ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2016, 09:31:42 am »เหตุผลในชีวิตที่แท้จริงนั้นนคือการใช้ขีวิตอย่างมีความคิดถูกต้องตามที่พระท่านเรียกว่าสัมมาทิฎฐิ ที่ใครๆก็รับรองว่า ใช่ มีประโยชน์ ยังความสุขมาให้ มันเป็นปรมัตถ์สัจจะ เหมือนน้ำร้อนจะเรียกว่าอย่างไร จะคิดอย่างไรก็..................ร้อน
เหตุผลไม่ใช่ความคิดแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่อารมณ์ โลภ โกรธ หลง
มันเป็นปฎิจจสมุปบาท คืออาศัยกันเกิดกันดับเป็นห่วงโซ่มีเหตุจึงมีผลไงล่ะโยม
อนาคาริก
http://www.nkgen.com/4.htm
ลูกรัก....เหตุผลกับลูกทั้งสี่
พักมาหลายวัน ปวดบ้างดีขึ้นบ้างจากกายบริหารแล้วก็มานึกมาคิดอะไรต่อมิอะไรย้อนหลังไปในอดีต
มีคนจำนวนมากหลายคนบอกพ่อว่าการคิดถึงอดีตไม่มีประโยชน์แต่สำหรับพ่อนั้นมันมีประโยชน์มาก
ในหลายๆเรื่องยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดสักเรื่องก็คือเอาอัลบั้มรูปในอดีตมาดูแล้วเห็นลูกทั้งสี่ยังเล็กๆซุกซน ยังต้องการความดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่
น้องพินกับพี่โบว์อยู่ห่างไกลเราไปหน่อยเพราะไปเรียนต่างจังหวัดแต่ก็ยังได้มาหากันตอนปิดเทอม ได้เรียนกับครูหลุยส์แบบลักจำไปบ้างในตอนที่น้องพินเรียนจบม.สามและใฝ่ฝันจะเป็นหมอทั้งๆที่ผลการเรียนตอนนี้นยังไม่ดีนัก อ่อนฟิสิกส์ เคมี
พ่อก็เลยให้ลูกกับพี่โบว์พาไปเรียนพิเศษ โดยให้เงินน้องไป สักครู่น้องก็กลับมาร้องให้แงๆ
พ่อถามแล้วรู้ว่าทำเงินค่าเรียนหายไป พ่อกอดน้องแล้วบอกไปว่าไม่เป็นไร แล้วให้เงินไปใหม่ จนน้องเรียนจนจบคอร์ส
พ่อถามน้องว่า"ดีไหม"น้องบอกว่า"ดีมาก" ผลของคำว่า"ดีมาก"ก็คือน้องพินเรียนจนจบหมอ
ทั้งที่ไม่ค่อยแข็งแรง วูบบ่อยๆเวลาเข้าเวร ไปทำงานใช้ทุนต่างจังหวัด จนดังคนไข้ติดแจ
ทุกวันนี้น้องพินเป็นหมอเต็มต้วดูแลคนไข้วันละสิบชั่วโมง ขายของออนไลน์ มีเวลาว่ายน้ำ เล่นโยคะ ฟิตเนสสทุกวันในวัย28 ปี ไม่พร่ำบ่น ไม่งอแงเข้าใจชีวิตดีเป็นผู้ใหญ่เกินต้วเพราะรับผิดชอบมากเหลือเกิน เข้มแข็งอดทน และใจดีมาก ผิดกับตอนเด็กๆคนละขั้วเลย ดูเหมือนว่าน้องพินเขาค้นพบตัวเองเจอแล้ว แต่พ่อก็ยังอดห่วงน้องพินไม่ได้
ส่วนพี่โบว์ก็ยังผาดโผนไปในหน้ามี่การงานเดิมๆที่พ่อพี่โบว์ว่ายังไม่ค่อยดีสักเท่าไร ยังขาดประสบการณ์ในชีวิตที่ควรจะมีอีกมากที่ต้องตัดสินใจ พ่อก็ยังคงห่วงพี่โบว์เหมือนกัน
