ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 09, 2016, 08:40:15 pm »บทเรียนส่วนใหญ่ในชีวิต
คือการเรียนรู้เพื่อเผชิญสิ่งที่ไม่ถูกใจ
ในตัวเราเองและโลกรอบๆ ตัวเรา
โดยให้รู้จักอดทน และรู้จักมีเมตตา
ไม่ฉุนเฉียวไปกับความรู้สึก
ทางประสาทสัมผัส
ที่ไม่ได้ดังที่ใจต้องการ
พระอาจารย์สุเมโธ
..
..
ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม
ความจริงก็ดำรงอยู่ตามธรรมดาของมันอย่างเป็นกลางๆ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือ ค้นพบความจริงนั้นแล้วนำมาเปิดเผยไว้...
ผู้ที่มองสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น
ไม่ใช่มองตามที่ตนอยากหรือไม่อยากให้มันเป็น
จึงจะเข้าใจความจริงที่เป็นกลางนี้ได้
เมื่อเข้าใจธรรมที่เป็นกลางนี้แล้ว
ก็ย่อมมองเห็นความจริงอย่างกว้างๆ
ครอบคลุมทั่วไปทั้งหมด มีทัศนะเปิดกว้าง
หลุดพ้นเป็นอิสระอย่างแท้จริง
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
..
..
กาย..วิมุติได้ วาจา..วิมุติได้ ใจ..วิมุติได้
มันไม่มีใครยึดใคร อย่าได้ไปยึดความเกิด ความดับ
เป็นสัตว์ เป็นสังขาร เป็นเรา เป็นของเราเสีย...เท่านั้นเอง
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
..
..
...ถึงจะชอบใจมากแค่ไหน ก็ไม่สมควรจะตื่นเต้นตาม ถึงจะไม่ชอบใจสักเท่าไร ก็ไม่สมควรปล่อยให้จิตใจเศร้าหมอง...เราต้องพยายามให้จิตเป็นกลาง ที่เป็นกลางนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก ไม่มีอารมณ์เลย แต่ว่าเป็นกลางโดยมีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดต่างๆ มีความมั่นคงท่ามกลางความรู้สึกต่างๆ...
พระอาจารย์ปสันโน
..
..
ทุกคนหนีโลกธรรมไม่พ้น จึงอย่าหนีมัน เพราะมันเป็นของธรรมดา คนส่วนใหญ่คิดว่าตนฉลาด (พระองค์ตรัสว่า เป็นคนโง่ตั้งแต่เริ่มคิด เพราะเป็นอารมณ์หลง) ดังนั้น เมื่อถูกด่า-ว่า-หรือติ หรือนินทา จะมีอารมณ์ไม่พอใจ โกรธ เก็บเอามาคิดปรุงแต่ง เกิดอาฆาต-พยาบาท-จองเวร เพราะอารมณ์โง่ โมหะหรือหลง หรือมิจฉาทิฏฐิ จึงทำร้ายตนเอง เผาตนเอง เบียดเบียนตนเอง ขาดเมตตาต่อตนเอง เหมือนกินยาพิษ เพราะโมหะ (โง่) แต่ใครเชื่อพระองค์ก็เป็นสุข เพราะถือเป็นของธรรมดา ให้ตั้งไว้ในอารมณ์ช่างมัน หรือวางเฉย หรือสักแต่ว่า หรืออุเบกขา จนถึงสังขารุเบกขาญาณในที่สุด
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
..
..
โลกนี้เหมือนคุกขังสัตว์
เราชอบมาเกิด เพราะว่ามีของเล่นของหลอก
นักปฏิบัติจะหาทางออกอยู่เสมอ
เมื่อถึงเวลาจังหวะมี
ก็ดีดปึ้ง บินหนีออกไปเลย
หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
..
..
ผู้ที่รู้จักตน คือ
ผู้ที่รู้ว่าไม่มีตน
หลวงปู่ชา สุภัทโท
..
..
ตัวนั่งพิจารณา นั่งคิดนึก นั่นมันตัววิตก...
การพิจารณาวิปัสสนาที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่นั่งคิดอย่างนั้น..
คือ เมื่อเห็นรูปจากนิมิต ที่เกิดขึ้น จะสวยจะงามหรือไม่สวยไม่งามก็ ละ
ได้ยินเสียงก็ ละ ปวดขึ้นมาก็ ละ นึกคิดขึ้นมาก็ ละ
ได้กลิ่นก็ ละ รสเกิดขึ้นที่ลิ้นก็ ละ
ละกามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
นี่คือตัววิปัสสนา ตัววิปัสสนาคือ ตัวละ
ฝึกให้จิตมันละ ให้มันทิ้ง
ให้มันปล่อย ให้มันวาง
เมื่อฝึกอยู่อย่างนี้ทุกวัน จิตมันรู้ มันก็คุ้นเคย
แล้วมันก็ไม่รับสิ่งเหล่านั้นต่อไป มันก็เบื่อหน่ายต่อกามคุณ...
หลวงปู่สรวง ปริสุทโธ
>> F/B เพจ สมาธิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คือการเรียนรู้เพื่อเผชิญสิ่งที่ไม่ถูกใจ
ในตัวเราเองและโลกรอบๆ ตัวเรา
โดยให้รู้จักอดทน และรู้จักมีเมตตา
ไม่ฉุนเฉียวไปกับความรู้สึก
ทางประสาทสัมผัส
ที่ไม่ได้ดังที่ใจต้องการ
พระอาจารย์สุเมโธ
..
..
ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม
ความจริงก็ดำรงอยู่ตามธรรมดาของมันอย่างเป็นกลางๆ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คือ ค้นพบความจริงนั้นแล้วนำมาเปิดเผยไว้...
ผู้ที่มองสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น
ไม่ใช่มองตามที่ตนอยากหรือไม่อยากให้มันเป็น
จึงจะเข้าใจความจริงที่เป็นกลางนี้ได้
เมื่อเข้าใจธรรมที่เป็นกลางนี้แล้ว
ก็ย่อมมองเห็นความจริงอย่างกว้างๆ
ครอบคลุมทั่วไปทั้งหมด มีทัศนะเปิดกว้าง
หลุดพ้นเป็นอิสระอย่างแท้จริง
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
..
..
กาย..วิมุติได้ วาจา..วิมุติได้ ใจ..วิมุติได้
มันไม่มีใครยึดใคร อย่าได้ไปยึดความเกิด ความดับ
เป็นสัตว์ เป็นสังขาร เป็นเรา เป็นของเราเสีย...เท่านั้นเอง
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
..
..
...ถึงจะชอบใจมากแค่ไหน ก็ไม่สมควรจะตื่นเต้นตาม ถึงจะไม่ชอบใจสักเท่าไร ก็ไม่สมควรปล่อยให้จิตใจเศร้าหมอง...เราต้องพยายามให้จิตเป็นกลาง ที่เป็นกลางนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก ไม่มีอารมณ์เลย แต่ว่าเป็นกลางโดยมีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดต่างๆ มีความมั่นคงท่ามกลางความรู้สึกต่างๆ...
พระอาจารย์ปสันโน
..
..
ทุกคนหนีโลกธรรมไม่พ้น จึงอย่าหนีมัน เพราะมันเป็นของธรรมดา คนส่วนใหญ่คิดว่าตนฉลาด (พระองค์ตรัสว่า เป็นคนโง่ตั้งแต่เริ่มคิด เพราะเป็นอารมณ์หลง) ดังนั้น เมื่อถูกด่า-ว่า-หรือติ หรือนินทา จะมีอารมณ์ไม่พอใจ โกรธ เก็บเอามาคิดปรุงแต่ง เกิดอาฆาต-พยาบาท-จองเวร เพราะอารมณ์โง่ โมหะหรือหลง หรือมิจฉาทิฏฐิ จึงทำร้ายตนเอง เผาตนเอง เบียดเบียนตนเอง ขาดเมตตาต่อตนเอง เหมือนกินยาพิษ เพราะโมหะ (โง่) แต่ใครเชื่อพระองค์ก็เป็นสุข เพราะถือเป็นของธรรมดา ให้ตั้งไว้ในอารมณ์ช่างมัน หรือวางเฉย หรือสักแต่ว่า หรืออุเบกขา จนถึงสังขารุเบกขาญาณในที่สุด
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
..
..
โลกนี้เหมือนคุกขังสัตว์
เราชอบมาเกิด เพราะว่ามีของเล่นของหลอก
นักปฏิบัติจะหาทางออกอยู่เสมอ
เมื่อถึงเวลาจังหวะมี
ก็ดีดปึ้ง บินหนีออกไปเลย
หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
..
..
ผู้ที่รู้จักตน คือ
ผู้ที่รู้ว่าไม่มีตน
หลวงปู่ชา สุภัทโท
..
..
ตัวนั่งพิจารณา นั่งคิดนึก นั่นมันตัววิตก...
การพิจารณาวิปัสสนาที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่นั่งคิดอย่างนั้น..
คือ เมื่อเห็นรูปจากนิมิต ที่เกิดขึ้น จะสวยจะงามหรือไม่สวยไม่งามก็ ละ
ได้ยินเสียงก็ ละ ปวดขึ้นมาก็ ละ นึกคิดขึ้นมาก็ ละ
ได้กลิ่นก็ ละ รสเกิดขึ้นที่ลิ้นก็ ละ
ละกามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
นี่คือตัววิปัสสนา ตัววิปัสสนาคือ ตัวละ
ฝึกให้จิตมันละ ให้มันทิ้ง
ให้มันปล่อย ให้มันวาง
เมื่อฝึกอยู่อย่างนี้ทุกวัน จิตมันรู้ มันก็คุ้นเคย
แล้วมันก็ไม่รับสิ่งเหล่านั้นต่อไป มันก็เบื่อหน่ายต่อกามคุณ...
หลวงปู่สรวง ปริสุทโธ
>> F/B เพจ สมาธิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย