ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2016, 03:10:54 am »บาร์โด โทโดล: คัมภีร์มรณศาสตร์ทิเบต 2
บทที่ 2
ด่านขั้นตอนของการเดินทางในบาร์โด
ใครที่เป็นลูกหลานคนจีน หรือไปงานศพของชาวจีน จะเห็นพิธีจัดกงเต๊ก สมัยก่อนจะเป็นพิธีใหญ่เต็มขั้น เพราะเชื่อกันว่า เมื่อสิ้นลมหายใจไปแล้ว วิญญาณบางดวงยังตั้งตัวไม่ได้ หรือยังตัดใจไม่ได้จากเรื่องราวทางโลก ยังเป็นห่วงอยู่ ยังวนเวียนในโลกหลังความตาย ระยะเวลาช่วงนี้ประมาณ 49 วัน และหลังจากนั้นวิญญาณจะต้องไปจุติตามพลังบุญกุศลหรืออกุศลของตนเอง แต่บางวิญญาณก็จะไปจุติเร็ว บางวิญญาณอาจจะรอญาติทำบุญอุทิศแล้วอนุโมทนาบุญจึงไปจุติในภพภูมิที่ดี บางดวงวิญญาณก็จุติเลยภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ แต่ละดวงวิญญาณจะใช้เวลาไม่แน่นอนในช่วงบาร์โด 49 วัน
ในทางพุทธศาสนาก่อนที่วิญญาณดวงใดจะไปจุติใหม่ มีตาทิพย์มองเห็นภพในอนาคตของตนเอง เช่นเกิดเป็นสัตว์อาจจะมองเห็นทุ่งหญ้าแล้วติดใจชอบ หรือเกิดเห็นภาพที่ตนไม่ชอบแล้วเกิดโทสะดูดเกิดในภพอสุระ เป็น เมื่อไปเกิดใหม่ก็จะได้รูปกายของกรรมใหม่ในภพใหม่ ดวงวิญญาณส่วนใหญ่จะ “ตั้งสติ” ระลึกรู้ไม่ได้ ไม่เหมือนตอนที่ยังเป็นมนุษย์ยังมีสติกำหนดรู้ตั้งสติได้ทัน เมื่อตั้งสติไม่ทันต่อ โลภ โกรธ หลง ก็จะไปจุติตามผลกรรมนั้นๆ ด่านหรือขั้นตอนที่จิตจะต้องผ่านเส้นทางของบาร์โดเพื่อการเปลี่ยนผ่านภพมีดังนี้
1. The Chikhai Bardo หรือ ประสบการณ์ภาวะแสงกระจ่าง หรือจิตดั้งเดิม (“the experience of the primordial or primary clear light.")
ด่านแรกที่เรียกว่า Chikhai Bardo จะมีระยะเวลาราว3-4 วัน และในขั้นตอนนี้ เมื่อผู้ตายกำลังหมดลมหายใจ ธาตุแตกสลายจะพบเจอประสบการณ์เห็นจิตอันบริสุทธิ์ของตนเอง เมื่อจิตกำลังจะออกจากร่าง เหมือนกับที่จิตก่อนจะนอนหลับ จิตจะรวมตัวเพื่อถอนจิตจากสัมผัสทางกายแต่มันเกิดเร็วมาก จนจิตปกติตามไม่ทัน คนส่วนใหญ่จะตามจิตที่รวมอย่างธรรมชาติในชีวิตประจำวันไม่ทัน เพราะสติไม่มีกำลังต่อเนื่องและไวพอๆกับความไวของจิต
ผู้ที่เคยผ่านการปฏิบัติภาวนาจะสามารถยืดสภาวะความสว่างไสวของแสงกระจ่างในขั้นแรกนี้ได้นาน แต่คนส่วนใหญ่จะเกิดเร็วจนตั้งหลักไม่ทันและภาวะแสงกระจ่างก็ได้ผ่านไป ภาวะของแสงกระจ่างเมื่อเราเข้าไปอยู่ในภาวะนั้น จะปราศจากอคติ ไม่ปรุงแต่งทางความคิด หรือยึดติดต่อสิ่งใด
2 The Chonyid Bardo หรือประสบการณ์แห่งเทพปางสันติและปางดุ บางแห่งแปลว่าปางพิโรธ (the experience of the peaceful and wrathful deities.)
