ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2016, 05:37:06 pm »ต่อให้เราถูกคนอื่นหักหลัง ทำร้าย ทำลาย ด้วยความอกตัญญู ด้วยความอาฆาตมาดร้าย
ด้วยการใส่ร้าย ให้ร้ายอย่างรุนแรงเพียงไหนก็ตาม ขอเพียงเราสามารถควบคุมอายตนะของเราได้
ขอเพียงเราสามารถรักษาดุลยภาพระหว่างกายกับใจของเราได้ ต่อให้เราห้ามบาดแผลมิให้เกิดขึ้นในหัวใจ
ของเราไม่ได้ เราก็ย่อมสมานบาดแผลในหัวใจของเราได้รวดเร็วกว่าคนธรรมดา
การสมานบาดแผลในหัวใจ คือการเรียนรู้ที่จะ ‘ผ่อนคลาย’
และพัฒนาทัศนคติกับพลังฝ่ายบวก (พลังสร้างสรรค์และบูรณาการ) ขึ้นภายในตัวเรา
และทำให้พลังฝ่ายบวกเหล่านี้ สามารถไหลคล่อง ประสานกลมกลืน
อย่างมีอิสระกับระบบย่อยต่างๆ ภายในร่างกายของเราได้
จนกระทั่งสามารถระบาย ขจัด สลัดความอึดอัดคับข้องภายในจิตใจของเราให้หมดไปจากใจได้
เราจะต้องฉลาดในการเรียนรู้ที่จะพักผ่อนร่างกายอย่างถูกวิธี
พร้อมกับรู้จักการปรับอารมณ์ให้สมดุล และรู้วิธีอีกทั้งมีความสามารถ
ที่จะเปลี่ยนความคิดฝ่ายลบภายในจิตใจของเราให้กลายเป็นความคิดฝ่ายบวกให้จงได้
จงอย่าลืมว่าตัวเราเองนี่แหละที่เป็นยาวิเศษที่สามารถซ่อมแซมการเสียดุลยภาพภายในของเราได้
เมื่อ ท่านอาจารย์มุงากุพระเซนแห่งคะมาคุระ เดินทางไปที่ประเทศจีนและถูกพวกทหารมองโกลจับตัวในระหว่างที่กำลังเกิดกลียุคที่นั่น
ก่อนที่ท่านจะถูกทหารมองโกลใช้ดาบบั่นศีรษะของท่าน ท่านได้เอ่ยคาถาบทหนึ่งออกมาว่า “ฟ้าดินมีตาข่ายถี่ยิบ ไม่มีช่องว่างแม้จะให้ไม้เท้าเพียงหนึ่งปักลงได้
เห็นมั๊ยว่า ทั้งคนก็คือความว่าง ทั้งธรรมะก็คือความว่างเช่นกัน
ยินดีรับคมดาบสามเชียะ จากชาวมองโกลด้วยความเต็มใจยิ่ง
ความเร็วดุจประกายสายฟ้าแลบ ตัดได้แค่ลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น”
เมื่อทหารมองโกลได้ฟังคาถาบทนี้แล้ว ต่างโยนดาบทิ้ง แล้วหนีไปจากที่นั่นทันที
ก่อนที่เธอจะลืมตาเกิดมาบนโลกนี้ เธอคือศูนย์ ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ เธอจึงคือหนึ่ง
แต่ในอนาคตเธอก็ต้องตาย เธอก็จะกลับมาเป็นศูนย์อีกครั้งหนึ่ง
สรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาลล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น
ทั้งหมดถือบังเกิดขึ้นมาจาก ‘ความว่าง’ และกลับคืนสู่ ‘ความว่าง’
เพราะฉะนั้นศูนย์จึงเท่ากับหนึ่ง และหนึ่งจึงเท่ากับศูนย์
การข้ามพ้นทุกสิ่ง คือจุดประสงค์หลักของการปฏิบัติธรรม หรือการฝึกฝนตนเองแบบเซน
คำว่า ‘การข้ามพ้น’ ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึง การละทิ้งโดยไม่มีความเกี่ยวข้องผูกพันแต่อย่างใด
หากหมายถึงมีความเกี่ยวข้องผูกพันโดยไม่ยึดติดต่างหาก
เมื่อเราพูดคำว่าขณะนี้ออกมานั้น เจ้าตัวช่วงเวลาขณะนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
เมื่อคำว่านี้มาถึง คำว่าขณะก็จากเราไปแล้ว
ดอกเหมยต้องผ่านความหนาวเหน็บทารุณเสียก่อน ถึงจะโชยกลิ่นหอมออกมาได้
หากคนเรามีชีวิตอยู่โดยไม่ได้ตั้งปณิธาน ชีวิตก็จะมีแต่ความว่างเปล่า ที่รอความแก่เฒ่ามาถึงเท่านั้น
เธอควรจะคิดบ้างว่า ชีวิตนี้เราอยู่เพื่อใคร?
