ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 13, 2016, 10:17:12 am »

เรื่องนี้ ต้องถอดยศ (ถ้ามีตำแหน่งทางราชการ)  ต้องไล่ออกจากทีมชาติไทย
เพราะถ้าพฤติกรรมแบบนี้  ไม่ไล่ออกจากทีมชาติไทย

ถ้ามียศ หากมีคำพิพากษา ต้องถอดยศออก 
ถ้าไม่ถอดยศ  เป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับราชการ

-----------------------------------------------------


แม่น้อง ม.6 แจ้งความ แบ็ก อาทิตย์ เล่าละเอียดวินาทีลูกสาวถูกล่อลวง
-http://football.kapook.com/news-24229-

แม่น้อง ม.6 แจ้งความ แบ็ก อาทิตย์ เล่าละเอียดวินาทีลูกสาวถูกล่อลวง เผยรับปากอย่างดีว่าจะมาส่งที่บ้าน แต่ออกอุบายขอแวะอาบน้ำเพราะร้อน ก่อนจะชวนขึ้นข้างบนเพราะเปิดแอร์เอาไว้ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม จนถูกฉุด แต่ดิ้นหลุดและแชร์โลเคชั่นให้เพื่อนมารับ

         วันที่ 12 เมษายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางเอ (นามสมมติ) ได้พาน้องบี (นามสมมติ) หญิงสาวอายุ 17 ปี ที่เรียนอยู่ชั้น ม.6 เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าถูกแบ็ก อาทิตย์ นักฟุตบอลล่อลวงไปทำมิดีมิร้าย ที่หมู่บ้านพฤกษ์ลดา อ.ปากเกร็ด แต่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอมเเละหนีรอดมาได้

         ทั้งนี้ นางเอ กล่าวว่า ลูกสาวรู้จักกับนักฟุตบอลทางอินสตาแกรมได้ไม่นาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ลูกสาวได้นำเคสโทรศัพท์ไปส่งลูกค้าที่เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เพื่อเป็นการหารายได้พิเศษ แต่นักฟุตบอลรายนี้ก็ได้โทรศัพท์มาพร้อมชวนกันไปกินข้าวที่ห้างดังกล่าว โดยลูกสาวได้โทรศัพท์มาขออนุญาตตนเรียบร้อย และหลังกินข้าวก็จะอาสาไปส่งที่บ้าน แต่ลูกสาวปฏิเสธ ทางนักบอลพยายามเซ้าซี้ ด้านลูกสาวจึงโรหาแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง และขณะนั้นนักบอลก็รับปากว่า จะเป็นธุระมาส่งน้องเองขอให้สบายใจได้

นาง เอ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ลูกสาวขึ้นรถแล้วก็ได้ออกอุบายว่าอากาศร้อนมาก ขอแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อน ส่วนลูกสาวก็เข้าไปรอที่ชั้นล่าง ฝากนักบอลก็เปิดพัดลมให้ก่อนที่จะขึ้นไปอาบน้ำชั้นบน เมื่ออาบเสร็จก็ชวนลูกสาวขึ้นไปข้างบนเพราะเปิดแอร์ไว้จะได้เย็น ๆ เมื่อลูกสาวได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธ แต่นักบอลใช้กำลังฉุดดึงแขนขึ้นไป ด้านลูกสาวก็ต่อว่าต่าง ๆ นานา ส่วนนักบอลก็เกิดความไม่พอใจ และเมื่อได้จังหวะลูกสาวดิ้นหลุดและวิ่งหนีออกมาหน้าหมู่บ้าน พร้อมส่งโลเคชั่นบอกตำแหน่งให้เพื่อน เพื่อให้เพื่อนเดินทางมารับกลับ

         นาง เอ เล่าต่อว่า หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้น ตนเองพยายามติดต่อกับนักฟุตบอลให้มาขอโทษที่ทำกับลูกสาวตนแบบนั้น แต่ไม่ยอมรับสาย เลยให้หลานชายเดินทางไปทที่บ้านคู่กรณีเมื่อช่วงบ่าย แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมออกมาพบ ตนเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนดูหมิ่นลูกสาวตนจึงเข้าแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจและดำเนินคดีกับนักฟุตบอลรายนี้ต่อไป

ภาพและข้อมูลจาก workpointtv.com
-http://workpointtv.com/?p=43895-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 09, 2016, 07:30:44 pm »

ได้พวกนี้ ต้องจับตาย
เก็บไว้เป็นเดนสังคม เป็นภัยต่อบุคคลอื่น


-----------------------------------------------------

รุมประณาม แก๊งเดนนรก 8 คน รุมใช้มีดแทงนักศึกษาสาว 1 จนอาการปางตาย
-http://hilight.kapook.com/view/131384-


สังคมออนไลน์ รุมประณามแก๊งเดนนรก 8 คน ขับมอเตอร์ไซค์รุมประกบก่อนใช้มีดจ้วงทำร้าย นักศึกษา ม.อุบลฯ ปางตาย ด้านจอนนี่ มือปราบอินดี้ คนดัง สมทบเงิน 10,000 บาท สำหรับผู้มีเบาะแส ขณะที่ตำรวจเร่งลากคอมาลงโทษ

