ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2015, 02:35:17 pm »

นี่เป็น พระปลอม   เป็นมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นพระภิกษุ



-------------------------------------------------------------------


มารศาสนา!! รวบอดีตตำรวจหนีหมายจับบวชเป็นพระวัดดังย่านปทุมธานีหลอกเรี่ยไรเงินประชาชน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    
   
5 ธันวาคม 2558 12:56 น. (แก้ไขล่าสุด 5 ธันวาคม 2558 13:08 น.)

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000134440








MGR Online - เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา อ้างตัวเป็นพระวัดชื่อดัง ย่านปทุมธานี หลอกลวงเหยื่อรับบริจาคเงินไถ่ชีวิตโคกระบือผ่านเฟสบุ๊ค ตรวจสอบประวัติพบเคยรับราชการตำรวจยศร้อยโท แต่ถูกให้ออก เพราะต้องโทษคดีลักทรัพย์
       
        วันนี้(5ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รองผกก.สส.สน.ทองหล่อ และพ.ต.ต.ภานุภัทร กิตติพันธ์ สว.สส.สน.ทองหล่อ รวมถึงพ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ และสน.เพชรเกษม ทำการจับกุมตัวนายรวิภาส รวิภาสนิติกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1265/222 ซ.กาญจนาภิเษก008 แขวงบางแค เขตบางแต กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่6/2555 ลงวันที่ 9 มกราคม 2555 โดยสามารถจับกุมได้ที่ หน้าร้านเดโม่ ซอยทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
       
        การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีการโพสต์ภาพและข้อมูลเตือนภัย ในเพจเฟสบุ๊คชื่อดัง เกี่ยวกับกรณีมีพระรูปหนึ่งที่ชื่อ “พระรวิภาส รวิภาสนิติกุล” ซึ่งก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมหลอกลวงด้วยการทำเพจขึ้น และทำการเรี่ยไรไถ่ชีวิตโคกระบือโดยให้คนโอนเงินเข้ามาบัญชีตนเอง กระทั่งมีผู้ใจบุญหลงตกเป็นเหยื่อมากมายนับร้อยราย
       
        โดยภายหลังพบว่า พระรูปนี้ได้ทำการถอนเงินจากธนาคารเป็นจำนวนหลายล้านบาท เพื่อนำไปทำบุญกับวัดชื่อวัดธรรมกาย ย่านปทุมธานี ทำให้ผู้ที่เคยบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือกับพระรวิภาสได้เข้ามาตั้งคำถามผ่านเฟสบุ๊ค และเรียกร้องให้พระรวิภาสแสดงหลักฐานแก่ผู้ที่เคยทำบุญบริจาคไป กระทั้งมีข้อมูลว่านายรวิภาส ได้สึกจากความเป็นพระแล้ว แต่ยังแอบอ้างหลอกรับเงินจากคนที่ไม่รู้เท่าทันต่อไป จนทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเปิดกรุ๊ปในเฟสบุ๊กเพื่อแชร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในการติดตามเอาผิด มารศาสนารายนี้ ชื่อกลุ่ม "กลุ่มผู้เสียหายกรณีรวิภาส รวิภาสนิติกุล" อีกด้วย
       
        จากนั้นตำรวจชุดจับกุมจึงได้แกะรอยหาเบาะแสทราบว่า นายรวิภาสเป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวยง และทิปหนัก โดยสถานที่ชื่นชอบไปมาก ตามย่านทองหล่อ เอกมัย และย่านเลียบด่วนรามอินทรา กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีข้อมูลว่าพบคนร้ายรายนี้ได้เดินทางมาเที่ยวสถานบันเทิงในซอยทองหล่อ10 จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบบุคคลมีรูปพรรณคล้ายบุคคลตามผู้เสียหายระบุ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมแต่เจ้าตัวขัดขืน พร้อมอ้างตัวว่า "กูเป็นสารวัตรชื่อโอ๊ต" และพยายามหลบหนี แต่ทางตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ
       
        สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยรับราชการตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุ แต่ถูกให้ออกเนื่องจากหลบหนีหมายจับคดีลักทรัพย์ พื้นที่ สน.ทุ่งครุ ทำให้ขาดราชการ 15 วัน จนต้องออกจากราชการเมื่อปี 2549 จากนั้น 6 ปีต่อมาได้มาบวชเป็นพระสงฆ์กับทางวัดธรรมกาย ตลอดช่วงเวลาที่บวชเป็นพระมักจะมีพฤติกรรมชอบแชร์ข้อมูลการทำบุญของตนเองผ่านทางเฟสบุ๊ค จนมีคนติดตามกันเป็นจำนวนมาก
       
