ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2016, 03:26:52 am »วิธีสั่งจิต ป้องกันป่วย ด้วยตัวคุณเอง
"ชีวิตของคนเราประกอบด้วยรูปพรรณ ส่วนของรูปก็คือ กาย ส่วนของนามคือ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
จะเห็นได้ว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ขึ้นอยู่กับนามถึง 4 ส่วน ซึ่งในทางพุทธศาสนาเรียกรวมกันว่า “จิต” ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคบอกไว้ว่า จิตและกายเป็นของคู่กัน แยกออกจากกันไม่ได้ เมื่อส่วนหนึ่งในห้าส่วนเสียหาย องค์รวมก็จะแตกสลายไปตามเหตุปัจจัย
จิตแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ จิตสำนึก กับจิตใต้สำนึกซึ่งเทียบได้กับวิถีจิตกับภวังคจิต และจตใต้สำนึกจะมีอิทธิพลต่อชีวิตถึง 90 เปอร์เซ็นต์
หนังสือ เดอะท็อปพาวเวอร์ ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดถึงกลไกการทำงานของจิตใต้สำนึก โดยจิตจะควบคุมร่างกายผ่านระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบฮอร์โมนเป็นสำคัญ แม้สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีจิตสำนึกอย่าเช่น สุนัข สุกร ช้าง ม้า วัว ควาย ก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้ เพราะการกำงานของจิตใต้สำนึก ซึ่งมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ระบบประสาทอัตโนมัติไม่อยู่ภายใต้อำนาจของจิตสำนึก ดังนั้นจิตใต้สำนึกจะมีอิทธิพลต่อระบบประสาทอัตโนมัติอย่างเต็มที่ และที่สำคัญของมนุษย์มีสองชนิด คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
ระบบประสาทซิมพาเทติกจะทำงานเมื่อเรามีอารมณ์เชิงลบตื่นเต้น ตกใจ เตรียมต่อสู้หรือหนี ทำให้หลอดเลือดหดตัว หัวใจเต้นรัว ความดันขึ้นสูง
ส่วนพาราซิมพาเทติกจะทำงานเมื่อเรารู้สึกสงบผ่อนคลาย มีสมาธิ มีอารมณ์เชิงบวก หัวใจเต้นช้าลง หลอดเลือดขยาย ความดันลด เมื่อระบบใดทำงาน อีกระบบจะปิดตัวลง
ฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน อินซูลิน เมลาโทนิน ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดความสุข ความรู้สึกสบาย ถูกกระตุ้นจากระบบประสาทพาราซิมพาเทติก และในทางตรงกันข้าม ฮอร์โมนอะดรีนาลินกลูคากอน คอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดถูกกระตุ้นโดยระบบประสาทซิมพาเทติก"
คุณหมอสมเป็นทันตแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน ท่านมีความสนใจเป็นพิเศษด้าน พระพุทธศาสนา และเมื่อนำทั้งสองศาสตร์มารวมกัน อธิบายปรากฏการณ์ของจิตใจ จึงน่าสนใจ กลายเป็นวิธีป้องกันความเจ็บป่วยได้ทางหนึ่ง
"วิธีการกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกวิธีหนึ่ง คือการกำหนดยุบหนอ พองหนอ หายใจเข้าท้องพอง หายใจออก ท้องยุบ กระบังลมที่ยกตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ ตามจังหวะการหายใจจะกระต้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกผ่านทางเส้นประสาทเส้นที่ 10 โดยเส้นประสาทเส้นนี้จะวิ่งจากสมองลงล่า ผ่านกระบังลมและเช้าควบคุมอวัยวะภายในเกือบทั้งหมด ซึ่งจะควบคุมอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย คือ หัวใจ ปอด หลอดลด กระเพราะ ลำไส้ ถุงน้ำดี ตับ และตับอ่อน ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า เกิดภาวะสงบ
เนื่องจากสังเกตการณ์เคลื่อนตัวของกระบังลมขณะหายใจได้ชัดเจนขณะท้องพองเมื่อหายใจเข้า และท้องยุบเมื่อหายใจออก การฝึกวิปัสสนากรรมฐานจึงมีผลพลอยได้คือ การกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกด้วย ดังนั้นการฝึกกำหนดพองหนอ ยุบหนอ (พองก่อนยุบ) จะได้ผลต่อการกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกมากกว่าการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกที่ปลายจมูก
นอกจากนั้นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ ก็สามารถกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก เช่น การเดินจงกรม ฝึกโยคะ ไทเก๊ก วูซู ฤาษีดัดตน ฯลฯ จะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมนฝ่ายบวกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรำกระบองของชีวจิตจึงทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างได้ผล เนื่องจากท่ารำกระบองได้ผสมผสานส่วนที่ดีที่สุดของท่าจากศาสตร์แขนงต่างๆ ร่วมกับหลักการทางศัลยศาสตร์กระดูกและข้อทางการแพทย์
การนอนหลับก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใต้สำนึกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขณะที่หลับ จิตสำนึกจะหยุดทำงาน ทำให้ระบบอัตโนมัติของร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ มีการหลั่งฮอร์โมนฝ่ายบวกออกมามากมาย เช่น เลปติน เทสทอสเทอโรน โกร๊ธฮอร์โมน เมลาโทนิน ฯลฯ
เลปติน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยสลายไขมันและทำให้รูปร่างดี ดังนั้นการนอนหลับให้สนิทก็สามารถลดความอ้วนได้โดยที่ไม่ต้องไปเข้าคอร์สใดๆ เลย เทสทอสเทอโรน ป้องกันโรคหลอดเลือดตีบ กล้ามเนื้อบลีบ โรคเบาหวาน โกร๊ธฮอร์โมน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและชะลอความชรา ส่วน เมลาโทนิน มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย ต่อสู้หรือป้องกัน โรคมะเร็ง ป้องกันโรคหลอดเลือดอุตัน โรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โรคหัวใจ
การนอนหลับให้สนิทระหว่างเจ็บป่วยจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะขณะหลับ กิเลสตัณหาจะหายไปชั่วขณะ ทำให้จิตใต้สำนึกได้ทำงาน แต่การใช้ยานอนหลับกลับเป็นผลเสีย เพราะยานอนหลับทุกชนิดมีคุณสมบัติกดการทานของสมอง ทำให้จิตไม่สามารถกระตุ้นสมองให้สร้างฮอร์โมนที่จำเป็นได้
เราไม่สามารถใช้จิตสำนึกไปบังคับระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมนให้ทำงานตามที่เราต้องการได้ เพราะระบบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกทั้งหมด แต่มีวิธีการดังที่กล่าวมาแล้วสำหรับการควบคุมระบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ อีก ได้แก่ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สร้างความเชื่อ ความศรัทธา การควบคุมอารมณ์ ฝึกลดกิเลส ตัณหา การคิดบวก การยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ การออกกำลังกายและการทำงานอดิเรก
สั่งจิตได้ก็ป้องกันความเจ็บป่วยได้ครับ"
จาก http://www.megazy.com/square/Cheewajit