หลังจากจิตจดจำจิตเดิมของตนเองไม่ได้ ก็จะผ่านภาวะแสงกระจ่างอย่างรวดเร็ว บางคนเกิดเป็นสายฟ้าแลบแล้วหายไป ก็จะมาเข้าขั้นตอนนี้ ด่านที่สองของบาร์โดเรียกว่า Chonyid Bardo
ตอนนี้กายวิญญาณถูกสร้างจากสัญญาเดิมเป็นรูปวิญญาณแล้ว กายวิญญาณสร้างมาจากกรรมที่ถักทอเอาไว้ เมื่อผู้ตายผ่านด่านนี้ จะพบเจอกับภาพนิมิตของ “เทพ(deities)ที่หลากหลาย” แปลกๆมากมาย ซึ่งเทพนิมิตเหล่านีล้วนสะท้อนประสบการณ์ชีวิตของราที่ผ่านมาว่าก้าวหน้าหรือถอยหลัง และในงานของพุทธทิเบต เทพนิมิตเหล่านี้มีความหมายหลายอย่างรวมถึงเป็นภาพของสัญลักษณ์ ที่สะท้อนจิตของผู้ตายเองที่ปรากฏฉายภาพหลังความตาย และภาพเทพนิมิตนี้ก็ปรากฏในภาพมันดาลาจำนวนมากของทิเบต ที่สะท้อนระดับจิตระดับสูงภายในที่ซ่อนอยู่ และนี่คือภาพที่สะท้อนกรรม อารมณ์ จิตใจ ธรรมะ ของตนเองในรูปแบบนิมิตต่างๆ และคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกฝึกให้จดจำหรือเข้าใจภาพนิมิตที่สร้างมาจากตนเอง ว่าเราควรจะรับมือกับนิมิตที่รุนแรงในด่านที่สองอย่างไร ในด่านนี้ เราจะพบเจอกับเทพหลากหลายมากายแบ่งเป็น 2 แบบดังนี้
- กลุ่มเทพปางสันติ (The Peaceful Deities) ประมาณช่วงวันที่ 4-11
- กลุ่มเทพปางดุพิโรธ ( The Wrathful Deities) ประมาณระหว่างช่วงวันที่ 12-19
3. The Sidpa Bardoหรือบาร์โดแห่งการเกิด
เมื่อผ่านบาร์โดสองด่านแรกแล้วผู้ตายก็ยังไม่ตระหนักทราบว่า จิตนี้เป็นพุทธะ ก็จะมาสู่ด่านสุดท้าย ด่านที่จะต้องไปเกิดใหม่ใน 6 ภพภูมิ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 20-49 วัน นี่เป็นด่านสุดท้ายที่จะบอกว่า เรากำลังจะกลับลงมาสู่สังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ในด่านนี้จะต้องได้รับการตัดสินพิพากษาจากพระยายมราช หรือทิเบตเรียกว่า “ธรรมราชา” เทพเจ้าแห่งความตาย ผู้ปกครองนรกทั้งปวง
แม้บาร์โดจะมี 49 วันประกอบ และด่านสุดท้ายช่วงเวลาระหว่าง 20-49 วัน แต่ประสบการณ์ของผู้ตาย เมื่อเข้าสู่ด่านนี้ก็จะทราบชะตากรรมตั้งแต่วันแรกๆว่า ผลของกรรมจะพาไปเกิดในภพภูมิใด และอีก 7 วัดสุดท้ายก็จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานที่จะไปจุติใหม่ และแล้วกระบวนการในบาร์โดระหว่างเปลี่ยนภพภูมิก็เสร็จสมบูรณ์
เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเข้าสู่บาร์โด
ในทางพุทธศาสนาจะถูกสอนให้เตรียมตัวตาย แต่ละนิกายก็อาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์เดียวกันเพื่อตั้งหลักมีสติ มีธรรมะในขณะที่จิตสิ้นลมให้ตั้งอยู่ในจิตที่เป็นกุศล ดังนั้นช่วงที่เรายังมีชีวิตอยู่ควรจะหมั่นเรียนรู้ ศึกษา ปฏิบัติ เตรียมตัวให้พร้อมในการเดินทางช่วงบาร์โด
1. เข้าใจเรื่อง กรรม ผลของกรรมในชาติที่แล้ว ภพภูมิ สังสารวัฏ
ชาวพุทธส่วนใหญ่จะเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมและผลของกรรมที่ผู้ทำจะต้องเป็นผู้รับผลของมัน และตราบใดที่ยังละอวิชชาไม่ได้ ตราบนั้นก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เพื่อไม่ให้พลาดพลั้งตกในภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์
ขณะที่ยังมีชีวิตหมั่นสร้างกุศลบ่อยๆ ภาวนาจนจิตสว่าง เห็นจิต เข้าใจการทำงานของจิตเมื่อโดนความคิดปรุงแต่งลากไป พัฒนาจิตใจไปยิ่งๆ ผลบุญกุศลที่สร้างเป็นบารมีหรือพลังปีติให้เรา ยามเข้าไปอยู่ในบาร์โด และอย่างน้อยก็ส่งผลให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีต่อไป เพื่อสร้างบารมีจนกว่าจะบรรลุธรรม
2. หาความรู้ เรื่องชีวิต ความตายและการเกิด.