        จากนั้นเมื่อช่วงปลายปี 2557 ได้สึกออกมาจากการเป็นพระ แต่ยังไม่มีงานทำขาดรายได้ จึงคิดหารายได้ทางลัด โดยการหลอกเหยื่อว่ารับบริจาคเงินไถ่โคกระบือดังกล่าว ผ่านทางบัญชีส่วนตัว ส่วนใหญ่เหยื่อหลงเชื่อโอนให้เป็นจำนวนหลักพัน วันละ 10-20 ราย จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อรถเบ็นซ์ รุ่น เอสแอลเค ราคาประมาณ 5 ล้านบาท รวมทั้งสามารถซื้อคอนโดหรู ย่านห้วยขวาง บางส่วนจะนำไปใช้เที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง แต่ละครั้งจะอ้างตัวเป็นตำรวจยศสารวัตร เพื่อจีบหญิงสาวในผับนั้นๆ และจะแจกทิปเด็กในร้านเสมอ จนทำให้หลายคนหลงเชื่อ จนมาถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนเครื่องแบบตำรวจที่ประดับยศ สารวัตร นั้นตนซื้อมาเพื่อไว้ถ่ายภาพไปแอบอ้างเหยื่อ
       
        นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ติดคดี ฉ้อโกงค่าอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นที่ สน.ท่าข้าม เมื่อปี 2549 อีกด้วยอย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายนี้ หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าชี้ตัวได้ที่ สน.ทองหล่อ เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราพรพปรมาภิไธย และใช้รอยตราพระปรมาภิไธยที่ทำปลอมขึ้น "ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
 




ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2015, 07:21:18 pm »

แบบนี้ ไม่ต้องไปกล่าวคำสึก
ไม่มีประโยชน์ เพราะว่า...
สึกอัตโนมัติ อยู่แล้ว
มันพ้นสภาพพระภิกษุ ด้วย "ปาราชิก"


-------------------------------------------------------------------------


รวบ เสี่ยหลวงพี่ เปิดโรงแรมมั่วสีกา ควักตังค์เลี้ยงสาวเป็นหมื่น
-http://hilight.kapook.com/view/128520-


 ผ้าเหลืองฉาว ! ตำรวจสุรินทร์จับเจ้าอาวาสเปิดโรงแรมกกสาวอาบอบนวด แฉ มาเที่ยว 2 วัน ใช้เงินไปกว่า 4  หมื่น สุดอึ้ง บวชเรียนมา 18 พรรษาไม่ช่วยอะไร ส่งรองเจ้าคณะจับสึกแล้ว

            เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ศูนย์วิทยุศรีไผท สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีพระภิกษุปลอมตัวเป็นฆราวาส เปิดห้องพักโรงแรม ดื่มสุรามั่วสีกา ร.ต.ต. อิสรพงษ์ พรอมตระกูล ร้อยเวร สภ.สุรินทร์ พร้อมตำรวจสายตรวจ จึงรุดเข้าตรวจสอบ

            โดยภายในห้อง 208 ที่ได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่พบ นายเปลื้อง อายุ 64 ปี อยู่ภายในห้อง พร้อมขวดยาบำรุงร่างกายที่ดื่มไปแล้วจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบสบง จีวร ภายในกระเป๋าภายในห้อง ซึ่ง นายเปลื้อง อ้างว่าเพิ่งสึกจากวัด เมื่อวันออกพรรษาที่ผ่านมา หลังบวชได้ 5 พรรษา จึงเก็บสบง จีวร ไว้เป็นที่ระลึก

            ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงประสานไปยัง อ.กาบเชิง และได้รับการยืนยันว่า ไม่มีชื่อวัดดังกล่าว จึงพยายามสอบถามต่อนานกว่า 15 นาที ทำให้นายเปลื้องยอมรับสารภาพว่า เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.อาโพน อ.บัวเชด และเป็นเจ้าคณะตำบลอาโพน บวชมาแล้ว 18 พรรษา

            โดยเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา นายเปลื้อง ได้แจ้งต่อเจ้าคณะอำเภอบัวเชด ว่า จะเดินทางไปอบรมศีล 5 ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ และได้มาจอดรถในซอยโรงเรียนสุรินทร์ศึกษา ก่อนเปลี่ยนชุดเป็นฆราวาส เพื่อเปิดห้องพักโรงแรม ก่อนที่พนักงานหลายคนเกิดข้อสงสัยในพฤติกรรม เพราะไม่ชอบสวมรองเท้า และปกติจะเรียกแทนตัวเองว่า "ป๋า" แต่บางครั้งก็แทนตัวเองว่า "อาตมา" จนพนักงานทุกคนต่างเรียกกันว่า "เสี่ยหลวงพี่" กระทั่งมาถูกจับกุม

 ด้านพนักงานของโรงแรมให้การว่า พบนายเปลื้องมาใช้บริการเดือนละ 1 ครั้ง และมักเรียกพนักงานอาบ อบ นวด มาครั้งละ 2 คน พร้อมสั่งอาหารมาเลี้ยงอย่างเต็มที่ บางครั้งชวนสาวเสิร์ฟ 3-4 คนมาร่วมดื่มสุราให้ห้องพักด้วย โดย 2 วันที่ผ่านมาใช้เงินไปถึง 40,000 บาท

            เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปพบ พระครูอนุวัฒน์ปัญญาภรณ์ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัว เพื่อดำเนินการสึกพร้อมทำบันทึกพฤติกรรมปาราชิกขั้นรุนแรง พร้อมประสานไปยัง อำเภอบัวเชด อายัดทรัพย์สินของทางวัดบ้านอาโพน ตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ภาพจาก สปริงนิวส์

ข้อมูลจากสำนักข่าว INN

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.springnews.co.th/local/northeast/249881-


.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 27, 2015, 07:26:45 am »

สวดยับ พระขอเงินกลางห้างดัง โดนบอกปัด แช่งกลับขอให้ตาย

-http://hilight.kapook.com/view/126972-


 พระขอเงินทำบุญกลางห้างดังแลกพระเครื่อง โดนบอกปัด ด่ากลับ แถมแช่งเผาพริกเผาเกลือขอให้ตาย

          เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2558 ในโลกโซเชียลกำลังมีการแชร์คลิป ซึ่งโพสต์จากเฟซบุ๊ก อุ๋ย ตองหนึ่ง ซอยตัน โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่พระสงฆ์รูปหนึ่ง เข้าร้านแห่งหนึ่งในอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง พร้อมกับขอเงินทำบุญต่อเจ้าของร้านและกับเอาพระเครื่องมาปล่อย ต่อมาพนักงานร้านบอกว่า ไม่ใช่เจ้าของร้าน จึงให้ไม่ได้ ทำให้พระสงฆ์รูปดังกล่าวไม่พอใจ จึงสาบแช่งเผาพริกเผาเกลือให้ตาย และด่าปัญญาอ่อน


แฉยับ!!! พระขอเงินทำบุญไม่ได้ ถึงกับไล่ชาวบ้านให้ไปตาย
https://www.youtube.com/watch?v=GGz397FwzdU#t=12
-https://www.youtube.com/watch?v=GGz397FwzdU#t=12-
เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2015

เครดิต เฟซบุ๊ก อุ๋ย ตองหนึ่ง ซอยตัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุ๋ย ตองหนึ่ง ซอยตัน -https://www.facebook.com/Ouy.chakrit-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 10, 2015, 07:10:36 pm »

เมียรู้ผัวมีกิ๊กสั่งให้บวช ยังแอบได้เสียคาผ้าเหลืองกว่า 3 ปี

-http://news.sanook.com/1863254/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่ห้องหมายเลข 10 หน้าห้องมีเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิคสีแดง ทะเบียน ฐบ 9460 กรุงเทพมหานคร และรถจยย.ฮอนด้า ซีบีอาร์ สีดำ ทะเบียน 1กฐ 9643 ขอนแก่น จอดอยู่หน้าห้อง ภายในห้องพบพระสงฆ์ 1 รูปและหญิงสาวอีก 2 คน กำลังมั่วสุมเสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงยึดอุปกรณ์การเสพ และยาบ้าจำนวน 3 เม็ด นำไปตรวจปัสสาวะ พบว่ามีสีม่วงทั้ง 3 คน

จากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุพระฤทธิ์รงค์ หรือ หลวงพ่อแก้ว อายุ 57 ปี พระวัดสว่างโนนงาม บ้านป่าหนองอีเหน ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ได้ทำการนัดหมาย น.ส.นวพร อายุ 34 ปี และ น.ส.พรวิวาห์ อายุ 23 ปี ให้มาพบที่รีสอร์ท เพื่อทำการเสพยาเสพติด และทำกิจกรรมทางเพศ แต่ถูกจับกุมเสียก่อน เลยยังไม่มีอะไรกัน

จากการสอบสวน พระฤทธิ์รงค์ ให้การว่า ตนเองบวชเป็นพระมาได้ 3 ปี และมีภรรยาแล้ว สาเหตุที่มาบวชเพราะภรรยาจับได้ว่ามีกิ๊กคือ น.ส.นวพร จึงได้ให้บวช เพื่อให้ศาสนาขัดเกลากิเลส แต่ด้วยความคิดถึง น.ส.นวพร จึงได้แอบนัดหมายกันมาตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยนัดกันเสพเมถุนตลอด ซึ่งสามีของ น.ส.นวพร ก็ทราบเรื่องนี้ แต่ก็ยังแอบได้เสียกันเป็นประจำ จนถูกจับได้ในที่สุด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่นำตัว พระฤทธิ์รงค์ ไปทำการสึกที่วัดบ้านเสียว ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ก่อนจะนำตัวไปดำเนินคดี โดยแจ้งข้อหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามกฎหมายต่อไป

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2015, 08:23:48 pm »

บุกรวบเจ้าอาวาสวัดดังคากระท่อม พบมั่วสีกา-มีปืนในครอบครอง

-http://hilight.kapook.com/view/123307-

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังรวบตัวเจ้าอาวาสวัดดังใน จ.หนองบัวลำภู ลักลอบมั่วสีกาคากระท่อม พร้อมค้นกุฎิยึดปืนของกลาง ก่อนจับสึกและดำเนินคดี

          เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบกระท่อมนาท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังรับแจ้งจากสายลับว่ามีเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งใน ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ลักลอบไปหาสีกาตอนกลางคืนอยู่เป็นประจำ

          จากการสะกดรอยตาม พบว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ไปรับเจ้าอาวาสจากวัดมายังกระท่อมท้ายหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เคาะประตูและเข้าตรวจสอบข้างในห้องพบ นางฤทัย (นามสมมติ) อายุ 47 ปี พร้อมกับเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า ใช้ผ้าห่มคลุมร่างกาย อยู่กันสองต่อสอง


ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พาตัวเจ้าอาวาสไปตรวจค้นที่กุฏิ พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .22 มม. ยี่ห้อสมิทแอนเวสสัน สีบรอนซ์-เงิน จำนวน 1 กระบอก ลูกปืนขนาด .22 มม. จำนวน 30 นัด จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย  ก่อนจะนำตัวไปให้เจ้าคณะตำบลสึกและส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองบัวลำภู ดำเนินคดี ภายหลังทราบชื่อคือ นายวิวัฒน์ ระฆังทอง อายุ 43 ปี

          ทั้งนี้นายวิวัฒน์ สารภาพว่า ตนบวชมา 20 กว่าพรรษาและมาเป็นเจ้าอาวาสที่ จ.หนองบัวลำภู จำวัดอยู่ที่นี่เป็นเวลา 12 ปี แต่เกิดชอบพอกับนางฤทัยมาระยะหนึ่ง โดยนางฤทัยจะเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์มารับตนในเวลากลางคืนไปกระท่อมหลังดังกล่าวประมาณ 6-7 ครั้ง ซึ่งตนยอมรับผิด สำหรับปืนที่พบนั้นเป็นของบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว



ภาพจาก ทวิตเตอร์ สำนักข่าวไทย อสมท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.tnamcot.com/content/232513-



ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 20, 2015, 09:30:15 am »

ไม่ต้องให้สึกครับ

จับถอดผ้าเหลืองได้เลย

ปราชิก  ต่อให้กล่าวคำสึก หรือ ไม่กล่าวคำสึก

มีค่าเท่ากัน เพราะปราชิก

---------------------------------------------------------------------------------------------



