ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 27, 2016, 10:40:37 pm »

พินัยกรรมอวัยวะ จากพ่อถึงลูก ในวันที่สมองตาย อย่าลังเลที่จะมอบร่างกายพ่อให้กับผู้อื่น
-http://hilight.kapook.com/view/135985-

 ข้อความเรียกน้ำตา พินัยกรรมอวัยวะ จากพ่อส่งถึงลูก ในวันที่พ่อสมองตาย อย่าลังเลที่จะมอบร่างกายของพ่อให้กับผู้อื่น เพื่อไม่ให้ความตั้งใจของผู้ประสงค์บริจาคร่างกายต้องเสียเปล่า

          การบริจาคอวัยวะ ถือเป็นการให้ที่มีค่ามาก เป็นการต่อชีวิตจากคนที่กำลังจะหมดลมหายใจส่งต่อถึงคนที่กำลังรอความหวัง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านข้อความนี้ก็ร่วมบริจาคอวัยวะเช่นกัน แต่การบริจาคอวัยวะนั้น กว่าจะส่งต่อถึงผู้ที่ต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องที่ยากที่สุดไม่ใช่ขั้นตอนการรักษา แต่เป็นขั้นตอนในการ "ขออนุญาต" ให้ญาติและครอบครัวอนุมัติร่างกายของเราให้กับผู้อื่นต่างหาก

          ทั้งนี้ทางสภากาชาดไทย ได้ผุดแคมเปญ #พินัยกรรมอวัยวะ เพื่อให้ทุกคนได้เขียนพินัยกรรม บอกไปยังลูกหลาน ญาติ หรือพ่อแม่ ให้ทำตามประสงค์ของผู้ที่บริจาคร่างกาย และมีหนังสั้นกำกับโดยเต๋อ นวพล เพื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ของลูกคนหนึ่งที่ "สมองตาย" แต่ยัง "หายใจ" ซึ่งทางการแพทย์ถือว่า "เสียชีวิต" แต่แม่ไม่ยอมให้เดินเรื่องบริจาคร่างกายตามประสงค์ของลูก และยังรอปาฏิหาริย์ทั้ง ๆ ที่ลูกเหลือแค่ลมหายใจเท่านั้น [ชมคลิปด้านล่าง]

อย่างไรก็ดี คุณ Pom Chaiyaporn หนึ่งในผู้ที่ร่วมทำแคมเปญดังกล่าว ได้เขียนพินัยกรรมอวัยวะถึงลูกชาย เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ถึงเหตุผลที่เขาบริจาคร่างกายในครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นสิ่งที่พ่ออยากทำมานานแล้ว และหวังว่าเมื่อลูกอ่านออก และเมื่อวันที่พ่อหมดลมหายใจ ลูกจะทำตามคำที่พ่อขอเอาไว้...

          โดยแต่ละตัวอักษรนั้น เรียกน้ำตาคนอ่านได้อย่างมากเลยทีเดียว เพราะได้เห็นถึงความตั้งใจในการแบ่งปันร่างกายให้กับผู้อื่นแล้ว ยังเห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก การเขียนพินัยกรรมเช่นนี้เรียกได้ว่าต้องกล้าหาญและกลั่นความรู้สึกออกมาจากหัวใจจริง ๆ

ขณะที่ผมเขียน Status อยู่นี้
          ผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ
          ปัน...
          พ่อเขียนไว้เผื่อวันที่ลูกโตและอ่านหนังสือออกนะ
          พ่อมาช่วยงานสภากาชาดได้สักพักละ
          เพื่อชวนให้คนมาบริจาคอวัยวะ
          เกือบ 4 เดือน ที่พ่อตระเวนคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานตรงนี้
          ได้คุยกับคนไข้ที่เขาทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย รอปลูกถ่ายอวัยวะ
          พ่อก็เลยคิดว่า ก่อนที่พ่อจะไปโน้มน้าวคนอื่นให้เขายอมบริจาคอวัยวะ
          พ่อในฐานะคนคิด พ่อควรต้องเริ่มก่อน

