ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มีนาคม 18, 2016, 09:22:20 pm »

ย้ำ ! กฎหมายใหม่ ฝ่าฝืนตรวจวัดแอลกอฮอล์ โทษเทียบเท่าเมาแล้วขับ
-http://hilight.kapook.com/view/134294-



ย้อนอ่านประกาศปรับแก้ พ.ร.บ.จราจรทางบก เพิ่มเติม ระบุชัด บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ต้องโทษเทียบเท่าเมาแล้วขับ จำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท

          วันที่ 18 มีนาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2557 ประกาศแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 โดยมีการแก้ไขในส่วนของมาตรา 142 กรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบว่าหย่อนความสามารถในการขับขี่โดยไม่มีเหตุอันควร คือให้อำนาจสิทธิเจ้าพนักงานจราจรสามารถสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถ เมื่อเห็นว่ารถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ และในกรณีที่ผู้ขับขี่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าเสี่ยงเมาสุรา หรือขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร
-https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=303703039818533&id=152824254906413-

- บก.02, เฟซบุ๊ก FM. 91 Trafficpro
-https://www.facebook.com/trafficradiofm91/posts/1204009696276225-

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://social.tnews.co.th/content/122934/-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2015, 09:27:25 pm »

กินเหล้า อย่าขับรถกันน๊ะครับ


----------------------------------------------------------------

คสช. คุมเข้มปีใหม่ 2559 เมาแล้วขับ ยึดรถ-คุมตัวจนกว่าจะหายเมา
-http://hilight.kapook.com/view/130714-

   คสช. เอาจริง สั่งคุมเข้มช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ระบุห้ามดื่มสุราขณะขับขี่ หากพบอาจยึดรถ คุมตัวจนกว่าจะหายเมา และพักใบขับขี่ หวังลดอุบัติเหตุและอัตราการบาดเจ็บ-เสียชีวิต

          วันที่ 22 ธันวาคม 2558 พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงมาตรการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่า ทางกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จะร่วมกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกำลังประชาชน ในการดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการตั้งจุดตรวจร่วมและจุดบริการประชาชนบริเวณหน้าค่ายทหาร ตลอดจนเส้นทางคมนาคมที่สำคัญทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมเป็นต้นไป จนหมดช่วงเทศกาล

          นอกจากนี้ จะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือรถตู้สาธารณะ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า ผู้ขับขี่เมาแล้วขับ อาจจะพิจารณายึดรถและคุมตัวไว้ก่อนจนกว่าจะหายเมา และในส่วนของผู้ขับขี่รถโดยสาร อาจจะต้องพักใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ เพื่อหวังลดอุบัติเหตุและอัตราการบาดเจ็บ-เสียชีวิตของพี่น้องประชาชนในช่วงหยุดยาวนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.tnamcot.com/content/362014-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 15, 2015, 09:22:48 pm »

คลิปหนุ่มเมากร่างจอดมอเตอร์ไซค์ขวางรถบรรทุก ตีหน้ามึนไล่เท่าไรก็ไม่ไป !

-http://hilight.kapook.com/view/126462-



 ว่อนเน็ต ! คลิปหนุ่มเมากร่าง จอดมอเตอร์ไซค์ขวางรถบรรทุก ที่ต่อให้ถูกไล่ยังไงหนุ่มขี้เมารายนี้ ก็ไม่ยอมไปไหน ขอยืนมึน ๆ แบบเอียง ๆ ขวางหน้ารถบรรทุกต่อแบบไม่สนว่าจะถูกรถชนหรือไม่

          วันที่ 15 กันยายน 2558  ชาวโซเชียลกำลังให้ความสนใจกับคลิปหนุ่มเมากร่าง จอดมอเตอร์ไซค์ขวางรถบรรทุก  ซึ่งถูกโพสต์โดย คุณ Like Clip สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปนั้น เป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่คาดว่าอยู่ในอาการมึนเมา ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดขวางกลางถนน แบบไม่สนใจรถที่สัญจรไปมา จนกระทั่งมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับผ่านมา แต่ไม่สามารถเดินทางต่อได้ เพราะถูกมอเตอร์ไซค์จอดขวาง คนขับรถบรรทุกพยายามเจรจาขอให้ขยับมอเตอร์ไซค์ออกไปจากถนน ก็ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจลงมาขยับมอเตอร์ไซค์ไปหลบข้าง ๆ ให้

          แต่งานนี้ หนุ่มขี้เมาเจ้าของมอเตอร์ไซค์ไม่ยอมจบง่าย ๆ ยังคงเดินหน้าราวีต่อ ด้วยการมายืนขวางหน้ารถบรรทุกแบบมึน ไม่สนใจว่าจะโดนผลัก โดนไล่อย่างไร ก่อนที่คลิปจะจบลง จึงไม่มีใครรู้ว่า สุดท้ายแล้วตอนจบของเรื่องนี้ ทั้งคู่จากกันด้วยดี หรือจบกันแบบเจ็บ ๆ กันแน่

