ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2016, 05:21:10 pm »



คำสอน 100 บท ของ ท่านปา ดัมพะ ซังเจ
(The Hundred Verses of Advice of Pa Dampa Sangye)

คำสอน 100 บทของท่านปา ดัมพะ ซังเจ (ปา แปลว่า พ่อ) นี้มีความน่าทึ่งในด้านความชัดเจน สั้นและลัดตรง ลงลึกถึงแก่นของธรรมะในพุทธศาสนาแบบวัชรยาน  เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาธรรม  จะได้อ่านและใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง  จะก่อให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว
 ท่านปา ดัมพะ ซังเจ ( ชื่อในอินเดียของท่านคือ ปรมพุทธะ) ท่านมาจากทางตอนใต้ของอินเดีย  และเดินทางไปทั่วทั้งอินเดีย ทิเบตและจีน  จนกระทั่งมรณภาพในราวปี ค.ศ.1117  มีความเชื่อกันว่าท่านปา ดัมพะ ซังเจ คือการกลับชาติมาเกิด (นิรมาณกาย: ตุลกู) ของ ท่านกมลศีลา พระภิกษุในศตวรรษที่ 8  ซึ่งเป็นผู้เผยแผ่ธรรมะวัชรยานในยุคแรกของทิเบต 


ภาพเมืองติงกริ ในปัจจุบัน


      เมื่อท่านปา ดัมพะ ซังเจ  มาถึงทิเบตนั้น  ท่านได้พบกับประชาชนในเขตเมืองที่ชื่อว่า ติงกริ (Tingri) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเทือกเขาเอฟเวอร์เรสทางฝั่งทิเบต  ชาวเมืองเชื่อฟังคำสอนของท่านเป็นอย่างดี  ท่านจึงพำนักและสร้างวัดที่นั่น

    คำสอนนี้แปลมาจากภาษาทิเบตเป็นภาษาอังกฤษ โดย John Canti , Padmakara Translation Group  และแปลเป็นภาษาไทยโดย ศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญาเมตตาและสันติสุข  โดยพยายามรักษาถ้อยคำและความหมายให้ตรงกับฉบับภาษาอังกฤษที่สุด  ร่วมกับการสืบค้นคำอธิบายเพิ่มเติมในศัพท์บางคำ

    ขอธรรมทานนี้ เป็นเครื่องบูชาแด่ องค์พระวัชรสัตว์  พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์  ท่านคุรุปัทมสัมภาวะ  พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  ท่าน ปา ดัมพะ ซังเจ รวมถึงครูอาจารย์ในทุกภพสภาวะ  และบิดามารดาในทุกภพชาติ

    ขอผู้ที่ได้รับรู้ในคำสอนนี้  ได้บรรลุถึงความพ้นทุกข์  และพบสุขอันไพบูลย์ ทุกท่าน เทอญ

โอม วัชระสัตวา หุม



บทนำ

ขอกราบสักการะแด่ครู!
เหล่านักปฏิบัติผู้โชคดีทั้งหลาย มารวมกันที่นี่  “ติงกริ”  จงฟัง!
ดังเช่น เสื้อผ้าที่เก่าขาดแล้ว  จะไม่อาจทำให้กลับมาใหม่ได้อีก,
จึงไม่มีประโยชน์ใดเลยที่จะพบหมอ เมื่อเธอป่วยหนักระยะสุดท้ายแล้ว;
เธอก็จะต้องไป
เรา มนุษย์หลายที่มีชีวิตบนโลกนี้  เป็นดั่งสายน้ำและแม่น้ำที่ไหลไปสู่มหาสมุทร-
ทุกชีวิตกำลังมุ่งตรงไปยังจุดหมายสุดท้ายหนึ่งเดียวกัน
และในเวลานี้  เหมือนนกน้อยที่โผบินออกจากยอดไม้
และฉันด้วย  ก็จะไม่อยู่ที่นี่นานนัก  ในไม่ช้าฉันก็จะไปเช่นกัน

1
ถ้าเธอใช้เวลาปัจจุบันอย่างไร้ความหมายและจากไปมือเปล่า;
ชาวติงกริ , ชีวิตมนุษย์ในกาลอนาคตก็ยากที่จะได้มาอีก

2
จงใช้ตัวเธอ ทั้งกาย วาจาและใจ  อุทิศแด่คำสอนอันศักดิ์สิทธิ์;
ชาวติงกริ, เป็นสิ่งดีที่สุดที่เธอจะทำได้