          แต่การบริจาคอวัยวะ มันไม่เหมือนการบริจาคอื่น ๆ นะ
          ไม่เหมือนยังไง ปันคงสงสัย
          คืออย่างนี้ เวลาพ่อบริจาคเลือด พ่อก็เดินไปบอกเขาว่าอยากบริจาคเลือด
          เขาก็เอาเลือดของพ่อไปช่วยคนได้เลย
          หรือเวลาพ่อเอาเงินหรือของไปบริจาค
          พ่อก็แค่เอาของไปให้ ควักเงินใส่ตู้ได้ทันที
          แต่สำหรับการบริจาคอวัยวะ คนที่ตัดสินใจคือ ญาติ
          พ่อกับอาเม้งเลยได้ไอเดียว่าจริง ๆ แล้ว
          การบริจาคอวัยวะที่ดีที่สุด ได้ผลที่สุด ทำง่ายที่สุด ก็คือ การบอกญาติ
          ไม่ต้องไปทำบัตรที่กาชาดหรอก

          พ่อเลยต้องทำพินัยกรรมนี้ไว้เพื่อบอกลูก
          ว่าถ้าวันนึงพ่อเกิดเป็นอะไรไป แล้วหมอเขาบอกลูกว่าพ่อสมองตาย
          จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ตอนนั้นพ่อคงลุกขึ้นมาบอกปันไม่ได้แล้ว
          ว่าพ่ออยากบริจาคอวัยวะ
          ยังไง ปันก็คุยกับแม่ แล้วช่วยทำตามความต้องการของพ่อด้วยนะลูก
          งานนี้เป็นงานที่พ่ออยากทำมานานแล้ว
          ขณะเดียวกันมันก็เป็นงานที่ยากมาก ๆ ด้วย
          เพราะมันมีความละเอียดอ่อน และประเด็นซับซ้อน
          ต้องระวังความรู้สึกของหลายคนหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
          รวมถึงมีหลายเรื่องที่ต้องสื่อสาร
          พ่อจึงพยายามทำหนังให้เข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด
          ไม่ว่าจะเป็นญาติที่เพิ่งสูญเสียคนรักที่กำลังนอนรอความตายอยู่ตรงหน้า
          คนที่ทุกข์ทรมานจากการรอการปลูกถ่ายอวัยวะมาเป็นระยะเวลานาน
          และเจ้าหน้าที่ที่ต้องเดินเข้าไปอธิบายญาติ เพื่อให้ญาติยินยอมบริจาค
          แต่ก็ต้องจบลงด้วยคำปฏิเสธเกือบทุกครั้ง

          ต้องขอบคุณ น้าเต๋อ นวพล ผู้กำกับที่พ่อรอเวลาที่จะทำงานด้วยมาตลอด
          น้าเต๋อโคตรเก่ง พ่อเรียนรู้หลายอย่างจากการทำงานกับคนเก่ง ๆ คนนี้
          ที่สำคัญสุภาพและใจดี รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ก็เข้มแข็งและชัดเจนในจุดยืนของตัวเอง
          จริง ๆ แล้ว เป็นไอเดียของน้าเต๋อที่อยากถ่ายทอด ความรู้สึกของคนทั้ง 3 ฝ่าย
          ให้คนดูได้เข้าใจถึงความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนโดยทิ้งท้ายให้คนดูเป็นคนตัดสินใจเอง
          จุดเริ่มของงานนี้จริง ๆ แล้วเกิดจากน้ากุ๊ก (ภรรยาน้าเม้ง) คนที่ชวนพ่อไปรู้จักกับ True ที่เขากำลังหาคนมาช่วยทำโครงการนี้อยู่พอดี
          อีกคนที่พ่อจะไม่พูดถึงไม่ได้คือ น้าเจน โปรดิวเซอร์ คนสวย (คนที่ซื้อรองเท้าไดโนเสาร์มาฝากปันจากอเมริกาไง)
          ที่มาช่วยพ่ออย่างเต็มที่ ช่วยจนป่วยเลย