เมาแล้วกร่าง จอดมอเตอร์ไซค์ขวางรถบรรทุก
https://www.youtube.com/watch?v=z0NH3Y5woxw#t=23
-https://www.youtube.com/watch?v=z0NH3Y5woxw#t=23-

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณ Like Clip สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2015, 09:07:25 am »

บัดซบจริงๆ



--------------------------------------------------------------


หนุ่มเมาเข้าพรรษา ซิ่งเก๋งชนป้ายทางหลวง-พุ่งเข้าบ้านเละ

-http://news.sanook.com/1839942/-

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

หนุ่มก่อสร้างเมาแอ๋รับวันเข้าพรรษา ซิ่งรถเก๋งพุ่งชนเสาป้ายบอกทางกรมทางหลวงพัก เข้าบ้านข้างทางพังเสียหายหนัก

(31 ก.ค.) ร.ต.ท.ดุสิต ผ่องพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.พังงา เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุที่บริเวณทางตรง บ้านตากแดด อ.เมือง จ.พังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลพังงา และหน่วยกู้ภัยวัดเก่าเจริญธรรม หน่วยกู้ภัยพังงา

จุดเกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า สีเทา อยู่ในสภาพพลิกคว่ำ เสียหายทั้งคัน มี นายดวง อายุ 36 ปี เป็นคนขับ กู้ชีพพังงาได้นำตัวออกมาจากรถ มีบาดแผลตรงบริเวณหน้าผากและร่างกายหลายแห่ง หัวไหล่ซ้ายหลุด จึงนำส่งโรงพยาบาล

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายดวง นั่งดื่มเหล้าอยู่ภายในซอยวัดถ้ำสุวรรณคูหา อ.ตะกั่วทุ่ง จากนั้นได้ขับรถ เพื่อกลับบ้านพัก ที่อยู่ด้านหลัง สภ.เมืองพังงา ระหว่างทางได้เกิดเหตุ ขับชนป้ายบอกทางของกรมทางหลวง จนเสาป้ายดังกล่าวติดรถไปพร้อมพุ่งชนบ้านละแวกใกล้เคียง ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 05:55:06 pm »

แจ้ง 3 ข้อหาหนักทหารเมาซิ่งกระบะชนมอเตอร์ไซค์แม่ลูก-แพทย์ต้องตัดขาเด็ก
-http://hilight.kapook.com/view/123137-






 จ่าทหารเรือเมาขับกระบะชนมอเตอร์ไซค์แม่ลูกล้ม ก่อนรีบเผ่นหนี ลากรถไปไกลกว่า 2 กิโลเมตรทิ้งคนเจ็บนอนกลางถนน ล่าสุดเจอ 3 ข้อหาหนัก ส่งขังศาลทหาร ค้านประกัน ขณะที่แพทย์ต้องตัดขาเด็กหญิงเพื่อรักษาชีวิต

            เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่า มีรถกระบะพุ่งชนจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า จุดเกิดเหตุเป็นถนนเส้นระหว่างสวัสดิการห้องเย็น-แยกระยอง หน้าสวนกรมหลวงชุมพร และผู้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน

            ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บทั้งสอง มีชื่อว่า นางปราณี จิตวงศ์ถาวร นอนแน่นิ่งมีแผลทั่วกาย ขณะที่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร มี ด.ญ.ปฐิตา จิตวงศ์ถาวร ลูกสาววัย 4 ขวบ กำลังร้องครางด้วยความเจ็บปวด เพราะกระดูกขาซ้ายทิ่มออกมาด้านนอก โดนล้อรถทับเละ ส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บได้ถูกรถกระบะลากไปด้วย หลังจากคนขับรถกระบะขับรถหลบหนีไป

 ต่อมามีผู้แจ้งว่า รถกระบะคันก่อเหตุ ไปจอดเสียหน้าทางเข้าโรงเรียนสิงห์สมุทร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจพบว่าเป็นรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ป้ายทะเบียน กบ 6032 ระยอง ส่วนรถจักรยานยนต์ทะเบียน จยร 651 ชลบุรี ยังคาอยู่ใต้ท้องรถด้านหน้า อยู่ในสภาพไฟลุกท่วม ดังนั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัดเอาไว้ พร้อมกับควบคุมตัวผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวคือ จ.อ.สมเกียรติ อมรมุกดากุล สังกัดกองการฝึกกองเรือยุทธการ มามอบแก่เจ้าหน้าที่

           ทั้งนี้จากการตรวจสอบในรถ พบกระป๋องเบียร์วางอยู่ตรงที่วางของข้างพวงมาลัยคนขับด้วย

สำหรับผลการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ จ.อ. สมเกียรติ ขับรถชนผู้บาดเจ็บ ก็ได้ขับรถหนีไปเพราะตกใจ

            ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2558 มีรายงานเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้แจ้ง 3 ข้อหาแก่ จ.อ. สมเกียรติ คือ เมาแล้วขับ, ชนแล้วหนี และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมส่งตัวไปฝากขังยังศาลทหาร มทบ.14 ชลบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว

            ขณะที่อาการล่าสุดของ นางปราณี จิระวงษ์ถาวร พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนลูกสาวนั้น แพทย์จำเป็นต้องตัดขาซ้ายท่อนล่างตั้งแต่ส่วนหัวเข่าลงไป เพื่อรักษาชีวิตไว้



แอพแรกที่คุณเลือก
คลิปที่เกี่ยวข้อง

    ตอนทดสอบกับหุ่นก็เบรกทันนะ แต่พอทดสอบกับคนเท่านั้นแหละ
    สลดใจ ! คลิปสุนัขถูกรถชน แต่คนชนดันขับหนี
    โกรธกันมารึป่าว ? ถอยชนโหดแล้วขับหนีอย่างนี้
    ทะเลาะกันอยูดีๆ รถมาจากไหนฟร้า เก็บเรียบเลย
    โหดสาดรัสเซีย มาเฟียซิ่งเก๋งเลกซัสชนคนตาย 1 เจ็บ 1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

    สั่งสอบ ! คลิปอัยการเมาเบ่ง ขู่ตำรวจเตรียมดาวหลุด
    คลิปข้าราชการเมากร่าง ขู่ตำรวจคาด่าน แถมเบ่ง เตรียมดาวหลุด !
    จับสาวเลือดร้อนขับเก๋งชนพนักงานตัดไฟ อ้างถูกด่า-จะถูกทำร้ายก่อน
    แอนนา รีส บวชชีพราหมณ์ หวังอุทิศบุญให้ตำรวจที่เสียชีวิต

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    หมูเเฮม กัณฑ์พิทักษ์ รอดคุก หลังขับรถชนคนตายปี 50
    นางสาวนันทภัชร์ อินทรศิริพงษ์ ดาราสาวตัวประกอบ ขับรถชนพระ มรณภาพคาถนน
    อุบัติเหตุใหญ่ รถชนกว่า 100 คัน บนสะพานเอียงจอง เกาหลี
    13 ภาพ กรณีสี่ล้อชนสองล้อ ที่อาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด

แจ้ง 3 ข้อหาหนักทหารเมาซิ่งกระบะชนมอเตอร์ไซค์แม่ลูก-แพทย์ต้องตัดขาเด็ก

58,450
อ่าน

78
แสดงความเห็น
1,848
51

ทหารเรือขับรถชนคน

ทหารเรือขับรถชนคน

            จ่าทหารเรือเมาขับกระบะชนมอเตอร์ไซค์แม่ลูกล้ม ก่อนรีบเผ่นหนี ลากรถไปไกลกว่า 2 กิโลเมตรทิ้งคนเจ็บนอนกลางถนน ล่าสุดเจอ 3 ข้อหาหนัก ส่งขังศาลทหาร ค้านประกัน ขณะที่แพทย์ต้องตัดขาเด็กหญิงเพื่อรักษาชีวิต

            เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่า มีรถกระบะพุ่งชนจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า จุดเกิดเหตุเป็นถนนเส้นระหว่างสวัสดิการห้องเย็น-แยกระยอง หน้าสวนกรมหลวงชุมพร และผู้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน

            ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บทั้งสอง มีชื่อว่า นางปราณี จิตวงศ์ถาวร นอนแน่นิ่งมีแผลทั่วกาย ขณะที่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร มี ด.ญ.ปฐิตา จิตวงศ์ถาวร ลูกสาววัย 4 ขวบ กำลังร้องครางด้วยความเจ็บปวด เพราะกระดูกขาซ้ายทิ่มออกมาด้านนอก โดนล้อรถทับเละ ส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บได้ถูกรถกระบะลากไปด้วย หลังจากคนขับรถกระบะขับรถหลบหนีไป

ทหารเรือขับรถชนคน

            ต่อมามีผู้แจ้งว่า รถกระบะคันก่อเหตุ ไปจอดเสียหน้าทางเข้าโรงเรียนสิงห์สมุทร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจพบว่าเป็นรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ป้ายทะเบียน กบ 6032 ระยอง ส่วนรถจักรยานยนต์ทะเบียน จยร 651 ชลบุรี ยังคาอยู่ใต้ท้องรถด้านหน้า อยู่ในสภาพไฟลุกท่วม ดังนั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัดเอาไว้ พร้อมกับควบคุมตัวผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวคือ จ.อ.สมเกียรติ อมรมุกดากุล สังกัดกองการฝึกกองเรือยุทธการ มามอบแก่เจ้าหน้าที่