                 วานนี้ (8 มกราคม 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ ได้มีการแชร์ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก ยุทธพล ศรีสมพงษ์ (ยุทธพล ศรีสมพงษ์) หรือที่รู้จักกันในนาม "จอนนี่ มือปราบอินดี้" กรณีที่มีคนร้าย 7-8 คนได้ร่วมกันก่อเหตุทำร้าย นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยการขับรถจักรยานยนต์ ขี่ประกบและใช้อาวุธมีดแทงทะลุปอด จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 เวลาประมาณ 23.30 น. บริเวณถนนองศาวาริน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกับประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์อุกอาจ โดยที่ จอนนี่ มือปราบอินดี้ ประกาศให้เงินรางวัลนำจับ 10,000 บาท

                 ล่าสุด จอนนี่ มือปราบอินดี้ ได้รับรายงานจากทางสายข่าวว่า ได้รับข้อมูลแคบลงว่า คนร้ายมีจำนวน 8 คน รถจักรยานยนต์ 4 คัน และหนึ่งในนั้นมีผู้หญิงด้วย พร้อมประกาศจะติดตามจับกุมตัว โดยเฉพาะคนก่อเหตุดังกล่าว ส่วนคนที่เหลือขอให้มอบตัวก่อนที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว

                 โดยหลังจากที่ จอนนี่ มือปราบอินดี้ ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กออกไป สังคมออนไลน์ ต่างช่วยกันส่งต่อข้อมูล เพื่อช่วยหาเบาะแสคนร้ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังได้รุมประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้





ภาพจาก เฟซบุ๊ก ยุทธพล ศรีสมพงษ์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -https://www.facebook.com/profile.php?id=100008814675796-
-http://crime.tnews.co.th/content/175059/-

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 20, 2015, 10:46:35 am »

เด็ก-สตรี ถูกกระทำรุนแรง ช่วยแจ้งได้ 1669 / 1300
-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3572-

กระทรวงสาธารณสุข เผยปี 2558 มีเด็กและสตรีถูกกระทำรุนแรง 2 หมื่นกว่าราย เฉลี่ยวันละ 66 ราย ส่วนใหญ่ถูกทำร้ายร่างกายและถูกกระทำรุนแรงทางเพศจากคนใกล้ชิด ขยายการรับแจ้งเหตุ การคัดกรอง การช่วยเหลือเบื้องต้นและการส่งต่อเด็กในระดับตำบล

          นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดเป็นวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล ให้ทุกประเทศตระหนักและเร่งป้องกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปี 2542 ให้โรงพยาบาลของรัฐทุกสังกัด ตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือเด็กและสตรีในภาวะวิกฤติจากความรุนแรง  ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้ง “ศูนย์พึ่งได้” ในโรงพยาบาลศูนย์ / โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนรวม 896 แห่ง เพื่อให้การดูแลเด็กและสตรี รวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ถูกกระทำรุนแรงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และทางเพศ อย่างครบวงจรเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว บริการตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล ทางกาย ทางจิต ทางสังคม และการประสานหน่วยงานช่วยเหลือด้านกฎหมายและด้านสวัสดิการสังคมอื่นๆ ที่จำเป็น โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ บูรณาการทำงานแบบทีมสหวิชาชีพ

          โดยปี 2558 พบว่ามีเด็กและสตรีถูกกระทำรุนแรง 23,977ราย เป็นเด็ก 10,712 ราย สตรี 13,265 ราย เฉลี่ยวันละ 66 ราย ในกลุ่มเด็กจะถูกล่วงละเมิดทางเพศและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มากเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น แฟน รองลงมาคือเพื่อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสภาพแวดล้อม ได้แก่ สื่อลามก ความใกล้ชิด โอกาสเอื้ออำนวย และการดื่มสุรา การใช้สารเสพติด  เป็นต้น ส่วนความรุนแรงในกลุ่มสตรี ปัญหาอันดับ 1 ที่พบได้แก่ การทำร้ายร่างกาย รองลงมาคือถูกกระทำทางเพศและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ผู้กระทำเป็นคู่สมรสมากที่สุดรองลงมาคือแฟน  สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสัมพันธภาพในครอบครัว การนอกใจ หึงหวง ทะเลาะวิวาทกัน

          นอกจากนี้ ในปี 2558 ได้ร่วมกับมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ พัฒนาระบบการรับแจ้งเหตุ การคัดกรอง การช่วยเหลือเบื้องต้นและการส่งต่อเด็กถูกทารุณกรรมหรือการเลี้ยงดูไม่เหมาะสมให้ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างครบวงจร โดยมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นหน่วยประสานงานหลัก นำร่องใน 2 จังหวัดๆละ 2 อำเภอ คือระยองและชุมพร คัดกรองเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา 3 เรื่องคือ ความรุนแรง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และการถูกทอดทิ้ง เพื่อวางแผนดูแลร่วมกับสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้คัดกรองจำนวน 2,270 คน

