ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2016, 01:23:55 pm »สาระจากเสวนาธรรมในวันนี้ โดยพระอาจารย์กุงกา ซังโป ริมโปเช 18 กันยายน 2556 บ้านมูลนิธิพันดารา
ปัญญาต้องเริ่มจากการฟัง ไปสู่การคิดใคร่ครวญ ไปจนถึงการทำสมาธิ ถ้าเราไม่อยากฟังธรรม ไม่อยากทำความเข้าใจเนื้อหาของพระธรรม แต่ทำสมาธิเลย เราจะเอาสิ่งใดไปทำสมาธิ พระอาจารย์สาเกียบัณฑิตกล่าวไว้ว่า เหมือนกับผู้ปีนเขาแต่ไม่มีมือ ก็ไม่สามารถปีนได้สำเร็จ
การเจริญปัญญาจึงต้องเริ่มด้วยการฟังเสมอ จากปัญญาสามขั้นตอนนี้ ริมโปเชได้โยงไปกับเรื่องบารมีหกของพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นการอธิบายอย่างลึกซึ้งถึงบารมีแต่ละประเภทซึ่งเปี่ยมไปด้วยข้อคิดทางธรรม ทานบารมีจะเป็นปัญญายิ่งใหญ่หากเราตั้งจิตโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ทำบุญเพราะอยากให้เราได้ดี ให้เราได้ร่างกายที่แข็งแรงโดยไม่คิดถึงผู้อื่น ท่านขอให้เราทำบุญโดยคำนึงถึงสรรพสัตว์ที่เคยเป็นพ่อแม่มาก่อน ขอให้ผลบุญของเราทำให้สัตว์เหล่านั้นประสบแต่ความสุขและหลุดพ้นจากความทุกข์ของสังสารวัฏ หากการให้ของเราทำด้วยจิตอันเปี่ยมด้วยปัญญา กิเลสในใจจะลดลงไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งจิตมนุษย์ปุถุชนของเราจะเหมือนกับจิตของพระพุทธเจ้าที่เปี่ยมไปด้วยปัญญากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
การรักษาศีลจะนำเราไปสู่สมาธิ เพราะศีลกำจัดกิเลสที่พอกพูนในจิตใจมาหลายภพชาติ ศีลปกป้องเราจากอบายภูมิ แต่ในฐานะที่เป็นผู้รักษาศีล เราต้องระมัดระวังที่จะไม่เย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองเป็นผู้ถือศีลจะมีสถานะที่ดีกว่าคนอื่น เมื่อเข้าใจประเด็นนี้ก็เท่ากับเข้าถึงปัญญาแห่งศีลบารมี
หลังพักอาหารเย็น ริมโปเชอธิบายบารมีทั้งหกจนจบ แล้วกล่าวถึงพระมัญชุศรี ผู้เป็นพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้า อานิสงส์ของการปฏิบัติบูชาพระองค์ ท่านย้ำว่า ศรัทธาเป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรมที่จะนำเราไปสู่หนทางแห่งการตรัสรู้ธรรม และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างเท่าเทียมกัน ไม่มีองค์ใดสำคัญหรือเก่งกว่าองค์ใด ในตอนสุดท้าย ริมโปเชฝากข้อคิดว่า กรุณากับปัญญาเป็นของคู่กัน บ่มเพาะปัญญาต้องไปพร้อมกับการบ่มเพาะกรุณา
จาก https://krisadawan.wordpress.com/page/2/