           ทั้งนี้จากการตรวจสอบในรถ พบกระป๋องเบียร์วางอยู่ตรงที่วางของข้างพวงมาลัยคนขับด้วย
 
ทหารเรือขับรถชนคน

            สำหรับผลการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ จ.อ. สมเกียรติ ขับรถชนผู้บาดเจ็บ ก็ได้ขับรถหนีไปเพราะตกใจ

            ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2558 มีรายงานเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้แจ้ง 3 ข้อหาแก่ จ.อ. สมเกียรติ คือ เมาแล้วขับ, ชนแล้วหนี และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมส่งตัวไปฝากขังยังศาลทหาร มทบ.14 ชลบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว

            ขณะที่อาการล่าสุดของ นางปราณี จิระวงษ์ถาวร พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนลูกสาวนั้น แพทย์จำเป็นต้องตัดขาซ้ายท่อนล่างตั้งแต่ส่วนหัวเข่าลงไป เพื่อรักษาชีวิตไว้



ทหารเรือขับรถชนคน

ทหารเรือขับรถชนคน

*หมายเหตุ อัพเดทข้อมูลล่าสุดวันที่ 11 กรกฎาคม 2558 เวลา 13.57 น.

ภาพจาก เฟซบุ๊ก แมว mangpor, เฟซบุ๊ก อิน ดี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.dailynews.co.th/regional/334102-
 
เฟซบุ๊ก ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์





ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2015, 06:17:10 am »

เมื่อคืนนี้ (ประมาณ 3 ทุ่ม 5/6/2558) ขับรถกลับบ้าน ผ่านดาวคนอง มีการตั้งด่าน (เลนขวา มีการตั้งกรวย เพื่อบังคับให้รถวิ่งเข้าเลนกลาง) ผมขับมาด้านขวา เปิดกระจก มีนายดาบโบกรถผมให้จอดด้านขวา นายดาบเข้ามาถามผมว่า ดื่มมากี่กระป๋อง ถามสอง-สามรอบ แถมเอาหัวเข้ามาเกือบครึ่งศีรษะ เหมือนกับว่า ไม่ได้ยินที่ผมจะตอบ (ที่ชะโงกหัวเข้ามาเกือบครึ่งหัวในรถ จะพยายามดมว่า มีกลิ่นเหล้าหรือเบียร์ หรือเปล่า) ผมก็เลยถามไปว่า รู้ได้อย่างไรว่า ผมดื่มมา นายดาบตอบว่า เห็นเปิดกระจกรถ สงสัยว่า ดื่มมา แล้วก็ให้ผมขับรถเข้าด้านซ้าย ขอให้เป่าเครื่องวัดแอลกอฮอร์

ต่อมามีสารวัตรจราจร เข้ามา มาขอให้เป่า ก่อนที่ผมจะเป่า ผมก็เลยบอกว่า ผมเลิกกินเหล้ามาเป็น 10 ปีแล้ว พอเป่าครั้งแรก ผมก็เลยเป่าแบบกวนๆ เป่าไม่แรง ทางตำรวจที่ถือเครื่องเป่า ก็เลยให้เป่าใหม่ พอผมเป่าใหม่ ตำรวจคงเห็นว่า ตัวเลขขึ้นมาว่า เลขอะไร พยามยามเขย่าเครื่อง(สงสัยว่า พอเขย่าแล้วตัวเลขจะขึ้นมาบ้าง) ปรากฎว่า ตัวเลขขึ้นมา 0 ผมก็เลยบอกว่า อย่าลุแก่อำนาจให้มาก เวลาทำงานให้ใช้(ผมชี้ไปที่ศีรษะผม (หมายถึง ให้ใช้สมอง ไม่รู้คิดยังไง คนกินเหล้า มันคงไม่เปิดกระจกหรอก) และผมลืมบอกไปว่า คนกินเหล้าแล้วขับรถ ส่วนใหญ่ขับรถเก๋งเยอะมากกว่าขับรถกะบะเก่าๆ สุดท้ายสารวัตรจราจร มาขอโทษ มาเคลียร์ ผมเองก็บอกไปว่า ผมเป็นคนนึงที่ต่อต้านการเมาแล้วขับรถ ครับ

ก็ทำงานแบบนี้ เรื่องเมาแล้วขับ ถึงไม่ลดลงเลย มันเจ็บใจตรงนี้ สักๆแต่ทำงาน ไม่ใช้สมองทำงาน ครับ

ปล.ผมได้ถ่ายคลิปไว้ แต่ขอไม่นำมาลงครับ
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2015, 05:43:20 am »