ต้นไผ่เขียวสะอาดริมหน้าต่าง โบกตัวไปมาท่ามกลางสายลม แต่หาร่องรอยให้จับต้องไม่ได้
อิโนอุเอะ คิโด
เม่งจื้อได้สอนไว้ว่า
ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่อาจมอมเมาจิตใจได้ ยากไร้ต่ำต้อยไม่อาจแปรปณิธาน ใต้อิทธิพลอำนาจไม่ยอมสยบ
ไม่หวั่นไหวต่อความงามสตรี ไม่โอนอ่อนต่อถ้อยคำวิงวอน ไม่ผันแปรเพราะการให้เกียรติ นี่คือลูกผู้ชายที่แท้จริง
ตราบใดที่มนุษย์พยายามปิดตาหลอกตัวเองไม่ยอมเผชิญหน้ากับ ความอัปลักษณ์ของหัวใจตน
ตราบนั้นมนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีวันเข้าใจสัจธรรมอันเป็น นิรันดร์ได้เลย
ยามใดที่เธอเพ่งมองผิวน้ำที่สงบเรียบแล้วทำสมาธิ
เธอจงระลึกถึงทะเลแห่งความสงัดนิ่งที่ไร้ขอบเขตของพระผู้เป็นเจ้า
สรรพสิ่งล้วนสะท้อน ลงบนผิวน้ำฉันใด จักรวาลทั้งหมดก็ย่อมสะท้อนบนทะเลใจแห่งจักรวาลฉันนั้น
“ความรักของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้เป็นความรักที่เห็นแก่ตัวที่ตั้งอยู่บนความอยากความพึงพอใจของตัวเอง
แต่ความรักของพระเจ้านั้นไม่มีเงื่อนไข ไร้ขอบ เขตจำกัด และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เมื่อใดก็ตามที่คนเรามุ่งมั่นอยู่กับความรักอันบริสุทธิ์นี้
ใจของคนผู้นั้นย่อมได้รับการปลดปล่อยจากความสับสนและความ หวั่นไหวได้”
โยคีที่แท้ แม้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกีย์วิสัย เขาก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางสังคมของเขาได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ในขณะเดียวกันก็สามารถมีวิถีชีวิตที่สะอาด บริสุทธิ์ได้
เขาไม่ใช่นมที่ผสมกลมกลืนไปกับน้ำ แต่เขาเป็นเนยที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
กล่าวคือเขาไม่ถูกรบกวนครอบงำโดยโลกีย์วิสัย ไม่เกิดกิเลสขึ้นในใจ
แต่ประพฤติตนเป็นมือเป็นเท้าของพระผู้เป็นเจ้า เต็มใจทำหน้าที่ตามบทบาทของตนอย่างเต็มที่
แม้จะอยู่ในโลกนี้แต่ก็ไม่เคยห่างจากพระเจ้าเลย
การใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลทั้งภายนอกและภายใน
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการหลุดพ้นที่แท้จริงนั้น
หาใช่การละทิ้งโลกทางภายนอกแต่อย่างใดไม่
แต่คือการละทิ้งโลกทางภายในต่างหาก
ท่านกฤษณะได้สอนให้พวกเราจะต้องฝึกฝนตนเอง
จนกระทั่งสามารถบังคับร่างกายให้อยู่ในอำนาจอย่างสิ้นเชิงได้
และใช้พลังจิตของเราแปรมันให้กลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์
ที่ปรากฏออกมาในรูปของ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม
ซึ่งสิ่งที่ท่านกฤษณะสอนพวกเราก็คือวิชาอัน ศักดิ์สิทธิ์หรือโยคะนี่เอง
การเดินไปบนหนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าในสมัยนี้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
คนผู้นั้นจะต้องหมั่นฝึกฝนอบรมตนเองและมีความกล้าหาญ
เพราะวิถีชีวิตในปัจจุบันมีสิ่งเย้ายวนให้ออกนอกเส้นทางมากเหลือเกิน
ผู้นั้นจำเป็นจะต้องมีความเข้มแข็งอุตสาหะวิริยะที่จะเอาชนะอุปสรรคความทุกข์ยากต่างๆ ทั้งปวงได้”
พวกเธอจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้อย่างสมบูรณ์และมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