          แบ่งการดูแลเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธงแดง คือต้องรีบให้การช่วยเหลือคุ้มครองโดยเร็ว กลุ่มธงเหลือง คือมีความเสี่ยงต่อการถูกทารุณกรรม ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และกลุ่มธงเขียว คือเด็กปกติ มีการส่งเสริม ป้องกัน เพื่อไม่ให้อยู่ในกลุ่มธงเหลืองและธงแดง โดยอบรม ให้ความรู้ และทักษะชีวิต การดูแลสุขภาพและเพศศึกษาศิลปะการป้องกันตัว เป็นต้น สำหรับในปี 2559 ได้ขยายการดำเนินงานไปยังอำเภออื่นๆ และขยายเพิ่มอีก 2 จังหวัด คือ ขอนแก่นและปทุมธานี

          ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องความรุนแรงสังคมต้องช่วยกันแก้ไข ป้องกัน  หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์ผู้ถูกกระทำรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ท่านรู้จักหรือไม่ก็ตาม โปรดแจ้ง 1669 หรือ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง



ขอขอบคุณข้อมูลจาก สสส.
-http://www.thaihealth.or.th/-

ลงประกาศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558




-------------------------------------------------------



5 ไม่ ลดความรุนแรง
-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3573-


กรมสุขภาพจิต ชวนครอบครัวสร้างสัมพันธ์ ลดความรุนแรง แนะนำ ‘5 ไม่' ป้องกันตัว เพื่อนำไปสู่การสร้างระบบเฝ้าระวังการป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งหรือเรื่องส่วนตัวของใคร

          นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเนื่องในวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กสากล ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี จากข้อมูลของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า สตรีและเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงและเข้ารับบริการศูนย์พึ่งได้ตามโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยปี 2556 มีสตรีและเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรง 31,866 ราย เฉลี่ยการถูกทำร้าย 87 รายต่อวัน หรือกล่าวได้ว่า ในทุกชั่วโมงมีเด็กและสตรีถูกกระทำความรุนแรง 4 ราย

          ในขณะที่ปี 2555 มีสตรีและเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรง 20,572 ราย หรือเฉลี่ย 56 ราย/วัน ทั้งนี้ พบว่า เด็กถูกกระทำความรุนแรงทางเพศมากที่สุด ในขณะที่สตรีถูกกระทำความรุนแรงทางกายมากที่สุด สำหรับผู้กระทำความรุนแรงในเด็กมากที่สุด คือ แฟน เพื่อน และคนในครอบครัว ขณะที่ผู้กระทำความรุนแรงในสตรีมากที่สุด ได้แก่ สามี แฟน และคนในครอบครัว ส่วนสาเหตุของการกระทำความรุนแรงในเด็ก อันดับ 1 ได้แก่ สภาพแวดล้อม อาทิ สื่อลามกต่างๆ หรือความใกล้ชิด รองลงมา คือ การใช้สารกระตุ้น อาทิ การดื่มสุรา ใช้สารเสพติดอื่นๆ และสัมพันธภาพในครอบครัว ขณะที่สาเหตุการกระทำความรุนแรงในสตรีอันดับ 1 ได้แก่ สัมพันธภาพในครอบครัว อาทิ การนอกใจ ทะเลาะ หึงหวง รองลงมา คือ การใช้สารกระตุ้น และสภาพแวดล้อม

          อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ผลกระทบจากการถูกกระทำความรุนแรง ในผู้หญิงนั้น บาดแผลทางจิตใจที่เกิดขึ้นอาจไม่สามารถลบเลือนไปได้ง่ายๆ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์บุคลิกภาพ และการดำเนินชีวิตประจำวัน  อาจมีความกระวนกระวาย จิตใจแปรปรวน ขณะที่บางคนมีอาการเครียด ท้อแท้เรื้อรัง สูญเสียความมั่นใจในตนเอง อับอาย ซึมเศร้า หรือบางรายมีอาการทางจิต หวาดกลัว หวาดผวา เป็นต้น ขณะที่เด็กทั้งที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หรือแม้แต่ทางอ้อมโดยการเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ก็สามารถมีโอกาสซึมซับและยอมรับความรุนแรงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเข้าใจผิดว่าปัญหาต่างๆ สุดท้ายต้องแก้ไขด้วยความรุนแรง

          อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ การดื่มสุรา ที่พบว่าเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่นำไปสู่การกระทำความรุนแรงต่อทั้งสตรีและเด็กนั้น ก็จำเป็นต้องร่วมกันรณรงค์เชิญชวนให้ลด ละ เลิกกันมากขึ้น เนื่องจากสุราจะมีผลกับสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวกับการคิด การตัดสินใจ และการใช้เหตุผล โดยจะไปมีฤทธิ์กดสมองส่วนนี้ ทำให้ผู้ที่ดื่มขาดการยับยั้งชั่งใจ ใช้เหตุใช้ผลได้ไม่ดีนัก ไม่รับรู้ว่าสิ่งใดผิดหรือถูก ประกอบกับทำให้เกิดความรู้สึกคึกคะนอง และก้าวร้าว การกระทำความรุนแรงจึงเกิดขึ้นกับบุคคลที่อยู่รอบข้างได้ง่าย

          สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการถูกผู้ดื่มสุราทำร้าย ขอแนะ 5 ไม่ ในการป้องกันตัว คือ

 1. ไม่นิ่งนอนใจ โดยตรวจสอบว่ามีอาวุธอยู่กับตัวของผู้เมาสุรา หรือบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ถ้ามี และไม่มั่นใจว่าปลอดภัย ให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ

 2. ไม่ใช้กำลัง ในการยุติความ เว้นแต่จะเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตัวตามเหตุผลที่สมควร
         
 3. ไม่สร้างบรรยากาศ ข่มขู่ ตำหนิ หรือกดดัน ไม่ยิ้มเยาะหรือหัวเราะ ไม่โต้แย้งหรือ ท้าทาย หรือตะโกนใส่ เพราะจะยิ่งเพิ่มความโกรธและหงุดหงิดให้เขามากขึ้น จึงควรยุติการสนทนาลง

 4. ไม่ให้บุคคลนั้นเข้าใกล้เครื่องยนต์กลไกหรือขับขี่ยานพาหนะ

 5.ไม่เข้าไปใกล้บุคคลนั้นมากเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายได้ จึงควรมีระยะห่าง ตลอดจนหลีกเลี่ยงการจ้องตาหรือการมองตาอย่างต่อเนื่อง

          ที่สำคัญ ทุกคนในครอบครัว ชุมชน และสังคม ถ้าเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นต้องไม่เพิกเฉย ควรรีบให้ความช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ เช่น โทรศัพท์แจ้งตำรวจ แจ้ง OSCC (One Stop Crisis Center) แจ้งสายด่วน 1300 รวมทั้ง ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน สายด่วน 1111 หรือศูนย์ดำรงธรรม ตลอดจนช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงภายในชุมชน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในชุมชน

          หากพบคนในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดมีปัญหาทางจิตใจเนื่องจากถูกกระทำความรุนแรง สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ลงประกาศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สสส.
-http://www.thaihealth.or.th/-

ลงประกาศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2015, 09:58:59 pm »

เรื่องนี้ อันตรายมาก

ให้ประหารชีวิตให้ตายๆไปซ๊ะ  จะได้ไม่เป็นอันตรายกับบุคคลอื่นๆ


-----------------------------------------------








ศาลสั่งประหารชีวิต หนุ่ย ติ๊งต่าง ฆาตกรต่อเนื่อง ในคดีฆ่าข่มขืน ด.ช. 7 ขวบ
-http://hilight.kapook.com/view/129233-



  ศาลสั่งประหารชีวิต "หนุ่ย ติ๊งต่าง" ฆาตกรต่อเนื่อง ในคดีฆ่าข่มขืน ด.ช. วัย 7 ขวบ  แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

             วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายติ๊งต่าง หรือ หนุ่ย ติ๊งต่าง ฆาตกรต่อเนื่อง ในคดีลักพาตัว กระทำทางเพศ และฆาตกรรมเด็กชายวัย 7 ขวบ เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2556 ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยนายติ๊งต่างถูกคุมตัวออกจากเรือนจำไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อฟังคำพิพาษาของศาลจังหวัดเลยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

             ทั้งนี้ในคดีดังกล่าว นายติ๊งต่าง ให้การรับสารภาพยอมรับว่า เขาได้พาตัวเด็กชายไปจริง แต่ปล่อยเด็กทิ้งไว้ระหว่างทาง ซึ่งการสืบพยานทั้งสองฝ่ายได้สิ้นสุดแล้ว

อย่างไรก็ดี ศาลได้พิพากษาประหารชีวิต นายติ๊งต่าง ในคดีฆ่าข่มขืนเด็กชาย 7 ขวบ แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต
 
             อนึ่ง นายติ๊งต่าง เป็นฆาตรกรต่อเนื่องที่ถูกตามล่าตัวเนื่องจากฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน ก่อนที่จะสืบสวนพบว่าเคยก่อเหตุดังกล่าวมานับไม่ถ้วน กระทำอนาจารเหยื่อมาแล้วนับ 10 ราย และฆ่าคนตายมาแล้ว 4 ศพ เริ่มตั้งแต่ปี 2551 โดยน้องการ์ตูนเป็นศพสุดท้าย

ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN


-----------------------------------------------------------------


รวบหนุ่มหื่นวัย 23 ฆ่าข่มขืนหญิงวัย 67 ปี หลังปลอมเป็นพระหนีคดี
-http://hilight.kapook.com/view/129260-



ตำรวจรวบตัวคนร้ายฆ่าข่มขืนหญิงวัย 67 ปี หมกศพกลางไร่มันสำปะหลัง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี  หลังปลอมเป็นพระหลบหนีคดีไปกบดานในพื้นที่ใกล้เคียง

            จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โขงเจียม พบศพหญิงรายหนึ่ง อายุ 67 ปี ถูกฆ่าข่มขืนอยู่ที่กลางไร่มันสำปะหลัง ในพื้นที่บ้านห้วยยาง ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีนั้น ตามที่ได้มีรายงานไปแล้วนั้น [อ่านข่าว หญิงวัย 67 ถูกฆ่าข่มขืน ทิ้งศพกลางไร่มัน คาดฝีมือคนในพื้นที่]

            ความคืบหน้าล่าสุด (17 พฤศจิกายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. ศักดา ขวัญบุญจันทร์ ผกก.สภ.โขงเจียม ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบเข้าจับกุมตัว นายปัญจา คำมั่น อายุ 23 ปี ชาว อ.โขงเจียม ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืนดังกล่าว ซึ่งถูกจับได้บริเวณป่าบ้านหนองแสงใหญ่ อ.โขงเจียม หลังปลอมตัวเป็นพระหลบหนีคดี

            จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องทางคดีแต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ชี้ว่า นายปัญจาเป็นคนลงมือจึงรับสารภาพ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

            นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายพบว่าเคยมีประวัติเคยต้องโทษในข้อหาทำระเบิดปากุฏิพระวัดห้วยยาง อ.โขงเจียม และเพิ่งพ้นโทษมาได้ 1 เดือน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สมาคมกู้ภัยโขงเจียม, ทวิตเตอร์ @TNAMCOT

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://dailynews.co.th/regional/361401-
-http://www.komchadluek.net/detail/20151117/217052.html-


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2015, 06:09:54 pm »

ยิ่งกว่าคำว่าใจทราม ! โจรกระชากกระเป๋าแม่อุ้มลูกทารก ไถลกับพื้น-หัวกระแทก

-http://hilight.kapook.com/view/128843-



 ยิ่งกว่าคำว่าใจทราม ! โจรกระชากกระเป๋าแม่อุ้มลูกทารก ไถลกับพื้น-หัวกระแทก ด้านชาวเน็ตด่ากันกระจาย บอกใจดำอำมหิตมาก วอนเจ้าหน้าที่ตามจับตัวคนร้ายให้ได้
 
           เป็นคลิปที่ดูแล้วไม่รู้จะสรรหาคำมาบรรยายความใจดำอำมหิตของโจรรายนี้ได้ สำหรับคลิปของคุณ Pitchaploy Ruengsangsai ที่ได้โพสต์ลงบนเพจ YouLike (คลิปเด็ด) ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา






           ขณะเกิดเหตุมีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกทารกอยู่ในอ้อมกอด ยืนพูดคุยกับหญิงและชายสูงอายุอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ต่อมามีชายสวมหมวกกันน็อคขับขี่มอเตอร์ไซค์ มาชะลอมอง จากนั้นก็ค่อย ๆ ขับรถวนไปด้านหลัง ก่อนที่จะกระชากกระเป๋าของหญิงสาวรายนี้ ทำเอาหญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมทารกน้อยหัวกระแทก



           อย่างไรก็ดี ไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหนของประเทศไทย แล้วเด็กและหญิงดังกล่าวบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ส่วนบรรดาชาวเน็ตตามรุมประณามถึงความอำมหิตของโจรรายนี้กันอย่างมากมายเลยทีเดียว


12222414 903200343103194 1585698994 n

https://www.youtube.com/watch?v=jdNExPU2JbA
-https://www.youtube.com/watch?v=jdNExPU2JbA-


 



ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ตุลาคม 24, 2015, 07:06:37 am »

จับโจ๋หื่นวัย 16 ลวงแม่เพื่อนข่มขืนได้แล้ว เตรียมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก
-http://hilight.kapook.com/view/128190-

ตำรวจตามรวบหนุ่มวัย 16 ปี ลวงแม่เพื่อนข่มขืน ชิงทรัพย์และหวังฆ่าปิดปากได้แล้ว หลังหลบหนีมากบดานที่กรุงเทพฯ เตรียมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก

          วันที่ 22 ตุลาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส จึงรุดเข้าตรวจสอบ พบนางศรี (นามสมมติ) อายุ 43 ปี มีบาดแผลหลายแห่งตามร่างกาย ศีรษะถูกตีด้วยของแข็ง ดั้งจมูกหัก มือซ้ายถูกทุบเกือบหัก จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล

          เบื้องต้นนางศรี ให้การว่า เมื่อเวลา 05.30 น. นายเจ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกชายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาแล้วบอกว่าลูกชายของตนกำลังจะไปขี่รถซิ่งให้ตนไปตามกลับ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปพร้อมกันแต่ระหว่างทาง นายเจ ทำทีว่ารถน้ำมันหมด ตนจึงหยุดรถเพื่อให้ความช่วยเหลือแต่กลับถูกนายเจตีที่ท้ายทอยจนล้มก่อนถูกลากเข้าไปในป่าข้างทาง ซึ่งตนพยายามสู้ขัดขืนแต่ถูกข่มขู่ให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย หากไม่ยอมจะถูกฆ่าทิ้ง ตนจึงจำยอม แต่สุดท้ายนายเจกลัวว่าตนจะไปแจ้งความจึงใช้หมวกกันน็อกทุบศีรษะของตนหลายครั้งเพื่อฆ่าปิดปาก ซึ่งตนพยายามนอนแน่นิ่งแกล้งตายและรอจนกระทั่งนายเจขี่รถออกไป พอสว่างตนจึงออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน และพบว่ารถจักรยานยนต์ของตนที่ขี่มาได้ถูกนายเจขโมยไปด้วย

          ล่าสุดวันที่ 23 ตุลาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ได้ติดตามจับกุมตัวนายเจ ผู้ต้องหาที่ลวงแม่เพื่อนข่มขืน ฆ่าปิดปากและชิงทรัพย์ได้แล้ว หลังนายเจ หลบหนีมาอยู่บ้านเพื่อนที่ย่านบางเขน กรุงเทพฯ

          จากการสอบสวนนายเจ ให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน และหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ พยายามฆ่า ข่มขืนกระทำชำเราจนเป็นอันตรายแก่ร่างกาย และชิงทรัพย์


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.dailynews.co.th/crime/356132-

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ตุลาคม 04, 2015, 10:42:35 am »

รวบหนุ่มข่มขืนยายวัย 62 อ้างสมยอม เล่นคุณไสย์ สาวเลยหลง

-http://hilight.kapook.com/view/127314-




 ตำรวจอุดรฯ จับหนุ่มบุกข่มขืนคนแก่ เจ้าตัวอ้างเป็นการสมยอม เล่นคุณไสย์ พกกุมารทอง รักยม เลยมีเสน่ห์ แม่ม่ายมาติดพันหลายคน เหยื่อแจ้งความเพราะหึง แต่ตำรวจไม่เชื่อ

          เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2558 ตำรวจอุดรธานีแถลงข่าวจับกุม นายทองใบ หรือ แหมบ วงศ์สง่า อายุ 43 ปี ในข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย" หลังก่อเหตุข่มขืนคนชรา

          โดยเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 10 กันยายน 2558 นายทองใบ ได้บุกเข้าไปในบ้านของ นางสาวน้อย (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ซึ่งอยู่ใกล้กัน แล้วใช้มีดจี้คอ ก่อนลงมือข่มขืน จากนั้นได้หลบหนีไปอยู่กับเพื่อน ขณะที่นางสาวน้อยได้โทรศัพท์เรียกลูกสาวกลับมาที่บ้านเพื่อให้พาไปแจ้งความ กระทั่งตำรวจสืบทราบและเข้าจับกุมในที่สุด

          ทั้งนี้ นายทองใบ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เสพกัญชาจนมีอาการมึนเมา และได้เข้าไปในบ้านผู้เสียหายจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนนางสาวน้อย แต่เป็นการสมยอม เพราะก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเคยมาหาตนที่บ้านและมีความสัมพันธ์กันมาแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้ตนชอบผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป และในหมู่บ้านก็มีคนมาชอบพอตน คาดว่ามาจากการที่ตนเล่นคุณไสย์ เมตตามหานิยม พกกุมารทองและรักยม ทำให้ตนมีเสน่ห์ บรรดาสาวแก่แม่ม่ายจึงมาชอบ เชื่อว่าที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพราะรู้สึกหึงหวงที่มีคนมาชอบตน จึงคิดจะกลั่นแกล้ง
 
          อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะหลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความก็ได้ออกจากบ้านไปพักอยู่กับลูกสาวอีกตำบลหนึ่งด้วยความกลัว นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายทองใบเคยข่มขืนผู้หญิงมาแล้ว 2 คน และก่อนหน้านี้เคยต้องคดีเสพกัญชา 2 ครั้ง รวมทั้งอนาจารหญิงสาว มีโทษติดคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้เพื่อส่งดำเนินคดีต่อไป

ภาพจาก newsconnect.co.th

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.naewna.com/local/182000-
-http://crime.tnews.co.th/content/163508/-

.

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 27, 2015, 07:23:42 am »



อีกแล้ว พนักงานตรวจตั๋วรถไฟ ทำอนาจารสาววัย 15 บนโบกี้

-http://hilight.kapook.com/view/126974-

อีกแล้ว ! พนักงานตรวจตั๋วการรถไฟ ทำอนาจารสาววัย 15 บนโบกี้ แต่โชคดีเหยื่อฉวยโอกาสส่งไลน์หาพ่อให้มารับ ทำให้รอดพ้นจากเหตุร้าย

          เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2558 ที่ สภ.สวี จ.ชุมพร มีนางสาวเกด (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำอนาจารบนตู้โดยสารในขบวนรถไฟธนบุรี-หลังสวน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