3
จงมอบชีวิตทั้งสิ้นของเธอ  ทั้งหัวใจและจิตวิญญาณ ต่อพระรัตนตรัย ;
ชาวติงกริ, การอำนวยพรนั้นก็จะบังเกิดขึ้น

4

จงลืมเสียซึ่งเป้าหมายอื่นในชีวิตนี้ของเธอ - จงจดจ่อกับชีวิตที่กำลังมาถึง; ชาวติงกริ,  นั้นคือเป้าหมายสูงสุด

5
ครอบครัวนั้นเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ดังฝูงชนที่มารวมตัวกันในตลาด;
ชาวติงกริ, จงอย่าถกเถียงหรือต่อสู้กัน

6
ความมั่งคั่งหรือความขาดแคลน, เป็นเหมือนมายากล, ที่จะดึงดูดและหลอกลวง;
ชาวติงกริ, อย่ายอมให้ปมเงื่อนของความโลภผูกมัดเธอ

7
ร่างกายนี้ เป็นเพียงถุงใส่ความสกปรกนานาเอาไว้;
ชาวติงกริ, อย่าหลงปรนเปรอหรือตกแต่งให้งดงามหมดจด

8
ครอบครัวและเพื่อนฝูง  ไม่ได้เป็นจริงไปกว่ามายากล;
ชาวติงกริ, ในความรักใคร่นั้น อย่าผูกมัดเธอให้ต่ำลง

9
ประเทศและดินแดน ก็เหมือนทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของผู้เร่ร่อน;
ชาวติงกริ, จงอย่ายึดติดและคลั่งไคล้

10
ดังเช่นพ่อแม่, ทุกชีวิตในภพภูมิทั้ง6 เคยเลี้ยงดูเธอมา;
ชาวติงกริ, จงอย่าเกี่ยวข้องกับเขาด้วยความคิดว่า “ ฉัน” และ “ ของฉัน”

11
ตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา, ความตายของเธอก็กำลังจะมาถึง;
ชาวติงกริ, จงจดจำว่า ไม่มีเวลาใดที่เธอจะว่างจากสิ่งนี้ได้เลย (การเดินหน้าสู่ความตาย)

12
โดยแท้จริงแล้ว ไม่มีความหลงผิดใดๆ, ทุกอย่างเป็นเพียงการปรากฎชั่วคราว;
ชาวติงกริ, จงมองไปที่ธรรมชาตินี้ของทุกสิ่งที่สร้างขึ้น

13
โดยปราศจากการวอกแวก จงนำตัวเธอสู่ธรรมะอันศักดิ์สิทธิ์;
ชาวติงกริ, หลังความตาย  ธรรมะนี้จะนำทางเธอไปบนเส้นทาง

14
สัจธรรมของเหตุและผล  ยืนยันว่าทุกการกระทำจะนำไปสู่ผลลัพธ์อย่างเต็มที่;
ชาวติงกริ, จงหลีกเลี่ยงทุกการกระทำที่เป็นลบและบาป

15
จงวางทุกการกระทำไว้เบื้องหลัง ดังเรื่องราวในความฝัน;
ชาวติงกริ, โดยใช้ “ การไม่กระทำ” ในการฝึกฝนจิต

16
ทุกสิ่งใดที่เธอรู้สึกยึดติดอยู่ , ปล่อยวางเสีย, ไม่ว่าอะไรก็ตาม;
ชาวติงกริ,  ไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอจะต้องการจริงๆ

17
เพราะเธอจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้ตลอดไป;
ชาวติงกริ, จงเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเสียแต่ตอนนี้

18
ถ้าจะต้องรอให้เธอสำเร็จในสิ่งที่ต้องการทำก่อน, เธอจะไม่มีทางเข้าถึงธรรมะ;
ชาวติงกริ, ขณะที่เธอกำลังคิดถึงอยู่นี้, จงฝึกฝนในทันที

19
เมื่ออยู่ในป่า, เหล่าลิงทั้งหลายอาจจะอยู่ได้อย่างง่ายดายและมีความสุข;
ชาวติงกริ, แต่ที่ตรงชายป่านั้น ไฟป่ากำลังมอดไหม้ใกล้เข้ามาจากทุกทิศทาง

20
การเกิด การป่วย การแก่ และการตาย หลั่งไหลเข้ามา, ดังแม่น้ำ ที่ไม่มีที่ตื้นให้ยืนและสะพานให้เกาะ;  ชาวติงกริ, เธอได้เตรียมเรือไว้แล้วหรือยัง?