ย้อนรอย “คดีสาวซีวิค“ สู่บทสรุปสุดท้าย ที่คนไทยจับตามอง

-http://news.sanook.com/1794154/-

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

จากเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 กรณีสาวซีวิคพุ่งชนท้ายรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต-จตุจักร ซึ่งกำลังวิ่งบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ จากรังสิต มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร ทำให้เสียหลัก พุ่งชนกับเสาไฟฟ้าและขอบทาง เป็นเหตุให้ประตูรถตู้เปิดออก และผู้โดยสารที่อยู่ในรถถูกเหวี่ยงออกไปคนละทิศละทาง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 9 ศพ และมีผู้บาดเจ็บ 6 ราย

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้มีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์อย่างมากถึงความไม่เดือดเนื้อร้อนใจขณะที่มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บนับสิบ เพราะได้มีรูปภาพหญิงสาวที่ขับรถฮอนด้าซีวิคยืนเล่นโทรศัพท์ข้างรถ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 วัน เจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกสอบสวนและดำเนินคดีดังกล่าวก็พบว่าเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิผล ส่งผลให้ชาวออนไลน์ลุกฮือเรียกร้องให้มีการรับโทษเด็ดขาด!

17 กุมภาพันธ์ 2554 ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า จะฟ้องผู้ปกครองเด็ก และผู้ให้ยืมรถในความผิดทางอาญาด้วยโดยใช้ทฤษฎีการกระทำผิดคู่ขนาน ผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายรวมถึงฐานที่พ่อแม่ไม่ดูแลบุตร ปล่อยให้ทำความผิดทางอาญา เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งเป็นความผิดสถานเบาพร้อมทั้งย้ำเตือนว่านี้เป็นตัวอย่างสังคม

ต่อมาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ทีมกฎหมายตัวแทนของครอบครัวของผู้ต้องหา ได้ส่งแถลงการอ้างที่ผ่านมาข่าวคลาดเคลื่อนความจริง แล้วรถซีวิคไม่ได้ชนรถตู้ไม่เช่นนั้นคนขับคงตายแล้วเพราะรถเก๋งเล็กกว่ารถตู้ และยังแสดงความเสียใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมฝากถึง "ทีมกฎหมายธรรมศาสตร์" ให้พิจารณาคดีให้รอบคอบก่อนฟ้อง

ส่วน นางสาวยุวดี เยี่ยงยุกดิ์สากล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 เนื่องจากเป็นพนักงานอัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องในคดีนี้ กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้มีข้อเสนอให้ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีไกล่เกลี่ยเรื่องค่าสินไหมทดแทน ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวกลาง พ.ศ.2553 มาตรา 132 โดยจะนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 ซึ่งการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาใช้เนื่องจากเป็นการช่วยไกล่เกลี่ยและเยียวยาผู้เสียหายด้วย และหากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจะมีการพิพากษาต่อไป

วันที่ 2 ก.ค.2555 ศาลนัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเพื่อเข้าพบนักจิตวิทยา ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการไกล่เกลี่ย แต่ยังวี่แววว่าสาวซีวิคจะออกมา ซึ่งทำให้การเจรจาครั้งนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทั้งนี้ได้มีข้อมูลเปิดเผยข้อมูลว่า สาวซีวิคไม่รับสารภาพ เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลคดีแพ่งเรียก 120 ล้านบาท จนทำให้ไม่สามารถจัดทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเยียวยาได้

ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุก ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนข้อหาใช้โทรศัทพ์มือถือขณะขับรถ โจทก์ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวจริง จึงพิพากษายกฟ้อง

จนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ไขจากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาต่อสู้คดี

และล่าสุด 11 พฤษภาคม 2558 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย เนื่องจากคำร้องฎีกาไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลล่างที่ไม่รับฎีกา

"เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นอุทาหรณ์ให้สังคมไทยกฎหมายไทย และเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตผู้คนหรือไม่ ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันตระหนักสิ่งนี้เอง"

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2015, 05:32:20 am »

ใครผิด  หรือ  ผิดร่วม

รถยนต์ กลับรถในที่ห้ามกลับ

มอเตอร์ไซด์ วิ่งขวา   วิ่งแล้วชน  โดยไม่ได้แตะเบรค  อีกทั้งอายุคนขับ



-----------------------------------------------

รถยนต์กลับรถในที่ห้ามกลับ มอเตอร์ไซค์วิ่งขวาพุ่งชนอย่างจัง งานนี้ใครผิด ?