ใครทีตายไปด้วยความหลง รับประกันได้ว่า จุดหมายปลายทางเป็นไปด้วยความมืดมิด นรก หรือสัตวเดรัจฉาน ผู้ที่เต็มไปด้วยความหลงนานาประการ แสดงว่าพวกเขาขาดการบ่มเพาะการตระหนักรู้แจ้งภายในอย่างมาก ขาดปัญญาอันเป็นแสงสว่างนำทางในบาร์โด เมื่อใดที่ผ่านบาร์โดแล้วเราตระหนักทราบว่ามันคือจิตที่ยึดติดหลงของเราด้วยปัญญา ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดี พาไปเกิดในสวรรค์
3. จิตที่เคยปฏิบัติภาวนา จนจิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส หรือความคิดปรุงแต่งมาบ้าง จิตที่เคยหัดทางกุศลบ่อยๆ
จาก http://wisdom-update.blogspot.com/2013/08/2.html
https://www.youtube.com/v/Ft4pi6zCj10
เตรียมตัวตาย
https://www.youtube.com/v/gmHta4KWsNs
ตัณหานำไปเกิด
https://www.youtube.com/v/f9cW3fURW3I
การตั้งจิตแบบโพธิสัตว์
https://www.youtube.com/v/Oh8XFeU6ao4
บาร์โดแห่งการถือกำเนิด
https://www.youtube.com/v/rTEvNTSxVeU
บาร์โดแห่งชีวิต
บทที่ 2
ด่านขั้นตอนของการเดินทางในบาร์โด
ใครที่เป็นลูกหลานคนจีน หรือไปงานศพของชาวจีน จะเห็นพิธีจัดกงเต๊ก สมัยก่อนจะเป็นพิธีใหญ่เต็มขั้น เพราะเชื่อกันว่า เมื่อสิ้นลมหายใจไปแล้ว วิญญาณบางดวงยังตั้งตัวไม่ได้ หรือยังตัดใจไม่ได้จากเรื่องราวทางโลก ยังเป็นห่วงอยู่ ยังวนเวียนในโลกหลังความตาย ระยะเวลาช่วงนี้ประมาณ 49 วัน และหลังจากนั้นวิญญาณจะต้องไปจุติตามพลังบุญกุศลหรืออกุศลของตนเอง แต่บางวิญญาณก็จะไปจุติเร็ว บางวิญญาณอาจจะรอญาติทำบุญอุทิศแล้วอนุโมทนาบุญจึงไปจุติในภพภูมิที่ดี บางดวงวิญญาณก็จุติเลยภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ แต่ละดวงวิญญาณจะใช้เวลาไม่แน่นอนในช่วงบาร์โด 49 วัน
ในทางพุทธศาสนาก่อนที่วิญญาณดวงใดจะไปจุติใหม่ มีตาทิพย์มองเห็นภพในอนาคตของตนเอง เช่นเกิดเป็นสัตว์อาจจะมองเห็นทุ่งหญ้าแล้วติดใจชอบ หรือเกิดเห็นภาพที่ตนไม่ชอบแล้วเกิดโทสะดูดเกิดในภพอสุระ เป็น เมื่อไปเกิดใหม่ก็จะได้รูปกายของกรรมใหม่ในภพใหม่ ดวงวิญญาณส่วนใหญ่จะ “ตั้งสติ” ระลึกรู้ไม่ได้ ไม่เหมือนตอนที่ยังเป็นมนุษย์ยังมีสติกำหนดรู้ตั้งสติได้ทัน เมื่อตั้งสติไม่ทันต่อ โลภ โกรธ หลง ก็จะไปจุติตามผลกรรมนั้นๆ ด่านหรือขั้นตอนที่จิตจะต้องผ่านเส้นทางของบาร์โดเพื่อการเปลี่ยนผ่านภพมีดังนี้
1. The Chikhai Bardo หรือ ประสบการณ์ภาวะแสงกระจ่าง หรือจิตดั้งเดิม (“the experience of the primordial or primary clear light.")