21
ในช่องทางเดินที่แคบของการเกิด การตาย และหลังความตาย
โจรร้ายเฝ้ารออยู่ - คือพิษร้ายของอารมณ์ทั้ง 5 -  จะลอบโจมตีเธออย่างแน่นอน;
ชาวติงกริ, จงหาครูให้กับตัวเองเพื่อเป็นเพื่อนเดินทาง

22
ครู จะเป็นที่พึ่งให้ได้อย่างไม่ผิดหวังให้กับเธอ;
ชาวติงกริ, จงวางท่านไว้บนศีรษะของเธอและนำท่านไปด้วยตลอดเวลา

23
ถ้าครูคือผู้ปกป้องคุ้มครองให้กับเธอแล้ว;
ชาวติงกริ, จงบ่มเพาะการอุทิศตน เป็นดั่งค่าเดินทาง

24
ผู้ใดได้ความมั่งคั่ง ผู้นั้นย่อมได้ความทุกข์ด้วย;
ชาวติงกริ, จงให้ทานโดยปราศจากความตระหนี่

25
ผู้ใดมีอำนาจ ก็มักกระทำสิ่งที่เป็นบาปด้วย;
ชาวติงกริ, จงละเว้นความปรารถนาในตำแหน่งและอำนาจ

26
ผู้ที่มีตำแหน่งและร่ำรวย ไม่เคยมีความสุขและสบายเลย;
ชาวติงกริ,  เขาพร้อมที่จะตะกายหน้าอกของเธอด้วยความโกรธ

27
ในโลกหน้า, จะไม่มีทั้งครอบครัวและเพื่อน;
ชาวติงกริ, จงวางใจเชื่อมั่นทั้งหมดในธรรมะ

28
หากว่าเธอหลงระเริงไปในสิ่งบันเทิงใจ, เธอจะเสียอิสรภาพและโอกาสในชีวิตมนุษย์; ชาวติงกริ, จงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวนับแต่บัดนี้

29
เพราะเมื่อเธอหลงอยู่กับสิ่งบันเทิงใจนั้น, ปีศาจแห่งความตายจะจับเธอไว้;
ชาวติงกริ, จงเริ่มฝึกฝนเสียแต่ตอนนี้ไป

30
เมื่อใดหรือที่ปีศาจแห่งความตายจะปรากฎ? มันไม่ง่ายเลยที่จะบอกได้;
ชาวติงกริ, จงตั้งความระมัดระวังตั้งแต่เดี๋ยวนี้

31
ในวันที่เธอตาย, จะไม่มีใครเลยที่จะปกป้องเธอได้;
ชาวติงกริ, จงพร้อมที่จะมีตัวเธอเองเพียงลำพัง

32
เมื่อเธอได้พิจารณาความตาย, ไม่มีสิ่งใดอีกเลยที่เธอจะต้องการ;
ชาวติงกริ, จงระลึกถึงความตายไว้เสมอๆ

33
ดังเช่นเงาที่ทอดยาวเมื่อดวงอาทิตย์กำลังอัสดง
ปีศาจแห่งความตายเคลื่อนเข้าใกล้โดยไม่รั้งรอ;
ชาวติงกริ, เร็วเข้า! รีบหนีไปจากเขา

34
ดอกไม้ที่บานสะพรั่งงดงามในยามเช้า จะร่วงหล่นไปในยามค่ำคืน;
ชาวติงกริ, อย่าฝากความหวังใดไว้กับร่างกายนี้

35
แม้จะดูคล้ายคลึงกัน, ตอนยังมีชีวิต, ลูกหลานของทวยเทพทั้งหลาย
แต่เมื่อตาย เธอจะหวาดกลัวทวยเทพยิ่งกว่าเหล่าฝูงปีศาจ;
ชาวติงกริ, เธอนั้นถูกหลอกลวงโดยร่างแห่งมายาเหล่านี้
[ เป็นคำสอนในระยะบาร์โด : อ่านเพิ่มที่ คัมภีร์มรณศาสตร์ของทิเบต คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งทิเบต]

