ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2016, 08:32:35 pm »ใครที่คิดอยากฆ่าตัวตายใช้ชีวิตให้คุ้มค่าหรือยัง
ฆ่าตัวตายเค้าว่าจะต้องตามไปฆ่าตัวเอง อีก 500 ชาติ เคยมีเรื่องราวสมัยพุทธกาลเล่าว่า มีพระรูปหนึ่งจะมาลาพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่ศาสนา ก่อนไปพระพุทธเจ้าถามพระองค์นั้นว่า
ตถาคต -> ถ้ามีคนมาว่าท่านหละ
ภิกษุ --> เขามามาว่าเราก็ดีกว่าเขาเอาก้อนดินมาปา
ตถาคต --> ถ้าเขาเอาก้อนดินมาปาท่านหละ
ภิกษุ --> เขาเอาก้อนดินมาปาก็ดีกว่าเขาเอาไม้มาตี
ตถาคต --> ถ้าเอาไม้มาตีท่านหละ
ภิกษุ --> เขาเอาไม้มาตีก็ดีกว่าเขาเอามีดมาฟันให้บาดเจ็บ
ตถาคต --> ถ้าเขาทำให้ท่านบาดเจ็บหละ
ภิกษุ --> เขาทำให้บาดเจ็บก็ดีกว่าเขาฆ่าเราให้ตาย
ตถาคต --> ถ้าเขาฆ่าท่านให้ตายหละ
ภิกษุ--> เขาฆ่าเราให้ตายก็ดีกว่าเราฆ่าตัวตาย
<-- ถาม –->การฆ่าตัวตายถือเป็นปาณาติบาตหรือเปล่า ?
<--คำตอบ-->--->
การฆ่าตัวตายไม่ใช่ปาณาติบาต แต่เป็นอัตวินิบาตเป็นกรรมคนละอย่างปาณาติบาตคือปลงชีวิตสัตว์อื่นมีผลให้ชีวิตของสัตว์อื่นขาดก่อนถึงอายุขัย พรากสิทธิ์ในการมีชีวิตไปจากเขา โดยเฉพาะหากเขามีบุญมาก ก็เท่ากับตัดโอกาสเสวยสุขของเขาทิ้งทั้งยวงส่วนอัตวินิบาตคือการปลงชีวิตตนเอง มีผลให้ไม่ได้ใช้กรรมที่ควรใช้ก่อนถึงอายุขัย โดยเฉพาะหากมีบาปมาก ก็เท่ากับพยายามแหกคุกเพื่อหนีโทษด้วยทางลัดการไม่รอให้มีการล้างไพ่ใหม่ตามกาลจัดเป็นการตัดตอนสร้างปมยุ่งเหยิงขึ้นไม่ให้เป็นไปตามวิถีธรรมชาติกรรมวิบากเปรียบกับหนี้ก็ซับ
ซ้อนกว่าหนี้ชนิดไหน ๆ เนื่องจากการทบหนี้กรรมนั้นแตกต่างจากการทบต้นทบดอกของหนี้สินเงินทองมาก ถ้าคุณฆ่าคนมีบุญ โอกาสเสวยบุญของเขาที่ถูกตัดทิ้งย่อมสะท้อนกลับมาเป็นความหมดโอกาสเสวยบุญของคุณเช่นกัน คุณจะมีอายุมากในอัตภาพที่เป็นทุกข์ แต่จะมีอายุสั้นในอัตภาพที่เป็นสุขและถ้าฆ่าตัวเองขณะต้องใช้บาป การหนีโทษย่อมเป็นการเพิ่มโทษในตัวเอง ทุกข์ที่ยังไม่เสวยก็ต้องเสวยอยู่ดี
แถมพ่วงทุกข์อันเกิดจากการพยายามแหกคุกเข้าไปอีกกระทง นั่นคือแทนที่จะต้องทนทุกข์ในสภาพมนุษย์ตามเดิม ก็ต้องไปทนทุกข์ในสภาพเปรต สภาพเดรัจฉาน หรือสภาพสัตว์นรก ซึ่งเป็นอัตภาพที่แย่หนักเข้าไปใหญ่ข้อแตกต่างระหว่างปาณาติบาตกับอัตวินิบาตยังมีอีกมาก เช่น ปาณาติบาตมีผลในกาลต่อไปเป็นความโหดเหี้ยมของจิตใจ มีใบหน้าเหี้ยมเกรียมมีความเดือดร้อนเรื่องสุขภาพกาย อาจถูกรังแก อาจถูกฆ่าให้ตายก่อนวัยอันควร ส่วนอัตวินิบาตมีผลในกาลต่อไปเป็นความอ่อนแอทางใจมีใบหน้าเศร้าหมอง มีความเดือดร้อนเรื่องสุขภาพจิต คิดมากและ
น้อยใจเก่ง รู้สึกอ่อนแอ อยากตายด้วยเหตุบีบคั้นแค่ง่าย ๆ เป็นต้นการฆ่านั้น ไม่ว่าฆ่าผู้อื่นหรือฆ่าตนเอง ย่อมได้ชื่อว่าทำจิตให้เศร้าหมอง เมื่อจิตเศร้าหมองย่อมมีคติวิบัติเป็นที่หวัง แต่หากฆ่าตนเองโดยไม่มีจิตเศร้าหมอง ทำจิตให้ขาดจากอุปาทานว่าเป็นตัวตน อันนั้นพระพุทธเจ้าสรรเสริญ การสิ้นชีวิตขณะไร้อุปาทานไม่ถือเป็นบาปด้วยประการทั้งปวง ที่ทำอย่างนั้นได้ก็มีแต่ผู้ศึกษาธรรมจนเข้าใจ และปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงแล้วเท่านั้น