-http://hilight.kapook.com/view/120228-




ชาวเน็ตตั้งคำถาม สรุปแล้วใครกันแน่เป็นคนผิด หลังมีการแชร์คลิปรถยนต์กลับรถในที่ห้ามกลับ ถูกรถจักรยานยนต์วิ่งเลนขวาพุ่งชนเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้คนขับรถจักรยานยนต์บาดเจ็บสาหัส

              วันที่ 11 พฤษภาคม 2558 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า มีชาวเน็ตแชร์คลิปชื่อ "กลับรถในที่ห้ามกลับ ทำคนอื่นเกือบตาย" เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ในคลิปปรากฏภาพรถยนต์เลี้ยวในพื้นที่ห้ามเลี้ยว ทั้งที่มีป้ายกำกับชัดเจน ก่อนจะมีรถจักรยานตร์ขับพุ่งชนเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้เด็กนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วมือแตก ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

              จากการสอบถามไปยังดาบตำรวจ ไพโรจน์ พันธุรี สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตอนนี้ในส่วนของคดียังอยู่ในระหว่างการดำเนินการต้องรอผู้บาดเจ็บออกจากโรงพยาบาล มาให้ปากคำเพื่อรวบรวมหลักฐานในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

              ทั้งนี้เมื่อมีการแชร์คลิปออกไปทำให้ชาวเน็ตที่ได้ชมคลิป ต่างตั้งคำถามต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ระหว่างคนขับรถยนต์กับรถจักรยานยนต์ใครเป็นคนผิดกันแน่ ?

http://hilight.kapook.com/view/120228

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

http://goo.gl/LAoD11
-http://goo.gl/LAoD11-


-http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/125355/%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94--%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B-%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96.html-

.


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2015, 10:23:47 am »

เรื่องนี้ ไม่ใช้เมาแล้วขับ

กลับเป็นเรื่อง ภัยที่ต้องระมัดระวังกัน


------------------------------------------------------




อุกอาจ 2 โจรขโมยรถพยาบาลสาว ทั้งที่แม่ยังนั่งอยู่ในรถ ถามจะตายหรือจะลง !

-http://hilight.kapook.com/view/120171-



          คนร้ายลงมืออุกอาจ ขโมยรถพยาบาลสาว ทั้งที่แม่เจ้าของรถยังนั่งอยู่ในรถ ก่อนถาม จะตายหรือจะลง ตำรวจเร่งตามจับต่อไป

          เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (9 พฤษภาคม 2558) เกิดเหตุคนร้ายขโมยรถยนต์โดยมีแม่เจ้าของรถติดอยู่ในรถด้วย บริเวณริมถนนเชียงราก-บางขันธ์ หน้าร้านรับซื้อของเก่า ม.7 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ นางสาววัชรินทร์ โปธาเมือง อายุ 40 ปี เจ้าของรถคันดังกล่าว ซึ่งให้การว่า ตนเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ก่อนเกิดเหตุได้พาแม่ไปหาหมอและกำลังจะกลับบ้านพร้อมเพื่อนอีกคนหนึ่ง จากนั้นได้มาแวะวอดอยู่ข้างถนนโดยเพื่อนได้เดินไปร้านคาร์แคร์ ส่วนตนเดินไปซื้อไก่ย่าง มีแม่นั่งอยู่บนรถตามลำพัง ระหว่างนั้นเองได้มีคนร้าย 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอด ก่อนที่คนขับจะลงมาเปิดประตูรถของเธอและขับหลบหนีไป ทั้งที่มีแม่อยู่บนรถด้วย

อุกอาจ 2 โจรขโมยรถพยาบาลสาว ทั้งที่แม่ยังนั่งอยู่ในรถ ถามจะตายหรือจะลง !

          ด้าน นางสมหมาย โปธาเมือง อายุ 64 ปี แม่ของนางสาววัชรินทร์ เผยว่า ตนเห็นแล้วว่าจะมีคนร้ายเดินมาที่รถ จึงพยายามจะล็อกประตู แต่ก็ไม่ทัน คนร้ายเปิดประตูรถได้และขับออกไปเสียก่อน โดยระหว่างที่อยู่ในรถนั้น คนร้ายได้ถามตนว่าจะตายหรือจะลง ตนจึงบอกว่าจะลง คนร้ายจึงปล่อยตนลงหน้าหอพักทียูโดม ก่อนที่ตนจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหอพักทียูโดม ให้ช่วงแจ้งตำรวจเพื่อสกัดจับคนร้ายที่ชิงรถของลูกสาวไป
 
อุกอาจ 2 โจรขโมยรถพยาบาลสาว ทั้งที่แม่ยังนั่งอยู่ในรถ ถามจะตายหรือจะลง !

          ด้าน พ.ต.ท. จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ตนพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง พบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ก่อนลงมือก่อเหตุได้ขับรถย้อนศร มาวนหาเหยื่อประมาณ 2 รอบ เมื่อสบโอกาสจึงลงมือก่อเหตุทันที ซึ่งนับว่าโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้ายคุณป้าที่นั่งอยู่ภายในรถและปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามคดีนี้คนร้ายอุกอาจมากที่มาขโมยรถซึ่งมีคนอยู่ในรถด้วย ส่วนคนร้ายจะเป็นแก๊งตระเวนลักรถหรือตระเวนชิงทรัพย์หรือไม่นั้น ต้องสืบกันอีกครั้งหนึ่ง โดยขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนออกหาข่าวและเส้นทางการหลบหนีคนร้ายแล้ว แม้จะมีเส้นทางหลบหนีได้หลายทาง แต่เจ้าหน้าที่จะวิเคราะห์ดูกล้องวงจรปิดเพื่อหาเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี เพื่อติดตามจับกุมต่อไป

ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1431165973-

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2015, 09:19:10 am »

.