ด่านแรกที่เรียกว่า Chikhai Bardo จะมีระยะเวลาราว3-4 วัน และในขั้นตอนนี้ เมื่อผู้ตายกำลังหมดลมหายใจ ธาตุแตกสลายจะพบเจอประสบการณ์เห็นจิตอันบริสุทธิ์ของตนเอง เมื่อจิตกำลังจะออกจากร่าง เหมือนกับที่จิตก่อนจะนอนหลับ จิตจะรวมตัวเพื่อถอนจิตจากสัมผัสทางกายแต่มันเกิดเร็วมาก จนจิตปกติตามไม่ทัน คนส่วนใหญ่จะตามจิตที่รวมอย่างธรรมชาติในชีวิตประจำวันไม่ทัน เพราะสติไม่มีกำลังต่อเนื่องและไวพอๆกับความไวของจิต
ผู้ที่เคยผ่านการปฏิบัติภาวนาจะสามารถยืดสภาวะความสว่างไสวของแสงกระจ่างในขั้นแรกนี้ได้นาน แต่คนส่วนใหญ่จะเกิดเร็วจนตั้งหลักไม่ทันและภาวะแสงกระจ่างก็ได้ผ่านไป ภาวะของแสงกระจ่างเมื่อเราเข้าไปอยู่ในภาวะนั้น จะปราศจากอคติ ไม่ปรุงแต่งทางความคิด หรือยึดติดต่อสิ่งใด
2 The Chonyid Bardo หรือประสบการณ์แห่งเทพปางสันติและปางดุ บางแห่งแปลว่าปางพิโรธ (the experience of the peaceful and wrathful deities.)
หลังจากจิตจดจำจิตเดิมของตนเองไม่ได้ ก็จะผ่านภาวะแสงกระจ่างอย่างรวดเร็ว บางคนเกิดเป็นสายฟ้าแลบแล้วหายไป ก็จะมาเข้าขั้นตอนนี้ ด่านที่สองของบาร์โดเรียกว่า Chonyid Bardo
ตอนนี้กายวิญญาณถูกสร้างจากสัญญาเดิมเป็นรูปวิญญาณแล้ว กายวิญญาณสร้างมาจากกรรมที่ถักทอเอาไว้ เมื่อผู้ตายผ่านด่านนี้ จะพบเจอกับภาพนิมิตของ “เทพ(deities)ที่หลากหลาย” แปลกๆมากมาย ซึ่งเทพนิมิตเหล่านีล้วนสะท้อนประสบการณ์ชีวิตของราที่ผ่านมาว่าก้าวหน้าหรือถอยหลัง และในงานของพุทธทิเบต เทพนิมิตเหล่านี้มีความหมายหลายอย่างรวมถึงเป็นภาพของสัญลักษณ์ ที่สะท้อนจิตของผู้ตายเองที่ปรากฏฉายภาพหลังความตาย และภาพเทพนิมิตนี้ก็ปรากฏในภาพมันดาลาจำนวนมากของทิเบต ที่สะท้อนระดับจิตระดับสูงภายในที่ซ่อนอยู่ และนี่คือภาพที่สะท้อนกรรม อารมณ์ จิตใจ ธรรมะ ของตนเองในรูปแบบนิมิตต่างๆ และคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกฝึกให้จดจำหรือเข้าใจภาพนิมิตที่สร้างมาจากตนเอง ว่าเราควรจะรับมือกับนิมิตที่รุนแรงในด่านที่สองอย่างไร ในด่านนี้ เราจะพบเจอกับเทพหลากหลายมากายแบ่งเป็น 2 แบบดังนี้
- กลุ่มเทพปางสันติ (The Peaceful Deities) ประมาณช่วงวันที่ 4-11
- กลุ่มเทพปางดุพิโรธ ( The Wrathful Deities) ประมาณระหว่างช่วงวันที่ 12-19
3. The Sidpa Bardoหรือบาร์โดแห่งการเกิด
เมื่อผ่านบาร์โดสองด่านแรกแล้วผู้ตายก็ยังไม่ตระหนักทราบว่า จิตนี้เป็นพุทธะ ก็จะมาสู่ด่านสุดท้าย ด่านที่จะต้องไปเกิดใหม่ใน 6 ภพภูมิ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 20-49 วัน นี่เป็นด่านสุดท้ายที่จะบอกว่า เรากำลังจะกลับลงมาสู่สังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ในด่านนี้จะต้องได้รับการตัดสินพิพากษาจากพระยายมราช หรือทิเบตเรียกว่า “ธรรมราชา” เทพเจ้าแห่งความตาย ผู้ปกครองนรกทั้งปวง
