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ สรุปปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยว่า จากผลสำรวจในระดับปัจเจกบุคคลของนิด้า และในภาพรวมของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบ่งชี้ให้เห็นว่า คนไทยมีความตื่นตัวต่อการคอร์รัปชั่นมากขึ้น และพร้อมจะเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ คือ การทำความพร้อมให้กลายเป็นความจริง ด้วยการเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนว่า ระบบหรือกฎหมายจะสามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้ และควรมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐต่อสาธารณชนอย่างชัดเจน

นอกจากนักวิชาการแล้ว ด้านภาคธุรกิจก็มีการสำรวจความคิดเห็นเช่นกัน โดยนายกิตติเดช ฉันทังกูล จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เผยผลสำรวจว่า ภาคธุรกิจมองว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยอยู่ในระดับสูงถึงสูงมาก อันมีผลบั่นทอนกำลังการแข่งขันและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงคุณค่าที่ดีของสังคม เชื่อว่าเป็นเพราะกฎระเบียบที่มีช่องโหว่ เอื้อให้ผู้มีอำนาจใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยธุรกิจที่มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 51 ของภาคธุรกิจมีความพร้อมเข้าร่วมตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการทุจริตที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ด้วย

ตัวแทนจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ อย่าง รศ.ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.กำลังขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐในระดับกรมให้ทำรายงานการดำเนินงาน เพื่อแสดงความโปร่งใส่ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถตรวจสอบได้จริง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากอธิบดีกรมเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในส่วนของบริษัทเอกชนที่เป็นคู่ค้ากับหน่วยงานรัฐ จะต้องเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลงาน การกำหนดราคากลาง ต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างชัดเจน

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ป.ป.ช.ควรให้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานในโครงการใหญ่มากกว่าโครงการที่มีงบประมาณ 1-2 แสนบาท นั้น ป.ป.ช.เห็นด้วยและจะรับไว้เพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมต่อไป แต่อยากให้เข้าใจว่า เป้าหมายว่า ป.ป.ช.ต้องการให้ครอบคลุมถึงการปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งถือเป็นระดับปฏิบัติการของเครือข่ายคอร์รัปชั่นด้วย

“เชื่อว่าในประเทศไทย คนที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่คนเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถกระทำการได้อย่างกว้างขวาง ขณะนี้ป.ป.ช.กำลังวางแผนเชื่อมโยงจากระดับผู้ปฏิบัติการ เพื่อสาวให้ถึงระดับสั่งการ” ที่ปรึกษาป.ป.ช. กล่าว

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (12มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีมติชี้ว่า พร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนด้านคมนาคมนั้น ขัดรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า ภาพในอดีตเกี่ยวกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปมถ่วงการลงทุนพัฒนาระบบคมนาคมของประเทศ.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 08:35:20 am »

นักธุรกิจไทยเชื่อภาคเอกชนช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 มิถุนายน 2556 11:27 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000067253-


       การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักธุรกิจระดับผู้บริหารที่เชื่อมั่นว่า "ปัญหาทุจริตของไทย" สามารถแก้ไขให้ลดลงได้ในอนาคต และนักธุรกิจส่วนใหญ่พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการ / กิจกรรม ของภาคเอกชนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น นี่เป็นผลการสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจที่ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา


ดร.บัณฑิต นิจถาวร
   
       ดร.บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) กล่าวว่า “มากกว่า ร้อยละ 25 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,066 ซึ่งต่างเป็นบรรดาผู้นำในบริษัทธุรกิจ ต่างแสดงความเชื่อมั่นว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นสามารถทำได้ในอนาคตอันใกล้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของครั้งที่แล้วในปี 2553 มีเพียง ร้อยละ 12 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,007”

       การสำรวจความคิดเห็นของผู้นำในบริษัทธุรกิจครั้งนี้ ดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2556 ด้วยความร่วมมือระหว่าง IOD กับบริษัท GFK Marketwise ซึ่งแบบสำรวจความคิดเห็นนี้ทำในนามของโครงการแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (Thailand's Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption ;CAC) โดยการจัดทำการสำรวจครั้งแรก จัดทำโดย IOD ในระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2553 โดยครั้งนั้นได้รับการสนับสนุนจากองค์กร Center for International Private Enterprise (CIPE) ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และหลังจากนั้นไม่นาน IOD ถึงจะตั้งโครงการ CAC ในเดือนพฤศจิกายน 2553