สำหรับลูกที่ผาดโผนน้อยกว่าพี่โบว์และน้องพิน พ่อคิดว่าลูกก็คงจะค้นพบตัวเองเจอเร็วๆนี้ พ่อเองก็เห็นหลายๆส่วนในตัวลูกที่กำลังต่อจิ๊กซอว์ให้ตัวเองอยู่ อีกไม่นานนักหรอกลูกคงจะเข้าใจตนเข้าใจคน เข้าใจชีวิตและรู้หลักในการดำเนินชีวิตที่มีความสุขอย่างที่ลูกคาดหวัง
แม้จะเครียดกับงานประจำมากไปหน่อยหากเครียดกับงานน้อยลงลูกก็จะดีและเห็นอะไรๆมากขึ้นอย่างชัดเจน
อีกทั้งจะน่ารักขึ้นกว่านี้อีกมาก ทั้งๆที่ทุกวันนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว พ่อชอบเห็นรอยยิ้มของลูกเสมอ
ส่วนลูกเยียร์นั้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ใจเย็นรู้อะไรเป็นอะไรขึ่นเยอะ พ่อว่าดีแล้วลูก เติบโตต่อไป
แต่พ่อก็ยังห่วงลูกและลูกเยียร๋เสมอ
ครอบครัวใหญ่ของเราในตอนนี้หากจะแยกกันตามฐานะเป็นส่วนๆตามครอบครัวเล็กๆแล้วจะเห็นว่ามีครอบครัวข้างที่ร่ำรวย ชั้นกลางลงล่างแบบครอบครัวของเรา แต่ไม่ติดขัดเรื่องเงินนักและอีกพวกหนึ่งก็จนเพราะไม่มีรายได้แบบครอบครัวของลุงใหญ่ ที่ลูกๆแยกตัวออกไปกันหมด จนเหลือลุงใหญ่แทบจะลำพังที่แก่และเจ็บป่วย
พ่อก็ได้แต่ช่วยลุงใหญ่ไปตามความจำเป็น และพ่อจะไม่วันปฏิเสธความรับผิดชอบต่อลุงใหญ่เลย เพราะลุงใหญ่เป็นคนดีและเสียสละมามาก เพียงแต่เจอวิบากกรรมเก่าหนักไปหน่อยหนึ่ง เลยลำบากตอนแก่มาก
พูดไปแล้วก็นึกถึงย่าที่พวกเราต้องดูแลในหลายๆเรื่อง ทั้งยาและอาหารซี่งเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะย่าไม่มีภาระอื่นๆให้พวกเราต้องดูแลเลย นับว่าย่ามีวิบากกรรมใทางร่างกายน้อย
มีเพียงครั้งหนึ่งที่ย่าไหล่ติดต้องอาศัยกายภาพบำบัดช่วยนานนับเดือน โชคดีที่ได้อาเล็กพาย่าไปทำกายภาพทุกวันที่คลินิคหมอนที รักพลเมือง หลานหลวงจนย่าหายขาด แข็งแรง ทนทานมาก จนพ่อแทบจะไม่เชื่อเลยว่าย่าของลูกๆจะแข็งแรงเช่นนี้
ตอนนั้นตาของลูกบอกพ่อทุกครั้งที่เจอกันให้ดูแลย่าของลูกให้ดีๆให้เขามีความสุข อยากกินอะไรก็ให้กิน ซึ่งพวกเราก็ทำอยู่แล้วจนย่าตายจากไป
ทุกวันนี้ตากับยายมีลูกๆหลานๆดูแลกันอย่างใกล้ชิดดังที่ลูกๆได้เห็นมีความสุขในบั้นปลายดี นับว่าบุญเยอะมากและที่สำคัญตากับยาย
ไม่ต้องอาศัยไลน์ก้มหน้าหาความสุข เหมือนคนจำนวนมากในขณะนี้ใช้ไลน์ เฟซบุ๊คเป็นทางออกในการอยู่อย่างโดดเดี่ยว จะเพราะถูกทอดทิ้งหรือไม่มีใครอยากคุยด้วยเพราะรู้จักตัวจริงที่ไม่น่าคุยด้วยก็ตาม