แม้บาร์โดจะมี 49 วันประกอบ และด่านสุดท้ายช่วงเวลาระหว่าง 20-49 วัน แต่ประสบการณ์ของผู้ตาย เมื่อเข้าสู่ด่านนี้ก็จะทราบชะตากรรมตั้งแต่วันแรกๆว่า ผลของกรรมจะพาไปเกิดในภพภูมิใด และอีก 7 วัดสุดท้ายก็จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานที่จะไปจุติใหม่ และแล้วกระบวนการในบาร์โดระหว่างเปลี่ยนภพภูมิก็เสร็จสมบูรณ์
เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเข้าสู่บาร์โด
ในทางพุทธศาสนาจะถูกสอนให้เตรียมตัวตาย แต่ละนิกายก็อาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์เดียวกันเพื่อตั้งหลักมีสติ มีธรรมะในขณะที่จิตสิ้นลมให้ตั้งอยู่ในจิตที่เป็นกุศล ดังนั้นช่วงที่เรายังมีชีวิตอยู่ควรจะหมั่นเรียนรู้ ศึกษา ปฏิบัติ เตรียมตัวให้พร้อมในการเดินทางช่วงบาร์โด
1. เข้าใจเรื่อง กรรม ผลของกรรมในชาติที่แล้ว ภพภูมิ สังสารวัฏ
ชาวพุทธส่วนใหญ่จะเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมและผลของกรรมที่ผู้ทำจะต้องเป็นผู้รับผลของมัน และตราบใดที่ยังละอวิชชาไม่ได้ ตราบนั้นก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เพื่อไม่ให้พลาดพลั้งตกในภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์
ขณะที่ยังมีชีวิตหมั่นสร้างกุศลบ่อยๆ ภาวนาจนจิตสว่าง เห็นจิต เข้าใจการทำงานของจิตเมื่อโดนความคิดปรุงแต่งลากไป พัฒนาจิตใจไปยิ่งๆ ผลบุญกุศลที่สร้างเป็นบารมีหรือพลังปีติให้เรา ยามเข้าไปอยู่ในบาร์โด และอย่างน้อยก็ส่งผลให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีต่อไป เพื่อสร้างบารมีจนกว่าจะบรรลุธรรม
2. หาความรู้ เรื่องชีวิต ความตายและการเกิด.
ใครทีตายไปด้วยความหลง รับประกันได้ว่า จุดหมายปลายทางเป็นไปด้วยความมืดมิด นรก หรือสัตวเดรัจฉาน ผู้ที่เต็มไปด้วยความหลงนานาประการ แสดงว่าพวกเขาขาดการบ่มเพาะการตระหนักรู้แจ้งภายในอย่างมาก ขาดปัญญาอันเป็นแสงสว่างนำทางในบาร์โด เมื่อใดที่ผ่านบาร์โดแล้วเราตระหนักทราบว่ามันคือจิตที่ยึดติดหลงของเราด้วยปัญญา ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดี พาไปเกิดในสวรรค์
3. จิตที่เคยปฏิบัติภาวนา จนจิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส หรือความคิดปรุงแต่งมาบ้าง จิตที่เคยหัดทางกุศลบ่อยๆ
จาก http://wisdom-update.blogspot.com/2013/08/2.html
เตรียมตัวตาย
ตัณหานำไปเกิด
การตั้งจิตแบบโพธิสัตว์
บาร์โดแห่งการถือกำเนิด
บาร์โดแห่งชีวิต