รวบแล้วพระข่มขืนด.ญ.วัย 14 ปี ต่อเนื่อง 3 ปี

-http://news.sanook.com/1815139/-




นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิง อายุ 16 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช เข้าร้องขอความช่วยเหลือ โดยระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้ถูกพระภิกษุซึ่งอดีตเคยจำวัดที่วัดคันนาราม ต.นาสาร อ.พระพรหม ข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดครั้งแรกตอนอายุ 14 ปี  (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สาว 16 แฉถูกพระข่มขืน ซ้ำโดนลูกชายพระยิงข่มขู่)

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 มิ.ย.) สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าจับกุมตัว พระกฤษณ อายุ 44 ปี ที่เป็นพระสงฆ์อยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พรากผู้เยาว์ และร่วมกันมีความผิดตามพรบ.อาวุธปืน พร้อมลูกชายของพระรูปนี้อีก 1 คน ในข้อหาตามฐานความผิด พรบ.อาวุธปืน 

โดยหลังจากถูกจับกุม ได้มีชาวบ้านที่อยู่ละแวกสำนักสงฆ์ เดินทางมาที่ สภ.พระพรหม อย่างต่อเนื่องหลายสิบคน โดยแสดงท่าทีกดดันเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าห้ามสึกเด็ดขาด ทั้งยังแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร ห้ามมีการบันทึกภาพ และพยายามโทรศัพท์ระดมคนมาที่โรงพัก ท่ามกลางความเอือมระอาของเจ้าหน้าที่ ด้าน พระกฤษไม่ยอมลาสิกขาและปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต่อมา น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาพร้อมผู้ปกครอง เพื่อยื่นคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ทำให้ไม่สามารถประกันตัวได้ เจ้าหน้าที่คุมตัวส่งศาลเพื่อขออำนาจฝากขังในช่วงเวลา 10.00 น.ของวันนี้ โดยมีชาวบ้านที่ยังศรัทธา ไปติดตามอยู่ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

 ด้าน พ.ต.ท.อธิวุฒิ ไวยกาญจน์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ในส่วนของพระรูปนี้แม้ว่าจะถูกออกหมายจับในข้อหาร้ายแรง แต่ยังคงไม่ยอมสึก โดยมีผู้ที่ศรัทธายังติดตามอยู่ตลอดเวลาหลายคน เจ้าหน้าที่จึงต้องขออำนาจศาลพิจารณาฝากขัง

ขณะที่ น.ส.เอ ผู้เสียหาย พร้อมผู้ปกครอง ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวพระกฤษณ หรือ นายกฤษณ ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีเหตุที่สำคัญคือการคุกคามข่มขู่จากครอบครัว เครือญาติของพระกฤษณ รวมทั้งการคุกคามข่มขู่จากผู้ที่ติดตามพระกฤษณ ที่มากดดันเจ้าหน้าที่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2015, 06:00:15 pm »

วินาทีจับสึก พระฉาวขืนใจสาวท้องไม่รับ

https://www.youtube.com/watch?v=oz1XLEimg9c
-https://www.youtube.com/watch?v=oz1XLEimg9c-




น่าน จับพระขณะจ้ำจี้สีกาคากุฏิวัด

https://www.youtube.com/watch?v=Rk84MEAIR08
-https://www.youtube.com/watch?v=Rk84MEAIR08-




บุกจับสาวใหญ่เจ้ามือหวยใต้ดิน เจอพระดังนอนด้วยคามุ้ง จับสึกกลางดึก

https://www.youtube.com/watch?v=X7BCtY6G7ro
-https://www.youtube.com/watch?v=X7BCtY6G7ro-


.



ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2015, 07:21:04 am »

ความบัดซบของพระภิกษุนอกรีต

ยังมีอยู่เป็นประจำ



---------------------------------------------------------

สาว 16 ร้องถูกพระข่มขืน 3 ปีซ้อน แถมลูกชายพระยิงข่มขู่ซ้ำ

-http://hilight.kapook.com/view/121489-


  เด็กสาววัย 16 ร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกพระข่มขืนมา 3 ปี แถมยังถูกถ่ายรูปแบล็กเมล์ และโดนลูกชายพระยิงข่มขู่ซ้ำ

            เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 มีรายงานว่า นักเรียนหญิงวัย 16 ปี จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายปานเทพ รัสมะโน กำนันตำบลนาสาร ว่า ถูกพระภิกษุรูปหนึ่งใน ต.นาสาร ข่มขืนกระทำชำเรามา 3 ปีซ้อน ซึ่งปัจจุบันพระรูปนี้ จำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช และหลังจากที่มีเรื่องฉาว เธอก็ถูกลูกชายของพระรูปดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.พระพรหม แต่ก็ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย

            ทั้งนี้ นักเรียนหญิงรายดังกล่าวเล่าว่า เธอถูกพระข่มขืนมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เธออายุ 14 ปี ครั้งแรกถูกพระรูปดังกล่าวล่อลวงให้เข้าไปในกุฏิภายในวัดตอนกลางดึก โดยอีกฝ่ายบอกว่าจะให้การช่วยเหลือด้านการเรียน เพราะเธอมีปัญหาเรื่องเรียน แต่เมื่อเข้าไปกูถูกพระรูปนั้นข่มขืนและบันทึกภาพไว้ พร้อมข่มขู่ว่า หากเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ก็จะนำภาพไปเผยแพร่ให้อับอาย ก่อนให้เงินจำนวนหนึ่งมาปิดปาก

            หลังจากนั้นพระภิกษุรูปดังกล่าวก็ได้ช่วยเหลือเรื่องการเรียนของเธอจริง และเธอก็ขอให้พระรูปนั้นสึกเสีย แต่เขาก็ไม่ยอมสึก จนมีชาวบ้านระแคะระคายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วรวมตัวขับไล่พระรูปนี้ จนต้องหนีไปจำวัดที่อื่น ขณะอยู่ที่วัดอื่น เธอก็ได้ขอให้พระรูปนี้สึกอีก จนมีปากเสียงกัน แล้วเธอก็ถูกเขาทำร้าย ก่อนจะแจ้งความที่ สภ.ช้างกลาง

            สำหรับสาเหตุที่เธอออกมาเผยถึงพฤติกรรมของพระรูปนี้ เนื่องจากตนเองถูกกระทำมานานและยังถูกข่มขู่ต่าง ๆ นานา จึงต้องการขอความช่วยเหลือ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพรหม เผยว่า ได้รับแจ้งเรื่องการยิงข่มขู่แล้ว ส่วนการข่มขืนนั้น อยู่ระหว่างรอสอบปากคำอย่างเป็นทางการจากสหวิชาชีพ และยังต้องสอบปากคำต่อหน้าผู้ปกครองและนักสังคมสงเคราะห์ เนื่องจากผู้เสียหายยังเป็นผู้เยาว์อยู่ แล้วจะนำไปสู่การแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับพระรูปดังกล่าวต่อไป


อ่ายรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวสด

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1433491203-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2015, 01:40:21 am »



พระนั่งโซ้ยไอศกรีมเสียงดัง พูดคำหยาบไม่สำรวมกิริยา เจอชาวบ้านด่าสั่งสอน

-http://hilight.kapook.com/view/121054-




พระสงฆ์ 3 รูป นัดกันออกมาฉันไอศกรีมนอกวัด จนคนนินทา ซ้ำยังพูดจาหยาบคายไม่สำรวม เจอหนุ่มด่าเข้าไป จ๋อยเลย...

           วันที่ 28 พฤษภาคม 2558 มีรายงานว่า เฟซบุ๊ก Saran Wiriyalai  ได้โพสต์พระ 3 รูป ที่นั่งรับประทานไอศกรีมอยู่ในร้านชาแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ในที่สาธารณะ พระทั้ง 3 รูปกลับไม่สำรวมกิริยา พูดจาด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างความอิดหนาระอาใจให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

           ทั้งนี้ คุณ Saran Wiriyalai  ระบุว่า ได้ไปรับประทานชาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเมื่อเวลา 20.20 น. และพบพระ 3 รูปกำลังนั่งฉันไอศกรีม และ 1 รูป ฉันชาและกาแฟ นั่งมองอยู่นานจึงเข้าไปสอบถามเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านเผยว่า พระทั้ง 3 รูปเป็นลูกค้าประจำ จึงไม่ได้ออกมาต่อว่า ในขณะที่คนเดินผ่านไปผ่านต่างซุบซิบนินทาว่าเหตุใดพระจึงออกมาฉันอาหารในเวลากลางดึกอย่างนี้

           อย่างไรก็ตาม ขณะที่นั่งรับประทานไอศกรีมนั้น พระทั้ง 3 รูป ยังพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ด้วยคำพูดเช่น "ไอ้สัตว์ อีคนนั้น อีคนนี้" จึงทำให้คุณ Saran Wiriyalai ต้องเข้าไปตักเตือน