       ดร.บัณฑิต กล่าวว่า “เกือบ 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาคเอกชนคือผู้เล่นตัวสำคัญในการลดการทุจริตคอร์รัปชั่นและต่างเห็นพ้องว่า พวกเขายินดีที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน โดยจะนำแนวปฎิบัติธุรกิจที่ดีไปปรับใช้ และปฎิเสธการให้สินบนทุกรูปแบบ ข้อมูลกระตุ้นให้เห็นว่า แม้แต่ผู้นำในภาคเอกชนเองต่างรับทราบดีถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และตอนนี้นักธุรกิจชั้นนำเหล่านั้นต่างก็เชื่อมั่นว่าสามารถจะรับมือและแก้ไขปัญหานี้ได้"



       จากผลการสำรวจยังพบว่า ร้อยละ 75 ของผู้นำภาคเอกชนเห็นว่า ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนของผู้นำภาคธุรกิจที่แสดงความพร้อมจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น จากเดิมที่สำรวจเมื่อปี 2553 มีเพียงร้อยละ 69 แต่ในการสำรวจครั้งนี้ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 97 ในขณะเดียวกัน เมื่อถามต่อไปว่า บริษัทได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก

       แนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC)” หรือไม่ ก็พบว่า จำนวนของผู้นำภาคเอกชนที่แสดงความประสงค์ต้องการเข้าร่วม CAC เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 51 จากเดิมมีเพียงร้อยละ 14 ในการสำรวจเมื่อ 2553



       ปัจจุบันมีบริษัทที่ลงนามแสดงเจตนารมณ์เป็นสมาชิกแนวร่วมปฎิบัติฯ ทั้งสิ้น 166 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตทุกรูปแบบ ในขณะเดียวกันบริษัทที่ประกาศเจตนารมณ์แล้วก็จะทำงานร่วมกับบริษัทอื่นๆ ตามหลักการของแนวร่วมปฎิบัติฯ ในการที่จะลดความเสี่ยงคอร์รัปชั่นในระบบของบริษัทตนเอง พร้อมกันนั้นก็สร้างพื้นที่การทำธุรกิจที่ขาวสะอาดมากยิ่งขึ้น

       สำหรับบริษัทที่ลงนามประกาศเจตนารมณ์แล้วนั้นยังจะได้รับการฝึกอบรมที่จัดโดย IOD เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการสร้างนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นและการวางระบบตรวจสอบให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น บริษัทใดก็ตามที่สามารถปฎิบัติได้ครบถ้วนตามแนวทางที่กำหนดไว้ ก็จะได้รับการรับรองจากคณะกรรมการแนวร่วมปฎิบัติฯ

       ณ ปัจจุบัน มี 4 บริษัทที่ผ่านการรับรอง ได้แก่ บริษัท ไพร้ชวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ จำกัด บริษัท เอไอเอ (ประกันชีวิต) จำกัด บริษัท เอไอเอ (ประกันวินาศภัย) จำกัด และ บริษัท ซีเมนส์ ประเทศไทย จำกัด



       โครงการแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต ได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจาก องค์กรชั้นนำ 8 แห่ง ได้แก่ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ซึ่งทำหน้าที่ในฐานเลขานุการโครงการฯ หอการค้าไทย หอการค้านานาชาติ สมาคมบริษัทจดทะเบียน สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

       ผู้นำภาคเอกชนส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่า การคอร์รัปชั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ลดขีดความสามารถในการแข่งขันและลดศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบด้านลบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ

       รวมทั้งทำลายค่านิยม จริยธรรมของสังคม การทุจริตคอร์รัปชั่นยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 10 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 54 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
       
       ประเด็นการแก้ไขปัญหาทุจริต
       ผลการสำรวจพบว่า ผู้นำภาคเอกชนส่วนใหญ่ต่างเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาทุจริต โดยมีรัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ผู้เกียวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายทุกคน รวมทั้ง สถาบันทางสังคมต่างๆ สื่อสารมวลชน สถาบันศาสนา และ สมาคมของภาคธุรกิจต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำภาคเอกชนยังประมาณการว่า ถ้าหากประเทศไทยสามารถลดการทุจริตคอร์รัปชั่นลงได้ จะทำให้การเจริญเติบโตของประเทศไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 50

       ดร. บัณฑิจ ย้ำว่า “IOD และองค์กรร่วม ตั้งเป้าที่จะสำรวจปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเป็นประจำทุก 2 ปี เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการติดตามสถานการณ์ของการทุจริตคอร์รัปชั่นและทัศนคติของภาคเอกชนที่มีต่อปํญหาที่มีความซับซ้อนนี้"

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 09, 2012, 07:54:55 am »

ทุจริตคอร์รัปชั่น
-http://www.dailynews.co.th/article/439/171277-
วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2555 เวลา 10:25 น.

วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีจะเป็นวันต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่นสากล ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล ได้จัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 2555 พบว่าประเทศไทยได้เพียง 37 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 อยู่ในอันดับที่ 88 จากการสำรวจทั้งหมด 176 ประเทศทั่วโลก การชี้วัดดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้ประชาชนและรัฐบาลผู้บริหารประเทศได้รับทราบว่าจะต้องแก้ไขภาพลักษณ์อย่างไรเพื่อให้สายตาขององค์กรสากลที่เฝ้าติดตามดูสามารถรับรู้ได้ว่าประเทศไทยมีความโปร่งใสมากกว่าคอร์รัปชั่นที่ทั่วโลกไม่มีความปรารถนา

อย่างไรก็ดี ล่าสุดกรุงเทพฯ โพล ก็ได้สำรวจความคิดเห็นของคน กทม. เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากผลสำรวจดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้รับรู้มากยิ่งขึ้นว่าประชาชนได้มองถึงระดับความรุนแรงของการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทย เพราะคนกรุงร้อยละ 88 เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความไม่โปร่งใสมาก ส่วนผู้ที่เห็นว่าโปร่งใสอยู่ในระดับน้อยเพียงแค่ร้อยละ 12 เท่านั้น ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับองค์กรเพื่อความโปร่งใสสากลได้ชี้วัดภาพลักษณ์ของประเทศไทยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้

ต้นเหตุสำคัญของการคอร์รัปชั่นผลสำรวจร้อยละ 62.9 ระบุว่า คือ นักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น และร้อยละ 50.1 ระบุว่าตัวกฎหมายมีช่องโหว่ล้าสมัย นอกจากนี้คนกรุงร้อยละ 64.2 เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญน้อยในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น และพอใจค่อนข้างน้อยต่อการแก้ไขปัญหาทุจริตของรัฐบาลถึงร้อยละ 69.9 ส่วนประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ประชาชนร้อยละ 79.1 ไม่ต้องการประชานิยมของรัฐบาลที่มาพร้อมกับการคอร์รัปชั่น ผลสำรวจในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพบว่าคนกรุงมีความรู้สึกตรงกับฝ่ายค้านที่ได้พยายามจี้เน้นให้เห็นว่ามีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด

ผลสำรวจทั้งในและต่างประเทศที่ออกมานั้น ทั้งรัฐบาล นักการเมืองทุกระดับ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องตระหนักสำนึกให้ดีเพื่อที่จะได้ทำความโปร่งใสให้ประชาชนได้เห็นมากกว่าเรื่องคอร์รัปชั่น สำหรับปัญหาเรื่องทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้นที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยได้ตอกย้ำถึงเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแทบทุกวัน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะพยายามย้ำเช่นกันว่าโครงการนี้ชาวนาได้ประโยชน์เต็มที่ไม่มีโกง เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องทำเรื่องรับจำนำข้าวให้ประชาชนได้เห็นถึงความโปร่งใสมากที่สุด ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับทุจริตเพียงนิดเดียว รัฐบาลก็สอบตกการแก้ไขคอร์รัปชั่นและจะถูกประจานดิสเครดิตตลอดไป.

http://www.dailynews.co.th/article/439/171277

.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 08, 2012, 05:24:05 pm »

อึ้ง! คน 3 ใน 4 ยอมรับคอร์รัปชั่น ถ้าตัวเองได้ประโยชน์
-http://hilight.kapook.com/view/75923-

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

          โพลสำรวจพบคนไทยเกือบ 3 ใน 4 ยอมรับคอร์รัปชั่นถ้าตัวเองได้ประโยชน์ด้วย เด็ก-เยาวชนน่าห่วงสุด ขณะที่ข้าราชการ 60% ก็ยอมรับโกงได้

          เมื่อวันที่ 7 กันยายน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง แนวโน้มทัศนคติอันตรายของสาธารณชนคนไทย ว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย และการโกหกเพื่อเอาตัวรอด กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ

          ผลสำรวจพบว่า ประชาชนคนไทยที่ถูกศึกษาครั้งนี้มีแนวโน้มยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 63.4 ในเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ร้อยละ 65.8 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 34.2 ไม่ยอมรับ และเมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า ผู้ชายมีร้อยละ 68.9 มากกว่าผู้หญิงที่มีอยู่ร้อยละ 62.3 ที่ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