          ทั้งนี้นางสาวเกด เล่าว่า วันดังกล่าวตนขึ้นรถไฟธนบุรี-หลังสวนที่สถานีชุมพร เพื่อกลับบ้านที่สถานีเขาสวนทุเรียน อ.สวี อย่างไรก็ตาม ในขขบวนดังกล่าวมีผู้โดยสารเป็นชายหญิงวัยรุ่นนั่งกัน 2 คน ตนจึงไปนั่งด้วย แต่ว่าทางนายยสุเมธ ทองไตรภพ พนักงานตรวจตั๋ววัย 53 ปี เข้ามาบอกว่า นั่งตรงนี้ไม่ได้ ให้ตนไปนั่งหน้าโบกี้ ตนจึงไปนั่งบริเวณนั้น ซึ่งตรงจุดดังกล่าวไม่มีใครนั่งอยู่ และห่างจากจุดเดิมพอสมควร ต่อมานายสุเมธได้พยายามเข้ามาพูดคุย และเบียดให้ตนนั่งชิดขอบหน้าต่าง ใช้มือโอบก่อน พอตนจะหลบหนี นายสุเมธก็ใช้เท้าขวางไม่ให้หนีไปไหน

          เมื่อเจอแบบนี้ตนจึงนั่งนิ่ง เพราะกลัวเขาจะทำร้ายหรือฆ่า แล้วโยนออกนอกรถไฟ แบบที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว หลังจากนั้นเขาได้บังคับให้เดินตามไปนั่งโบกี้อื่น แต่ตนไม่ไป และพยายามโทรหาพ่อ แต่โทรศัพท์ก็โดนนายสุเมธยึดไป พร้อมกับกอดจูบลูบคลำอวัยวะสงวนตามร่างกาย เมื่อตนเห็นท่าไม่ดี จึงแย่งโทรศัพท์คืนมา ตอนที่นายสุเมธพยายามจูบปาก เพื่อกดส่งไลน์ไปหาพ่อให้มารับที่สถานี พร้อมกับพยายามถ่ายภาพนายสุเมธเก็บไว้ด้วย

          กระทั่งรถไฟเดินทางมาถึงสถานีเขาสวนทุเรียน นายสุเมธก็กระโดดหนีหลบไปที่ป่าข้างทาง แต่พ่อและญาติ ได้ช่วยกันค้นหาจนเจอ และได้ชกต่อยกันขึ้นจนนายสถานีมาห้าม ทางนายสุเมธก็ฉวยโอกาสกระโดดขึ้นรถไฟที่มีปลายทางที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลบหนีไป

          สุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกนายสุเมธมารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่มาจะออกหมายจับต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/regional/350591-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 26, 2015, 09:06:51 pm »

แสบสุดๆ! รวบจ่าอดีตพระ-ทนาย-ขรก. ปลอมเฟซฯให้ร้ายครูอดีตเมีย-เพื่อนครูยันผอ.

-http://news.sanook.com/1872378/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(26 ก.ย.)  ที่ศูนย์สืบสวนภาค 4 อุดรธานี ตำรวจกองกำกับการสืบสวน1 บก.สส.ภาค 4 จับกุม จ.ส.ต.ชาติชาย อายุ 50 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา, พยายามกรรโชคทรัพย์และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เจ้าหน้าตำรวจติดตามจับกุม จ.ส.ต.ชาติชาย ได้เมื่อเย็นวานนี้ (25 ก.ย.) ขณะแต่งกายเป็นพระภิกษุ ที่จ.กาญจนบุรี จึงได้นำตัวไปลาสิกขาบทควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่อุดรธานี โดยมีผู้เสียหายมากกว่า15 คน ตั้งแต่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ตลอดจนครูผู้สอนรร.บ้านดุงวิทยา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และข้าราชการครูในพื้นที่ซึ่งได้เดินทางมาชี้ตัวยืนยันเป็นผู้ต้องหารายนี้

นางสุวรรณี ยุทตะรินทร์ ครูชำนาญการพิเศษ รร.บ้านดุงวิทยา อดีตภรรยาของผู้ต้องหารายนี้เปิดเผยว่า ได้หย่าขาดจากกับผู้ต้องหามานานกว่า 20 ปี แต่ได้ติดต่อกลับมาอยากมาขอคืนดีจึงปฏิเสธจนช่วงปลายปีได้ข่มขู่จะกลั่นแกล้ง เริ่มจากร้องเรียนผู้บังคับบัญชา กล่าวหามีพฤติกรรมชู้สาวกับผอ.และคนอื่นๆต่อรองเพื่อขอเงิน 3 แสนบาท เมื่อไม่ได้ก็ปลอมเฟซบุ๊กของตนเองเพื่อนร่วมงานให้ร้ายต่างๆ นานา

ด้าน นายชัยนาท พรหมมาบุญ ผอ.รร.บ้านดุงวิทยา เปิดเผยว่า จ.ส.ต.ชาติชาย เคยติดต่อขอให้ย้ายครูสุวรรณี ไปในที่ห่างไกล ลักษณะกลั่นแกล้งอดีตภรรยา เมื่อตนไม่ทำตามก็ร้องเรียนว่า ตนมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับครูสุวรรณี โดยระบุชื่อ และแนบบัตรประชาชนไปด้วย ทำให้ผู้บังคับบัญชาเชื่อตั้งกรรมการสอบ ตามด้วยปลอมเฟซบุ๊กครูในโรงเรียน ให้ร้ายตนเองว่า ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธ หาเด็กสาวให้ผู้บังคับบัญชา โชคดีที่ครอบครัวเข้าใจ ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำความเข้าใจกัน และที่หนักมาก คือ การใส่ร้านว่าตนว่ากล่าวให้ร้ายศาสนาอื่น จนตนเองต้องเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมการศาสนาระดับประเทศ และออกทีวีชี้แจงให้คนทั่วประเทศรู้

" ตลอดระยุเวลา 1 ปี ผมและครูในโรงเรียน อยู่ด้วยความหดหู่ มีแต่ความทุกข์ ต้องคอยชี้แจงกับบุคคลอื่น และหวาดกระแวงมีเรื่องใหม่มาอีก โชคดีที่บุคลากรในโรงเรียนเข้าใจ ช่วยกันติดตามรวบรวมข้อมูล เดินทางเข้าร้องเรียนที่ ไอซีที. และตำรวจภูธรภาค 4 ให้ติดตามจบกุมให้ด้วย เพราะมีหมายจับมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ผู้เสียหายไม่เพียงที่ อ.บ้านดุง แต่กระจายไปทั้งจังหวัด ลามไปในบางจังหวัดไม่มีท่าทีจะหยุด ขอบคุณตำรวจที่ตามจับมาได้" นายชัยนาท กว่าว


ด้าน พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.บก.สส.ภาค 4 เปิดเผยว่าผู้ต้องหา ติดยศจากการเรียน รด. และฝึก 1 เดือน
เคยเป็นทนายความ เคยรับราชการกรมที่ดิน แต่ถูกออกเพราะต้องคดีทุจริตมีหลายจับคดีค้างอยู่ รวมทั้งคดียักยอกทรัพย์ด้วย ดังนั้น ผู้เสียหายที่ถูกกระทำทั้งอยู่ในจ.อุดรธานี ขอให้มาพบพนักงานสอบสวนหรือแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจ.ส.ต.ชาติชาญ ได้มีผู้เสียหายทยอยเดินทางมาดูตัวเป็นจำนวนมาก และแต่ละรายนั้นก็มีอารมณ์ฉุนฉียว ทำให้ จ.ส.ต.ชาติชาญ ขอให้นำตัวเข้าไปอยู่ในห้องสอบสวน เกรงจะถูกทำร้าย และปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวออกมาแถลงข่าวด้านนอก โดยอ้างตามสิทธิผู้ต้องหา

-http://news.sanook.com/1872378/-
-http://www.matichon.co.th/index.php#-

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 17, 2015, 09:45:54 pm »

ไม่น่าจับเป็น  แบบนี้ต้องจับตาย  จะได้พ้นจากโรคจิต

--------------------------------------------------------------------

ปคม.รวบอดีตครูประถม ล่วงละเมิดเด็ก 20 คน

-http://news.sanook.com/1867334/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ตำรวจ ปคม. รวบ อดีตครูประถม ล่วงละเมิดเด็ก กว่า 20 คน เมื่อ 12 ปีก่อน สารภาพอ้างมีภาวะทางจิต

พันตำรวจเอก มานะ กลีบสัตบุศย์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ แถลงผลการจับกุม นายเดชา ประดิษฐ์ หรือ ครูปื๊ด อดีตครูผู้สอนวิชาพละและคอมพิวเตอร์ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาในคดีกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี และเป็นการกระทำแก่ศิษย์ที่อยู่ในการดูแล

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ว่า พบภาพถ่ายการล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง เผยแพร่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงร่วมกันสืบสวนจนทราบ และนำฮาร์ดดิสของกลางมาตรวจสอบ พบรายชื่อเด็กกว่า 20 คน รวมถึงภาพอนาจาร จึงได้ทำการติดต่อผู้ปกครองและตัวเด็ก จนทราบว่า เมื่อ 12 ปีก่อน ผู้ต้องหาได้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กจริง จึงนำกำลังเข้าติดตาม และสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน จ.อุตรดิตถ์

ส่วนด้าน นายเดชา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2545 ขณะรับราชการครู มีรสนิยมชอบเด็กและมีภาวะทางจิต โดยภายหลังล่วงละเมิดแล้วเสร็จจะทำการถ่ายภาพ ก่อนนำไปเผยแพร่ทางคอมพิวเตอร์ ในกลุ่มคนรักเด็ก ซึ่งสมาชิกเท่านั้นที่สามารถดูได้ และหลังจากออกจากราชการ เมื่อ 2547 ก็ไม่ได้ก่อเหตุอีก

อย่างไรก็ตาม เตรียมนำฮาร์ดดิสคอมพิวเตอร์ของกลางส่ง ให้ตำรวจ ปอท. เร่งทำการตรวจสอบและขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่