          น้าเม้งที่นั่งคิดงานนี้มาด้วยกันกับพ่อ
          น้าชลิตที่แวะมาช่วยออกความเห็นดี ๆ หลายเรื่อง
          น้าบอม ที่มาช่วยตัดงานที่บ้านเราจนดึกดื่น
          น้าไลลาที่ช่วยประสานงานและทำทุกอย่างเพื่องานนี้
          ข้อความในเว็บไซต์น้าไลลาก็เขียนเอง เขียนจนขาเจ็บเลย
          น้าจอย และน้าอีกหลายน้าที่พ่อไม่ได้พูดถึงที่มาช่วยงานนี้
          พ่อฝากปันไว้เท่านี้นะลูก
          และหวังว่าผลบุญจากการทำประโยชน์ของพ่อครั้งนี้จะส่งถึงปันและแม่
          รักลูกเสมอ
‪          #‎พินัยกรรมอวัยวะ‬

          ส่วนใครอยากจะทำพินัยกรรมอวัยวะ ขอเชิญชวนร่วมอัดคลิป ผ่านเว็บไซต์ www.บริจาคอวัยวะด้วยการบอกญาติ.com เชื่อว่าพินัยกรรมฉบับนี้เป็นพินัยกรรมที่มีค่าและมอบชีวิตใหม่ให้กับใครอีกหลายคน

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Pom Chaiyaporn,
-www.บริจาคอวัยวะด้วยการบอกญาติ.com-

-https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1738179343089463&id=100006922427998-

-https://www.บริจาคอวัยวะด้วยการบอกญาติ.com/home-
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 24, 2015, 07:38:23 am »

บุญ จาก การบริจาคโลหิต

-http://www.tairomdham.net/index.php/topic,10099.0.html-

    ใต้ร่มธรรม »
    แสงธรรมนำใจ »
    หยาดฝนแห่งธรรม »
    บุญ จาก การบริจาคโลหิต



บุญที่ได้จากการบริจาคโลหิต ติดตามอ่านได้ในกระทู้"บุญ จาก การบริจาคโลหิต"

โมทนา
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 24, 2015, 07:36:58 am »

กาชาดวิกฤต ไม่มีเลือดหมู่หายาก (Rh-)

-http://hilight.kapook.com/view/114689-

กาชาดวิกฤต ไม่มีเลือดหมู่หายาก (Rh-) จ่ายให้ผู้ป่วยโคม่าผ่าตัดด่วน! (สภากาชาด)

กาชาดวิกฤต ไม่มีเลือดหมู่หายาก (Rh-) พบในคนไทย 3 ใน 1,000 คนเท่านั้น

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 มีรายงานว่า ในตอนนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เกิดวิกฤตหนัก ต้องขอรับบริจาคหมู่โลหิตหายาก หรือหมู่โลหิตพิเศษ (Rh-negative) จำนวนมากถึง 177 ยูนิต เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอาการโคม่าต้องผ่าตัดด่วนในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เนื่องจากหมู่โลหิตหายาก (Rh-negative) หรืออาร์เอช ลบ ในคนไทยมีน้อยมาก 1,000 คนพบเพียง 3 คน เท่านั้น ดังนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนที่มีหมู่เลือดโลหิตหายาก ช่วยกันบริจาคเลือด เนื่องจากผู้ป่วยมีมากขึ้นทุกวัน



.
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 10:40:42 pm »

 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2010, 09:13:40 am »

เรื่องควรรู้ก่อน...บริจาคโลหิต

เลือด...ยังเป็นที่ต้องการเสมอ เพราะว่ามักมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดฝัน หรือมีความจำเป็นในการให้เลือดผู้ที่กำลังเจ็บป่วยอยู่เสมอ

การบริจาคโลหิตนอกจากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ยังช่วยให้เราตรวจเช็กสภาพร่างกายของตัวเราเป็นระยะ ๆ เช่นกัน