ต่อให้โลกถล่มต่อหน้าพวกเธอ ความมุ่งมั่นของเธอก็ต้องไม่คลอนแคลน
มีแต่ผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเช่นนี้เท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
พวกเธอจะต้องผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนตนเองให้เป็นนักรบของพระเจ้า
ที่มีความกล้าหาญและมีวินัยตนเองในทุกๆ การกระทำตลอดทุกขณะจิต
หากไม่มีการฝึกฝนตนเองและการควบคุมตัวเองแล้ว
คนผู้นั้นจะไม่สามารถบรรลุความสำเร็จในสิ่งใดได้เลย
จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นกระจกเงาที่ดีที่สุดในการสะท้อน สัจธรรม
หลักวิชาคำสอนทางจิตวิญญาณต่างๆ ล้วนมีไว้เพื่อชำระดวงจิตให้สะอาดทั้งสิ้น
ในทันทีที่จิตใจสะอาดความจริงทั้งหลายจักปรากฏออกมาเองโดยทันใด
สัจธรรมทั้งหมดในจักรวาลจักเผยตัวเองออกมาในใจเธอ ถ้าเธอมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์พอ
ไม่มีความชั่วร้ายใดๆของมนุษย์ที่แก้ไขมิได้โดยความพากเพียรตั้งใจอย่างจริงจัง
ความเคยชินอาจเปลี่ยนได้อุปนิสัยอาจขัดเกลาได้
การตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความเสียสละก็ดี การละวางก็ดี
การอุทิศตนก็ดี การสวดมนต์ภาวนาก็ดี การวิปัสสนาก็ดี
ล้วนสามารถเป็นเครื่องช่วยขจัดอุปนิสัยเก่าแก่ดั้งเดิมที่พันธนาการมนุษย์ไว้กับโลกได้
แล้วเสริมสร้างอุปนิสัยใหม่ให้กับชีวิตของเราซึ่งจักชักนำเราให้ดำเนินไปในทางธรรมได้
ยิ่งเชื้อเพลิงมีคุณภาพดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้แสงเพลิงโชติ ช่วงสว่างมากขึ้นเพียงนั้น
ไฟมีพลังอำนาจในการให้แสงสว่างตามธรรมชาติของมัน
ฉันใดก็ฉันนั้น ไฟปัญญาของผู้บำเพ็ญโยคะก็เช่นกัน
เธอจะต้องหมั่นเติมเชื้อเพลิง แห่งการสละกิเลส
เชื้อเพลิงแห่งความสงบสุข เชื้อเพลิงแห่งสัจธรรม เชื้อเพลิงแห่งความกรุณา
เชื้อเพลิงแห่งขันติ และเชื้อเพลิงแห่งกุศลกรรมอยู่เสมอ
ยิ่งเธอปฏิบัติเช่นนี้มากขึ้นเท่าใด การบำเพ็ญโยคะของเธอก็จะยิ่งมีผลดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เธอจงประกอบกิจการงานทุกอย่างด้วยพลังความสามารถที่เธอมีอยู่
เธอจงพูด และ จงทำด้วยความสัตย์จริง
ในช่วงแรกๆ เธออาจผิดพลาดไปบ้าง เธออาจประสบความทุกข์ยากลำบาก
แต่ในที่สุดเธอจักประสบความสำเร็จและบรรลุ บรมสุข
เธอจักประจักษ์ในความจริงและปรมาตมันโดยผ่านการประพฤติปฏิบัติและการดำเนินชีวิตของเธอ
พวกเธอมาที่โลกนี้ก็เพื่อที่จะมาทำงาน
เพราะฉะนั้นพวกเธอจึงควรหมั่นเพียรขยันทำงานอยู่เสมอ
คนเกียจคร้านเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว
พวกเธอมาที่โลกนี้เพื่อมามีชีวิตบนโลกไม่ใช่มาเพื่อที่จะตายทั้งเป็น...
โลกใบนี้คือเวทีสำหรับการเคลื่อนไหวของกรรมทุกคนจึงควรจะทำงานอย่างกระตือรือร้น
ความหนักแน่นและความไม่หวั่นไหวย่อมเป็นคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์
และสำคัญยิ่งในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในใจ และเอาชนะความขัดแย้งนี้
เธอต้องมีความสงบสุขุมและเยือกเย็น นอกจากนั้น
ต้องมีความกล้าหาญ ความฉลาด ความพากเพียร เพื่อเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแกร่งมั่นคง
ลุกขึ้นเถิด เธอผู้กระหายในการฝึกฝนทางจิตเพื่อรู้จักตนเอง!