          ดร.นพดลยังระบุด้วยว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.1 และร้อยละ 76.5 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และอายุระหว่าง 20-29 ปียอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย ในขณะที่ร้อยละ 64.8 ของคนอายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 65.4 ของคนอายุ 40-49 ปี และร้อยละ 59.9 ของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

          ผลสำรวจยังพบด้วยว่า กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 70.6 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนสูงที่สุดที่ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย ในขณะที่รองลงมาคือกลุ่มพ่อค้า ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 66.2, กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 64.3, กลุ่มรับจ้างทั่วไป เกษตรกร ร้อยละ 61.9 และส่วนใหญ่เช่นกัน คือร้อยละ 59.4 ของกลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และร้อยละ 58.8 ของกลุ่มแม่บ้าน เกษียณอายุที่ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

          ผลการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มข้าราชการ เนื่องจากว่ากลุ่มข้าราชการมีสัดส่วนสูงถึงเกือบร้อยละ 60 ที่ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย โดยพบว่า ผู้ถูกศึกษาส่วนใหญ่จะนึกถึงการได้ผลตอบแทนจากรัฐบาลในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน การโยกย้ายพรรคพวกเพื่อนฝูงให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือได้ดูแลพื้นที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ก็จะยอมรับรัฐบาล เพราะมีเหตุผลอ้างความชอบธรรมว่า ทุกรัฐบาลก็ทุจริตคอร์รัปชั่นด้วยกันทั้งนั้น เอาอำนาจทางการเมืองมาแทรกแซงด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าแทรกแซงแล้วตนเองได้ประโยชน์ด้วย ก็ยอมรับได้ เรียกกันว่า "กินตามน้ำ" หรืออย่างมากก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อยู่เฉย ๆ ดีกว่า อยู่รอดได้ หรือปิดตาข้างเดียว
 
          ด้านนายเมธี ครองแก้ว อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ความเห็นว่า รัฐบาลเองต้องออกมาตีฆ้องร้องป่าวในเรื่องนี้บ้าง เพราะหากฝ่ายบริหารให้ความร่วมมือ มุ่งมั่นที่จะทำเรื่องนี้ โอกาสประสบความสำเร็จมันก็มี แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น

          ขณะที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต แสดงความเห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ในเบื้องต้นคือจะต้องไม่ทำนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทุจริต โดยต้องเริ่มที่ตัวท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ต้องทำเป็นตัวอย่าง เพราะการคอร์รัปชั่นทำให้วัยรุ่นไทยเกิดความเคยชินกับการโกง เนื่องจากเห็นการคอร์รัปชั่นตั้งแต่เด็ก ทำให้เด็กไทยมองว่าการโกงนั้นปกติ ไม่ได้ผิดอะไร ทำให้เกิดศีลธรรม คุณธรรมลดน้อยลง ดังนั้นข้าราชการระดับท้องถิ่นเอง เช่น อบต. อบจ. ไปจนถึงพวกนักการเมือง ต้องทำเป็นตัวอย่างให้เด็กไทยได้เห็น ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะทำให้พวกนักการเมืองกล้าที่จะทำมากขึ้น โกงอย่างแนบเนียนมากขึ้น

          ส่วนนายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า วิธีแก้ไขคือต้องมีความเด็ดขาดในการลงโทษ หากใครทำผิด ภายใน 1-2 ปี ต้องติดคุกทันที ตนเชื่อว่าถ้าทำแบบนี้คนที่โกงก็จะกลัว แต่พอกลไกตรวจสอบเราไปกองอยู่ที่ ป.ป.ช.หมด นักการเมืองใหญ่ทำผิดก็หนี ตัวเล็กๆ ก็รอขาดอายุความอย่างเดียว แล้วใครจะกลัวกฎหมาย ส่วนกลไกตรวจสอบอย่าง ป.ป.ท.ที่มีอำนาจตรวจสอบ เราก็เห็นแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น คือพอเข้าไปตรวจสอบก็ถูกย้าย ตนถามว่าแล้วกลไกที่ไหนจะมาทำได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://thaipost.net/news/080912/62102-


.------------------------------------------------------------------------------------.




ประเทศไทย จะอยู่กันอย่างไร 

ที่สำคัญ หากโกงกินประเทศชาติ  ความฉิบหายจะตามมาแน่นอน  ถึงแม้ว่าจะตามไม่ทันในชาตินี้ 

ไม่มีใครหนีกรรมพ้น


.