กรรม

ให้ความยุติธรรมได้แน่นอน

ตนทำดี ต้องได้ดี

คำทำชั่ว ต้องได้ชั่ว

ส่วนบริษัทประกัน  ก็อย่าไปทำกับบริษัทนี้

......................................................................



เปิดรูปคดีชนนักปั่นชิลี สุดแสบ!!ตีนผีจ่ายแสนเดียว ทนายแผนชั่วปิดปากฟ้องแพ่ง-อาญา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


-http://www.manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9580000053054-

แฉเลห์คดีชนนักปั่นรอบโลกชิลี ตีนผีจ่าย1แสน ทนายมัดมือชกอาศัยความไม่รู้ภาษาไทยให้ภรรยาผู้เสียชีวิตเซ็นไม่เอาผิด-ไม่เรียกค่าชดเชยอีก ด้านประกันรวมยอดชดเชยครอบจักรวาลให้ 630,000 บาท เจ้าทุกข์เผยใช้เงินเก็บสะสม 20 ปี เพื่อเติมความฝันด้วยการเดินทางด้วยจักรยานรอบโลกครั้งนี้ หวังบ.ประกันเห็นใจจ่ายเต็มวงเงิน
       
       สืบเนื่องจากกรณี นายทิวารัตน์ ชัยพิเดช ขับรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานพ่วงของ Mr. JUAN FRANGISGO GUILLERMO ชาวชิลี อายุ 48 ปี นักปั่นจักรยานทำสถิติลงกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ด 5 ทวีป เสียชีวิต ส่วน Mrs. NG- POH LENG อายุ 40 ปี (ภรรยา) ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายหัก บนถนนมิตรภาพ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21ก.พ. ที่ผานมา
       
       เมื่อวันที่ 8 พ.ค. คุณประกอบ โพสต์กระทู้ในพันทิพ อ้างว่าได้ติดตามเรื่องนี้ โดยภรรยาของผู้เสียชีวิตได้เล่าถึงเรื่องการเซ็นสัญญาและเงินชดเชยที่เธอได้รับ ให้ฟังว่า
       
       เจนเนลได้รับเงินชดเชยเบื้องต้น 200,000 บาทจากกรุงไทยพานิชประกันภัย บริษัทเอาเงินมาให้ในวันงานศพของฟรานเซสโกพร้อมกับแผ่นบอร์ดใหญ่ๆ รูปเช็คเพื่อจะทำข่าวถ่ายรูปการมอบเงินยังกับว่าเจนเนลเป็นผู้ได้รับรางวัล เธอปฏิเสธที่จะถ่ายรูปแบบไร้รสนิยมเช่นนั้น เธอถามกลับมาว่าบริษัทคิดว่าเธอได้รับรางวัลอย่างนั้นหรือ
       
       นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ใน รพ.ที่บัวใหญ่ ตีนผีมาพร้อมล่ามและกลุ่มคนอีกกลุ่มที่เธอไม่รู้จักว่าใครเป็นใครมาเสนอจ่ายค่าชดเชย ซึ่งในเบื้องต้นเธอปฏิเสธ ในวันที่ 5 มีนาคม การสอนสวนของตำรวจยังไม่เสร็จ งานศพของสามีก็ยังไม่ได้ทำ ล่ามเอาเอกสารข้อตกลงเป็นภาษาไทยมาให้เธอเซ็น มีการบอกให้เพื่อนของเธอออกไปนอกห้อง ทุกอย่างกระทำด้วยความรวดเร็วไม่ให้เธอได้ตั้งตัวและไม่มีเวลาคิด ล่ามให้เธอเซ็นชื่อในเอกสาร แต่ล่ามไม่ได้อธิบายข้อความในสัญญาให้เธอเข้าใจกระจ่างโดยเฉพาะ 2 ข้อความสำคัญ อย่างแรกคือเธอจะไม่ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากตีนผีอีก อย่างที่สอง เธอจะไม่ติดใจผลการตัดสินของศาล ขณะที่รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นความผิดของตีนผีอย่างเดียว ที่แซงซ้ายบนไหล่ทางด้วยความเร็วสูงมากกว่า 80 กม/ชม มาชนฟรานเซสโกและครอบครัวที่ปั่นจักรยานอยู่บนไหล่ทาง
       
       เธอเล่าต่อว่า ช่วงที่เธออยู่ในโรงพยาบาล มีใครต่อใครมาพบเธอมากมายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ และ เธอต้องเซ็นเอกสารเมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมา ดังนั้นเอกสารที่บอกว่าเธอไม่เรียกร้องค่าชดเชยและไม่ประสงค์จะติดใจเอาความ เป็นลูกเล่นชั่วๆ ของตีนผีที่จะแค่จ่ายเงินให้เธอแสนเดียวสำหรับความสูญเสีย และตัดตอนไม่ให้เธอเรียกร้องความยุติธรรมเพิ่มเติมได้ทั้งทางแพ่งทางอาญา โดยใช้ข้อจำกัดด้านภาษา และความไม่รู้ว่าเธอกำลังเซ็นเอกสารอะไร
       
       เธอยังได้เล่าเรื่องการพูดคุยกับตัวแทนจากกรุงไทยพานิชประกันภัยที่ตีนผีทำประกันรถไว้ ตัวแทนประกันมาหาเธอที่ รพ บัวใหญ่สองครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายเป็นระดับผู้จัดการ เธอได้ถามตัวแทนไปว่าวงเงินค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่(หมายถึงวงเงินต่ำสุด - สูงสุดที่บริษัทจะจ่าย) เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะได้รับเงินชดเชยเท่าไหร่ เธอประเมินไม่ได้ว่าเธอควรจะเรียกร้องเท่าใด เธอไม่ได้รับคำตอบ ตัวแทนแค่โชว์เอกสารให้เธอประเมินเอาเอง
       
       เธอจึงถามต่อเพื่อให้ตอบง่ายขึ้น ว่าบริษัทเคยจ่ายสำหรับอุบัติเหตุแบบนี้เป็นเงินมากที่สุดเท่าไหร่ เธอก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน แม้ว่าเธอจะได้ถามย้ำไปหลายครั้ง ตัวแทนบอกว่าการบาดเจ็บของเธอไม่รุนแรง ดังนั้นบริษัทจะไม่จายเพิ่ม ทั้งที่แม้แต่ปัจจุบันเธอยังต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินเพราะขาหัก ลูกชายวัย 14 เดือนเสียพ่อไป และเนื่องจากฟรานเซสโก้ต้องการเดินทางรอบโลกด้วยจักรยาน จึงปิดกิจการโรงเรียนสอน lifeguard ที่ชิลี ใช้เงินเก็บที่สะสมมา 20 ปี เพื่อเติมความฝันด้วยการเดินทางด้วยจักรยานรอบโลกครั้งนี้
       
       บริษัทประกันเสนอจะจ่ายทั้งหมดเท่านี้ และไม่ยอมเจรจาเพิ่มเติมกับเธออีก
       
       1. ค่าเสียหายทางด้านทรัพย์สิน บริษัทจะจ่าย 150,000 บาท (สัญญารับผิดชอบสูงสุด 600,000 บาท) เจนเนลเล่าว่า เฉพาะจักรยานที่เธอและฟรานซิสโกใช้เดินทาง ราคาประมาณคันละ 80,000 บาท (นักปั่นทัวร์ริ่งระยะไกล จะเลือกใช้จักรยานที่แข็งแรงและมีสมรรถนะดี ซึ่งราคาจะแพง และที่ฟรานเซสโกเลือกใช้จักรยานราคาแพงเพราะต้องการจะทำสถิติโลก เพื่อจะได้รับเงินรางวัลจากGuinness book of Records US$200,000 ) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ
       
       2. ชดเชยการตายของฟรานเซสโก 300,000 บาท เจนเจลเข้าใจว่านี่คือจำนวนเงินสูงสุดในกรมธรรน์ น่าบอกว่าน่าเศร้าที่ค่าชีวิตของใครซักคนในไทยมีเท่านี้เอง
       
       3. ค่าชดเชยการบาดเจ็บของเธอและลูกชาย บริษัทต้องการจ่าย 180,000 บาท ในขณะที่สัญญาในกรมธรรน จะจ่าย 300,000 บาทต่อราย เจนเนลอยากจะให้บริษัทจ่ายเต็มวงเงินให้เธอและลูก เป็นเงิน 600,000 บาท เพราะเธอต้องใช้ชีวิตต่อไปในสิงคโปร์
       
       วีซ่าของเจนเนลจะหมดวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ และเธอต้องกลับสิงคโปร์ เพื่อสมาชิกท่านใดยินดีจะให้ความช่วยเหลือเธอ โดยเฉพาะในทางกฏหมายและการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม ติดต่อเธอได้เลยตาม email jennelng@yahoo.com นี้



ภรรยาและลูก ของ Mr.JUAN FRANGISGO GUILLERMO ชาวชิลี อายุ 48 ปี นักปั่นจักรยานรอบโลก เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถกระบะชน ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา



นายทิวารัตน์ ชัยพิเดช อายุ 64 ปี คนขับกระบะคู่กรณี ผู้ต้องหา


http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000005491401.JPEG