จงทุ่มเทตนเองในการฝึกฝนปฏิบัตินั้น จงเสริมพลังศรัทธาของเธอให้กล้าแข็ง
จงหมั่นปลูกฝังศรัทธาไว้ จงทำให้ศานติเป็นสมบัติอันมั่นคงของเธอ
จงอิ่มเอิบกับชีวิตด้วยความปิติสุข จงชื่นชมยินดีกับจินตภาพของอาตมัน จงลุกขึ้นอย่ามัวรีรอ ลังเล!
แทนที่จะตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่ยั่งยืนและสิ่งจอมปลอม
หรือสูญเปล่าเวลาอันมีค่าไปกับการเสาะแสวงหาสิ่งเหล่านี้
เธอจงอุทิศเวลาทุกขณะจิตของเธอ
เพื่อการค้นหาสัจธรรมและการใคร่ครวญถึงพระเจ้าที่เป็นความจริงแท้ ตลอดกาล
การอุทิศตัวเช่นนี้แหละที่เป็นหน้าที่ที่แท้จริงของมนุษย์
สิ่งใดที่เป็นความเห็นแก่ตัว เธอจะต้องสละทิ้งไป
เธอจักต้อง พยายามทำความดีต่อผู้อื่นอยู่เสมอ
สิ่งที่ควรเป็นความปรารถนาของเธอคือมุ่งสร้างความสุขสวัสดิ์แก่ชาวโลก
เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้อยู่ในใจ เธอควรเพ่งจิตถึงพระเจ้า นี่คือหนทางที่ถูกต้อง
จงอย่าลำพองเมื่อมีคนมาสรรเสริญเยินยอเธอ
และจงอย่าหดหู่ เมื่อมีใครมาตำหนิว่าร้ายเธอ
ขอให้เธอจงมีจิตใจที่แข็งแกร่งดุจราชสีห์
เธอต้องรู้จัก วิเคราะห์และแก้ไขข้อบกพร่องผิดพลาดของตัวเธอเอง ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเลย
ใครก็ตามที่พยายามปราบพยศของอัตตา พยายามเอาชนะความเห็นแก่ตัว
พยายามทำลายความรู้สึกชั่วแล่นฝ่ายต่ำ
และพยายามถอดถอนความเห็นผิดว่าร่างกายอันนี้คือตัวตนของตน
เป็นที่แน่นอนว่าเขาผู้นั้นกำลังอยู่บน เส้นทางแห่งธรรม
เป้าหมายของพระธรรมคือการหลอมรวมลูกคลื่นเล็กๆ เข้ากับมหาสมุทร
หรือการหลอมตัวตนเล็กๆ เข้ากับพระเจ้า
จิตใจนั้นจำต้องหันไปหาคุณความดีอยู่ตลอดเวลา
เธอพึง สำรวจตรวจตราการกระทำของตัวเธออยู่ทุกขณะจิต
การสำรวจเช่นนี้เปรียบได้ ดังการใช้เครื่องมือ
สลักหินแท่งแห่งบุคลิกภาพของมนุษย์ให้เป็นรูปประติมากรรมอันงดงาม
หากเครื่องมือสลักผิดพลาดอาจทำให้เสียรูปไป
ดังนั้นแม้การกระทำใดๆ เพียงเล็กน้อยก็จำต้องระมัดระวังตั้งใจให้มากที่สุด
วินัยของตนเองเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินชีวิตอย่างประสบความสำเร็จ
ชีวิตที่มีวินัยทำให้มนุษย์สามารถได้รับความสงบสุขสันติที่เป็นนิรันดรได้
ถ้าปราศจากสันติก็ไม่สามารถมีความสุขได้
สันติเป็นธรรมชาติของอาตมัน ซึ่งจะอยู่ร่วมกับหัวใจที่บริสุทธิ์สะอาดเท่านั้น
สันติจะไม่บังเกิดในหัวใจที่เต็มไปด้วยกิเลสและความโลภ
สันติเป็นลักษณะพิเศษของเหล่าโยคี ฤาษี และสัตบุรุษทั้งหลาย
>>> http://www.dragon-press.com/- โศลกธรรม