แต่ก่อนจะไปบริจาคเลือดก็ต้องเตรียมตัว เช่นกัน

โดยโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียลได้ให้คำแนะนำว่า

คุณต้องนอนหลับให้เพียงพอไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และมีสุขภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะบริจาคโลหิต

คุณ ต้องดูว่าในช่วง 3 วันก่อนการบริจาคเลือดได้รับประทานยาแอสไพริน ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวดข้อหรือไม่ เพราะอาจทำให้มีเกล็ดเลือดผิดปกติได้ เลือดแข็งตัวช้า บวมช้ำง่าย เลือดที่บริจาคไปก็ไม่มีคุณภาพ หรือไปถอนฟันเหงือกอาจอักเสบมีบาดแผลในช่องปาก เป็นทางนำเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดก็ไม่ควรบริจาคเลือด

ต้องดูว่ามีอาการท้องเสีย ท้องร่วงภายใน 7 วันก่อนบริจาคเลือดหรือไม่ ผู้รับเลือดอาจได้รับเชื้อที่มากับเลือดได้

มีอาการน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจมีสาเหตุจากโรคเบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ เครียด วิตกกังวล ก็ไม่ควรบริจาคเลือด

มีประวัติโรคตับอักเสบ หรือคนในครอบครัวเป็นก็ต้องมีผลตรวจแน่นอนแล้วว่าปลอดเชื้อ

สำหรับ ผู้ที่ควรงดบริจาคเลือด อาทิ เป็นโรคหัวใจทุกชนิด โรคไทรอยด์ชนิดเป็นพิษ โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเรื้อรังอื่น ๆ โรคโลหิตออกง่าย-หยุดยาก เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ โรคไตชนิดเรื้อรัง วัณโรค โรคผิวหนังบางชนิด โรคติดต่ออย่างวัณโรค ไอเรื้อรังก็ไม่ควรบริจาคเลือด มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศกับผู้อื่น ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูง โรคบางชนิดมีระยะฟักตัวนาน อาจตรวจไม่พบเชื้อ เช่น HIV

รวมทั้งได้ รับการผ่าตัดใหญ่ภายใน 6 เดือน หรือผ่าตัดเล็กภายใน 1 เดือน เนื่องจากการผ่าตัดใหญ่ทำให้มีการเสียเลือดมาก ร่างกายต้องใช้เวลาและสารอาหารในการซ่อมแซม ควรงดบริจาคชั่วคราว ส่วนผ่าตัดเล็กที่เสียเลือดไม่มาก ควรรอให้แผลหายก่อนค่อยบริจาคเลือด

ฉะนั้น ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่สภากาชาดก่อนบริจาคเลือดเพื่อดูช่วงเวลาที่เหมาะสมใน การบริจาค อาทิ ผู้ที่เคยได้รับเลือดจากผู้อื่นในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ฉีดวัคซีนในระยะ 14 วัน หรือฉีดเซรุ่มในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา เข้าพื้นที่มีเชื้อมาลาเรียชุกชุมในระยะ 1 ปี หรือป่วยเป็นมาลาเรียในระยะ 3 ปี คลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในระหว่างให้นมบุตรหรือตั้งครรภ์ เจาะหู สัก ฝังเข็ม ผู้ที่อยู่ระหว่างมีรอบเดือนไม่ควรบริจาคเลือด

การบริจาคเลือดนั้นดีแน่...แต่ก็ต้องเตรียมสภาพร่างกายของเราให้พร้อมเหมือนกัน

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 08:23:40 pm »

ขอบคุณงับ
ฝนบริจาค  ร่างกาย  และ  อวัยวะ  อ่ะงับตอนนี้มีแนวคิดว่าจะไปบริจาคเกร็ดเลือดอ่ะเผื่อจาเปนประโยชน์กะใครหลายๆคนอ่ะงับ

ดีมากครับ

เป็นการช่วยชีวิตคนครับ


.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 08:22:50 pm »

ผมเคยบริจาคเลือดหนนึงครับ
ตอนนั้นรถเขามาจอดในมหาวิทยาลัยเลย
ก็เลยลองทำดู..อยากโชว์พาว
แต่ตอนเขาเจาะไม่กล้ามองครับ..กลัวเข็ม55+
ใจมันหวิวๆชอบกล..แต่ทำแล้วรู้สึกดีอย่างประหลาด
หนนึงในชีวิตของทามะ  :25:
..
ตอนนี้ผอม เลือดน้อย ผมไม่ค่อยอ้วนด้วยสิ ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเปล่า
ธรรมมะอวยพรครับพี่หนุ่ม  :13:

พี่โชว์ภรรยาครับ

พาภรรยาไปบริจาคด้วย

กะว่า  ให้ภรรยาเห็นเราเป็นฮีโร่

นอนเตียงข้างกัน  ภรรยานอนมองหน้า  แล้วถามว่า  พี่เป็นอะไรหรือเปล่า  ทำไมหน้าซีดจัง

ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร  ก็เลยบอกว่า  เหนื่อยจากการขับรถมา 

ว่าแต่ว่า  ภรรยาน่าจะรู้  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

.
ข้อความโดย: rain....
« เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 08:06:27 pm »

ขอบคุณงับ
ฝนบริจาค  ร่างกาย  และ  อวัยวะ  อ่ะงับตอนนี้มีแนวคิดว่าจะไปบริจาคเกร็ดเลือดอ่ะเผื่อจาเปนประโยชน์กะใครหลายๆคนอ่ะงับ
ข้อความโดย: กระตุกหางแมว
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 03:07:14 am »

ผมเคยบริจาคเลือดหนนึงครับ
ตอนนั้นรถเขามาจอดในมหาวิทยาลัยเลย
ก็เลยลองทำดู..อยากโชว์พาว
แต่ตอนเขาเจาะไม่กล้ามองครับ..กลัวเข็ม55+
ใจมันหวิวๆชอบกล..แต่ทำแล้วรู้สึกดีอย่างประหลาด
หนนึงในชีวิตของทามะ  :25:
..
ตอนนี้ผอม เลือดน้อย ผมไม่ค่อยอ้วนด้วยสิ ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเปล่า
ธรรมมะอวยพรครับพี่หนุ่ม  :13:
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 05, 2010, 10:29:04 pm »

http://www.redcross.or.th/donation/blood_plasma.php4

บริจาคพลาสมา(Plasma)
คุณประโยชน์
พลาสมาจะนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคขาดน้ำเหลือง มีอาการช็อคเนื่องจากน้ำร้อน ลวก ไฟไหม้ หรือช็อคในผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออก
วิธีการ
เจาะโลหิตออกจากร่างกายผ่านตัวกรอง หรือตัวปั่น เพื่อทำการแยกพลาสมาออกจากเม็ดโลหิต จากนั้นส่วนที่เป็นพลาสมาจะถูกแยกส่งไปยังถุงบรรจุ ที่รองรับอยู่ ส่วนที่เป็นเม็ดโลหิตแดงไหลกลับเข้าสู่ร่างกายผู้บริจาค
การบริจาคพลาสมา สามารถทำได้ทุก 14 วัน บริจาคครั้งละ 500 มิลลิลิตร (ซี.ซี.) พลาสมาที่ได้รับบริจาค นอกจากจะใช้ในรูปของส่วนประกอบโลหิตที่นำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยเฉพาะโรคแล้ว ยังนำไปผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์โลหิต เช่นแอลบูมิน (Albumin) แฟคเตอร์ 8 เข้มข้น แฟคเตอร์ 9 เข้มข้น อิมมูโนกลอบบูลิน ชนิดฉีดเข้าเส้น เซรุ่มป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี และเซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า
สถานที่ติดต่อ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0-2251-3111 ต่อ 113, 114, 161, 162