           "ไอ้ห่า เป็นคำสุดท้ายที่ทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นไป เตือนสติมนุษย์ห่อเหลืองทั้ง 3 ผมถามเขาเรื่องอาบัติปาจิตตีย์ เขาบอกผมว่าเขาจะปลง ผมเลยบอกเขาว่า โลกวัชชะ คือ ชาวโลกติเตียน มันทุเรศ พร้อมจัดชุดใหญ่ไปอีกเพียบ ผมบอกไปว่า ที่ผมหัวโล้นเนี่ยคือผมเพิ่งสึกมา 555555 มารศาสนาทั้ง 3 เริ่มหน้าเสีย ผมจึงบอกไปว่า ให้ท่านรีบ ๆ กิน รีบ ๆ กลับวัดเถอะ ผมเริ่มขึ้นแล้ว ทั้ง 3 คนจึงเริ่มลุกกลับไปอย่างเร็ว
 
           ที่ผมเล่ามา ไม่ได้อยากโชว์นะ ไม่อยากให้คนเอาอย่างผมนะ ผมแค่อยากบอกว่าถ้าเจออะไรที่ไม่ดีแบบนี้ เดินเข้าไปบอกเถอะ พูดกันด้วยเหตุและผล สู้กันด้วยความจริง ผมเชื่อว่าหลาย ๆ อย่างที่ไม่ถูกต้อง หลาย ๆ คนมองแล้วก็ผ่านไปเพราะคิดแค่ว่าไม่ใช่ธุระของเรา สังคมมันเลยเสื่อมลง ๆ ช่วย ๆ กันทำให้โลกมันดีขึ้นคนละไม้ละมือครับ สังคมดีเริ่มที่ตัวเรา ผมเชื่ออย่างนั้น"



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Saran Wiriyalai


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2015, 10:58:50 am »




เสื่อมสุด เณรเกย์ทักแชทหาคู่ขาทั้งผ้าเหลือง ถามรังเกียจพระเหรอ

-http://hilight.kapook.com/view/120477-





แฉความต่ำตมของเณรเกย์ เมื่อมีความต้องการทางเพศ ทักแชทหาคู่ขา แต่โดนไล่ให้ไปสวดมนต์ ยังถามกลับ รังเกียจพระเหรอ ?

            เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความเสื่อมของผู้ที่อยู่ในผ้าเหลือง ที่คุณ แมวอินดี้ NUMBER1 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม นำมาเผยแพร่ผ่านกระทู้ "ความต่ำตมของเณรเกย์เมื่อต้องการทางเพศ (18+)" เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 โดยเผยข้อความในแชทระหว่างชายคนหนึ่งกับสามเณรที่ในรูปยังอยู่ในผ้าเหลือง

            โดยฝ่ายชายในผ้าเหลืองได้ให้เบอร์ พร้อมบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายรับ ส่วนชายในแชทก็ได้ตอบกลับว่า "ไปสวดมนต์ซะนะ" ก่อนที่ชายในผ้าเหลืองจะตอบมาด้วยข้อความชวนอึ้งว่า "รังเกียจพระเหรอ" ซึ่งชายคนที่แชทด้วย ก็ได้ตอบกลับในลักษณะสั่งสอนว่า ยังเด็กอยู่ อย่าทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เป็นพระก็ควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควร หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรบวชตั้งแต่แรก

            ด้านชายในผ้าเหลืองที่บอกว่าตัวเองเป็น "พระ" ก็ตอบโต้อย่างไม่ลดละว่า "บางอย่างก็ต้องมีบ้าง ขนาดคุณยังทำเลย ถ้าเป็นนักบุญจริงเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก" ก่อนที่ชายในแชทจะตอบกลับว่า "ผมไม่ใช่พระนะ เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก" จากนั้นชายในผ้าเหลืองก็บอกว่า อีกฝ่ายคิดมากไปเอง ผมไม่ชอบคนคิดมาก...

            ในขณะที่ความคิดเห็นจากชาวพันทิป มีทั้งที่มองว่า ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงความจริงด้านเดียว แต่หลายคนก็เชื่อ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เณรรายดังกล่าว บ้างก็บอกว่า ตนเองก็เคยเจอแบบนี้


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณ แมวอินดี้ NUMBER1 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม