ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2016, 04:40:18 pm »" หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เห็นพระตกนรก "
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือ พระราชพรหมยาน แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศในฤทธิ์ทางใจ หรือ มีวิชามโนมยิทธิ ท่านได้กล่าวเล่าถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ท่านได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งตกนรกจากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ…แล้วไปไหน ว่า
ครั้งหนึ่งมีพระผู้ทรงสมณศักดิ์รูปหนึ่งเป็นถึงระดับท่านเจ้าคุณอยู่ที่วัดฝั่งพระนคร โดยที่พระรูปนี้ท่านกล่าวเอาไว้ว่า “บวชพระมาสามสิบปีเศษแล้วไม่เคยเห็นนรกสักนิด” ซึ่งนับเป็นความเห็นที่ผิดมาก ยิ่งได้อยู่ในสถานะที่เป็นพระภิกษุด้วยแล้วจึงยิ่งให้ผลกรรมหนักมากขึ้นเพราะตลอดชีวิตของพระสมณะรูปนี้ได้กระทำผิดพระวินัยมากมาย ทำให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำไม่เคยชอบใจเลยที่จะต้องไปพบกับพระรูปนี้
เมื่อพระสมณะรูปนี้ได้มรณภาพลง ครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำขึ้นได้นั่งสมาธิภาวนาเพื่อที่จะลงไปดูนรก โดยที่เมื่อไปถึงก็ได้พบกับพระยายมราช โดยที่ท่านจะเรียกพระยายมราชว่า “ท่านลุง” โดยพระยายมราชได้กล่าวเล่าถึงผลการตัดสินโทษของพระสมณะที่เพิ่งตายลงมารูปนั้นว่า
“ยมบาลเขาตัดสินแล้วขณะนี้ พระรูปนั้นอยู่ในอเวจีมหานรก” ซึ่งทำให้ท่านเกิดความสงสัยจึงถามว่า “พระตกนรกด้วยหรือ” พระยายมราชก็ตอบว่า “พระภิกษุนั้นตกนรกเป็นประจำ เพราะพระเหล่านั้นบวชแล้วไม่ทำตัวเป็นพระ ก็ต้องตกนรกเป็นธรรมดา”
หลวงพ่อเกิดความสงสัยจึงถามท่านต่อว่า “พระที่เทศน์สอนชาวบ้านเรื่องนรกสวรรค์ได้ ทำไมต้องตกนรก” ท่านจึงตอบว่า “ก็พระดีแต่สอนชาวบ้านแต่ตัวเองไม่ได้ปฏิบัติตนตามที่สอนเขา บอกให้คนอื่นทำดีแต่ตัวไม่ทำด้วย พระอย่างนี้ลงนรกหมดและก็มีโทษหนักมาก”
หลวงพ่อท่านจึงปรารภว่า “ผมอยากเห็นท่านเจ้าคุณ” ซึ่งท่านหมายถึงพระรูปที่ตกนรกนั่นเอง
พระยายมราชจึงได้ยกมือขึ้น ก็ปรากฏว่ามีภาพอเวจีมหานรกมาปรากฏใกล้ตัวท่านและภาพท่านเจ้าคุณผู้นั้นก็ปรากฏเป็นลักษณะดังนี้
ท่านต้องยืนกางแขน มีหอกปักจากเพดานเหล็กด้านบนปักติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง ปลายด้ามหอกติดเพดานหัวหอกติดพื้นเหล็กด้านล่างที่เป็นพื้น มีหอกปักด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ตรงหัวสลับกัน ส่วนหอกด้านปลายและด้ามตรึงติดกำแพงเหล็ก กล่าวคือสภาพร่างกายทั่วตัวมีหอกปักตรึงจนขยับเขยื้อนไม่ไหว และมีเปลวไฟละเอียดร้อนมากกว่านรกทุกขุมพุ่งมาเผาอยู่ตลอดเวลา
เหตุที่ทำให้พระเจ้าคุณรูปนี้ต้องรับโทษเช่นนี้ก็เพราะว่า พระรูปนี้ได้ทำผิดสร้างกรรมเอาไว้มากมายเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์โดย
1. เมื่อบวชแล้วท่านไม่สนใจในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่สนใจในการปฏิบัติสมถะภาวนา ไม่เคยวิปัสสนากรรมฐานใดๆ ซึ่งผิดวิสัยความเป็นพระ เมื่อทำตนไม่สมควรในความเป็นพระ จึงจัดเป็นความผิด คือเป็นคนลวงโลก หลอกชาวบ้านว่าเป็นพระคอยเอาเปรียบผู้อื่น
2. เมื่อได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว ไม่ยอมประพฤติตามธรรมนั้น โดยมุ่งเอาความรู้ไปสอนชาวบ้าน โดยเป็นไปในทางหวังเพื่อให้เกิดทรัพย์สินแก่ตน ไม่เคยนำทรัพย์สินนั้นๆ ไปสงเคราะห์ส่วนสาธารณประโยชน์หรือบำรุงพระศาสนา โดยเอาไปซื้อที่ดิน ซื้อทอง ออกเงินให้กู้ ซึ่งเป็นวิสัยของฆราวาส พระภิกษุรูปอื่นท่านห้ามไม่ให้ทำแต่ก็ยังฝืนทำ
3. เมื่อมีทรัพย์ก็มีความทะเยอทะยานอยากได้ยศ เมื่อมียศแล้วก็เมายศ คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ แม้แต่เห็นผู้ที่ทรงฌานแล้วก็ยังกล้าคัดค้านเหยียดหยามเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง
4. ในฐานะที่ท่านเป็นพระทรงสมณะศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ เมื่อเป็นพระมีศักดิ์ใหญ่ อำนาจก็ต้องมาก และมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็มาก ใครอยากได้ยศได้ตำแหน่งอะไรก็ต้องเสียเงินให้ตามอัตรา เวลามาขอยศขอตำแหน่ง ก็ต้องหาพานมาประเคนโดยมีเงินเป็นที่ตั้ง
เวลานิมนต์เทศน์ต้องติดเงินก้อนใหญ่ๆให้ ทำให้ท่านกลายเป็นพระมหาเศรษฐีใหญ่ มีลูกหนี้มาก คือมีเงินให้กู้มากๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผิดวิสัยสงฆ์ชัดเจน ซึ่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านก็ได้ถามกับ ท่านเจ้าคุณผู้ตกนรกเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็สามารถบอกได้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง
5. ในฐานะที่พระรูปนี้เป็นพระปลอม คือบวชแต่ตัวและมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ และกามสุข มีพระที่มีศีลบริสุทธิ์บ้าง มีสมาธิตั้งมั่นบ้าง มีวิปัสสนาดี เป็นถึงพระอริยเจ้ามากราบไหว้ท่าน ท่านก็เลยหลงในอำนาจทำวางอำนาจบาตรใหญ่ในฐานะเป็นเจ้าคุณ กรรมข้อนี้อีกข้อหนึ่งที่ทำให้ท่านลงอเวจีมหานรก
เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้พังเรื่องราวนี้จบแล้ว ท่านก็ดีใจกราบลาท่านลุงกลับบ้านแล้วนำเรื่องราวที่ท่านได้ไปท่องนรกมาบอกกล่าวแก่ญาติโยมโดยเฉพาะคุณยายที่เคยสนิทสนมกับอดีตท่านเจ้าคุณรูปนี้ให้ฟังถึงผลกรรมที่ท่านเจ้าคุณเคยกระทำไว้เมื่อยังมีชีวิตว่า ผลกรรมที่ทำเพราะความโลภ และความหลงในตนนั้นมีผลร้ายแรงกว่าทำในขณะที่เป็นฆราวาสมากมายนัก
ที่มา -https://www.facebook.com/bunditpin/posts/1040549902691254-
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือ พระราชพรหมยาน แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศในฤทธิ์ทางใจ หรือ มีวิชามโนมยิทธิ ท่านได้กล่าวเล่าถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ท่านได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งตกนรกจากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ…แล้วไปไหน ว่า
ครั้งหนึ่งมีพระผู้ทรงสมณศักดิ์รูปหนึ่งเป็นถึงระดับท่านเจ้าคุณอยู่ที่วัดฝั่งพระนคร โดยที่พระรูปนี้ท่านกล่าวเอาไว้ว่า “บวชพระมาสามสิบปีเศษแล้วไม่เคยเห็นนรกสักนิด” ซึ่งนับเป็นความเห็นที่ผิดมาก ยิ่งได้อยู่ในสถานะที่เป็นพระภิกษุด้วยแล้วจึงยิ่งให้ผลกรรมหนักมากขึ้นเพราะตลอดชีวิตของพระสมณะรูปนี้ได้กระทำผิดพระวินัยมากมาย ทำให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำไม่เคยชอบใจเลยที่จะต้องไปพบกับพระรูปนี้
เมื่อพระสมณะรูปนี้ได้มรณภาพลง ครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำขึ้นได้นั่งสมาธิภาวนาเพื่อที่จะลงไปดูนรก โดยที่เมื่อไปถึงก็ได้พบกับพระยายมราช โดยที่ท่านจะเรียกพระยายมราชว่า “ท่านลุง” โดยพระยายมราชได้กล่าวเล่าถึงผลการตัดสินโทษของพระสมณะที่เพิ่งตายลงมารูปนั้นว่า
“ยมบาลเขาตัดสินแล้วขณะนี้ พระรูปนั้นอยู่ในอเวจีมหานรก” ซึ่งทำให้ท่านเกิดความสงสัยจึงถามว่า “พระตกนรกด้วยหรือ” พระยายมราชก็ตอบว่า “พระภิกษุนั้นตกนรกเป็นประจำ เพราะพระเหล่านั้นบวชแล้วไม่ทำตัวเป็นพระ ก็ต้องตกนรกเป็นธรรมดา”
หลวงพ่อเกิดความสงสัยจึงถามท่านต่อว่า “พระที่เทศน์สอนชาวบ้านเรื่องนรกสวรรค์ได้ ทำไมต้องตกนรก” ท่านจึงตอบว่า “ก็พระดีแต่สอนชาวบ้านแต่ตัวเองไม่ได้ปฏิบัติตนตามที่สอนเขา บอกให้คนอื่นทำดีแต่ตัวไม่ทำด้วย พระอย่างนี้ลงนรกหมดและก็มีโทษหนักมาก”
หลวงพ่อท่านจึงปรารภว่า “ผมอยากเห็นท่านเจ้าคุณ” ซึ่งท่านหมายถึงพระรูปที่ตกนรกนั่นเอง
พระยายมราชจึงได้ยกมือขึ้น ก็ปรากฏว่ามีภาพอเวจีมหานรกมาปรากฏใกล้ตัวท่านและภาพท่านเจ้าคุณผู้นั้นก็ปรากฏเป็นลักษณะดังนี้
ท่านต้องยืนกางแขน มีหอกปักจากเพดานเหล็กด้านบนปักติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง ปลายด้ามหอกติดเพดานหัวหอกติดพื้นเหล็กด้านล่างที่เป็นพื้น มีหอกปักด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ตรงหัวสลับกัน ส่วนหอกด้านปลายและด้ามตรึงติดกำแพงเหล็ก กล่าวคือสภาพร่างกายทั่วตัวมีหอกปักตรึงจนขยับเขยื้อนไม่ไหว และมีเปลวไฟละเอียดร้อนมากกว่านรกทุกขุมพุ่งมาเผาอยู่ตลอดเวลา
เหตุที่ทำให้พระเจ้าคุณรูปนี้ต้องรับโทษเช่นนี้ก็เพราะว่า พระรูปนี้ได้ทำผิดสร้างกรรมเอาไว้มากมายเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์โดย
1. เมื่อบวชแล้วท่านไม่สนใจในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่สนใจในการปฏิบัติสมถะภาวนา ไม่เคยวิปัสสนากรรมฐานใดๆ ซึ่งผิดวิสัยความเป็นพระ เมื่อทำตนไม่สมควรในความเป็นพระ จึงจัดเป็นความผิด คือเป็นคนลวงโลก หลอกชาวบ้านว่าเป็นพระคอยเอาเปรียบผู้อื่น
2. เมื่อได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว ไม่ยอมประพฤติตามธรรมนั้น โดยมุ่งเอาความรู้ไปสอนชาวบ้าน โดยเป็นไปในทางหวังเพื่อให้เกิดทรัพย์สินแก่ตน ไม่เคยนำทรัพย์สินนั้นๆ ไปสงเคราะห์ส่วนสาธารณประโยชน์หรือบำรุงพระศาสนา โดยเอาไปซื้อที่ดิน ซื้อทอง ออกเงินให้กู้ ซึ่งเป็นวิสัยของฆราวาส พระภิกษุรูปอื่นท่านห้ามไม่ให้ทำแต่ก็ยังฝืนทำ
3. เมื่อมีทรัพย์ก็มีความทะเยอทะยานอยากได้ยศ เมื่อมียศแล้วก็เมายศ คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ แม้แต่เห็นผู้ที่ทรงฌานแล้วก็ยังกล้าคัดค้านเหยียดหยามเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง
4. ในฐานะที่ท่านเป็นพระทรงสมณะศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ เมื่อเป็นพระมีศักดิ์ใหญ่ อำนาจก็ต้องมาก และมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็มาก ใครอยากได้ยศได้ตำแหน่งอะไรก็ต้องเสียเงินให้ตามอัตรา เวลามาขอยศขอตำแหน่ง ก็ต้องหาพานมาประเคนโดยมีเงินเป็นที่ตั้ง
เวลานิมนต์เทศน์ต้องติดเงินก้อนใหญ่ๆให้ ทำให้ท่านกลายเป็นพระมหาเศรษฐีใหญ่ มีลูกหนี้มาก คือมีเงินให้กู้มากๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผิดวิสัยสงฆ์ชัดเจน ซึ่งหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านก็ได้ถามกับ ท่านเจ้าคุณผู้ตกนรกเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็สามารถบอกได้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง
5. ในฐานะที่พระรูปนี้เป็นพระปลอม คือบวชแต่ตัวและมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ และกามสุข มีพระที่มีศีลบริสุทธิ์บ้าง มีสมาธิตั้งมั่นบ้าง มีวิปัสสนาดี เป็นถึงพระอริยเจ้ามากราบไหว้ท่าน ท่านก็เลยหลงในอำนาจทำวางอำนาจบาตรใหญ่ในฐานะเป็นเจ้าคุณ กรรมข้อนี้อีกข้อหนึ่งที่ทำให้ท่านลงอเวจีมหานรก
เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ได้พังเรื่องราวนี้จบแล้ว ท่านก็ดีใจกราบลาท่านลุงกลับบ้านแล้วนำเรื่องราวที่ท่านได้ไปท่องนรกมาบอกกล่าวแก่ญาติโยมโดยเฉพาะคุณยายที่เคยสนิทสนมกับอดีตท่านเจ้าคุณรูปนี้ให้ฟังถึงผลกรรมที่ท่านเจ้าคุณเคยกระทำไว้เมื่อยังมีชีวิตว่า ผลกรรมที่ทำเพราะความโลภ และความหลงในตนนั้นมีผลร้ายแรงกว่าทำในขณะที่เป็นฆราวาสมากมายนัก
ที่มา -https://www.facebook.com/bunditpin/posts/1040549902691254-