จริงๆแล้วสังคมทางโซเชี่ยลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายวิถีชีวิตของครอบครัวแบบเดิม ที่จะคุยกันอย่างอบอุ่นและต้องเจอหน้ากันหรือนั่งกินข้าวด้วยกัน
นอกเหนือไปจากอิทธิสภาพสังคมและเศรษฐกิจของกลุ่มทุนนิยมที่เร่งปั้นตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างเมามัน ประเทศไหนทุนนิยมครอบงำมากเท่าไร ความสุขของประชากรก็มักจะลดลงเท่านั้น จิตใจของประชากรก็แห้งแล้งต่อกันมากขึ้น เพราะมัวแต่ยึดแต่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดความสุขทางใจที่ไม่ต้องใช้เงินเลยก็ได้เหมือนกับแต่ก่อน
จะเห็นอิทธิพลของกลุ่มทุนนิยมได้จากตัวเลขการเป็นหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงมากกันไปทั้งโลก
จนพูดได้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นหนี้หรือเป็นหนี้มาแต่เกิดแบบนี้ไปไหนมาไหนมีแต่คนรูดการ์ดยืมเงินในอนาคตมาใช้ก่อนแทบจะทั้งนั้นมันเป็นกรอบความคิดของกลุ่มทุนนิยมที่ย้อมใจให้คนส่วนใหญ่มุ่งมั่นแต่จะหาเงินจนกลายมาเป็นเหตุผลในการใช้ชีวิตไปแล้ว
กรอบชีวิตก็จะแคบเข้าๆจนในที่สุดผู้คนก็เป็น"ทาส"ของกลุ่มทุนนิยมที่มีจำนวนไม่มากเลยที่เรียกว่า"รวยกระจุกจนกระจาย"นั่นแหละลูกเหตุผลในชีวิตที่แท้จริงนั้นนคือการใช้ขีวิตอย่างมีความคิดถูกต้องตามที่พระท่านเรียกว่าสัมมาทิฎฐิ ที่ใครๆก็รับรองว่า ใช่ มีประโยชน์ ยังความสุขมาให้
เหมือนเช่นที่ตายายที่มักจะสอนบ่อยๆว่ามีกินมีใช้ไม่ต้องร่ำรวย มีความสุขเล็กๆน้อยๆไปวันๆไม่ต้องมีบ้านหรูเลิศเลอที่แทบจะไม่มีโอกาสได้นอน เพราะมัวแต่หาเงินผ่อนกันก็ได้
ยิ่งเอาคำว่าเหตุผลมาใช่กับอารมณ์นั้นยิ่งไปคนละทางเลย โลภ โกรธ หลง มันจะเป็นเหตุผลได้อย่างไรเล่า ใช่ไหมล่ะลูก
โลกทุกวันนี้มันบิดเบือนซ่อนทับสับสนไปหมด แม้กระทั่งการบริหารเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ ต่างก็แก้ปัญหากันแบบฉีกตำราเศรษฐศาสตร์กันหมด หรือจะเขียนตำราเล่มใหม่ก็ไม่รู้ มีปัญหาก็พิมพ์ธนบัตรออกมาใช้โดยไม่มีทองคำหรืออะไรหนุนหลัง แล้วก็เอาเงินนั้นไปหาประโยชน์ทั่วโลก จนโลกท่วมไปด้วยแบงค์กงเต๊ก สักวันผลก็จะตามเหตุนี้มา นั้นแหละเหตุผล
บุญรักษาพระคุ้มครองนะลูกๆ รักลูกๆตลอดเวลา ...พ่อ
หมายเหตุ***
ขอขอบคุณบทความของนักปราชญ์ข้างถนน
เรื่องเศรษฐกิจแบบง่ายๆที่นำมาใช้ในบทความนี้
FBพอเพียง มาก ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 ภาพ — กับ Isara Tong และคนอื่นๆ อีก 90 คน
19 เมษายน 2016