36
ดังผู้มาเยือนในตลาด, เมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้นลง  พรุ่งนี้ก็ต้องจากลากันไป;
ชาวติงกริ,  เพื่อนทั้งหลายก็ต้องจากเธอไปอย่างแน่นอน

37
ดังหุ่นไล่กา ที่ตื่นขึ้นด้วยเวทมนตร์ ก็ต้องล้มลงในที่สุด;
ชาวติงกริ, จงกระทำเดี๋ยวนี้เพื่อเชื่อมโยงผลเข้ากับเหตุ [เหตุแห่งการหลุดพ้นจากมายาของชีวิต]

38
แน่นอนว่า นกแร้งในใจเธอก็ต้องบินจากไปในวันหนึ่ง;
ชาวติงกริ, ตอนนี้คือเวลาที่จะต้องทะยานขึ้นไปให้สูง
[ ในทิเบต นกแร้งพบเห็นได้ทั่วไป  หมายถึงความสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้า  เปรียบว่าวันหนึ่งสมรรถภาพทางใจก็ย่อมจะถดถอยไป]

39
ทุกชีวิตในภพภูมิทั้ง6 นี้ ได้เคยเป็นพ่อแม่เลี้ยงดูเธอมา;
ชาวติงกริ,  จงบ่มเพาะความรักเมตตาและกรุณาต่อพวกเขา

40
การเกลียดชังศัตรู เป็นเพียงภาพลวงตาของสังสารวัฏฏ์, เนื่องจากมีกรรมต่อกันมา; ชาวติงกริ, จงแปรเปลี่ยนความเกลียดชังและจิตที่เป็นปรปักษ์นั้น

41
การก้มกราบและเดินเวียนช่วยขจัดอุปสรรคทางกาย;
ชาวติงกริ, จงละเว้นเสียจากทุกการงานทางโลก

42
การสวดภาวนาและขอสรณะที่พึ่งช่วยขจัดอุปสรรคทางวาจา;
ชาวติงกริ, จงละเว้นการพูดคุยสัพเพเหระ

43
จงอุทิศด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม ช่วยขจัดนิสัยเดิมๆของจิตใจ;
ชาวติงกริ, จงภาวนาครูไว้บนศีรษะของเธอ

44
เนื้อและกระดูกของเธอยึดโยงด้วยกันจนเป็นรูปกาย แต่ในที่สุดก็ต้องแยกจากกันอย่างแน่นอน; ชาวติงกริ, อย่าเชื่อว่าเธอจะอยู่ไปได้ตลอดกาล

45
มองดูไปทุกที่ทุกแห่ง, แม้เหมือนเป็นแผ่นดินที่ดำรงอยู่ได้อย่างคงที่นั้น;
ชาวติงกริ, มีที่ใดบ้างไม่เปลี่ยนแปลง

46
จงเบิกบานกับความร่ำรวยอันเลิศ, คือขุมสมบัติของธรรมชาติแท้ในจิตใจ;
ชาวติงกริ, เป็นสิ่งที่จะไม่ลดลงเลย

47
จงได้ลิ้มรสอาหารอันเลิศ, คือรสชาติยอดเยี่ยมของสมาธิ;
ชาวติงกริ, จะระงับซึ่งความเจ็บปวดและความหิวโหยได้

48
จงดื่มกลืนเครื่องดื่มอันเลิศ, คือน้ำอมฤตแห่งความมีสติ;
ชาวติงกริ, ซึ่งหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดตอน

49
วางใจอยู่กับมิตรอันเลิศ, คือจิตเดิมแท้;
ชาวติงกริ, ที่เธอไม่เคยแยกจากสิ่งนั้น

50
จงแสวงหาทายาทอันเลิศ, จิตผู้รู้อันบริสุทธิ์ไร้เดียงสา;
ชาวติงกริ,  อันซึ่งไม่มีเกิดและไม่มีตาย

51
ในสุญญตาภาวะ, ด้วยด้ามทวนแห่งสติที่หมุนวนอยู่;
ชาวติงกริ, เป็นมุมมองซึ่งอิสระจากการยึดติดใดๆทั้งหมด

52
ในภาวะที่ปราศจากความนึกคิด, ปราศจากการวอกแวก ละวางแม้ผู้เฝ้าดู;
ชาวติงกริ, สมาธิเช่นนี้เป็นอิสระจากความหม่นมัวและความความตื่นตัว

53
ในภาวะของความเป็นไปเองตามธรรมชาติ, จงฝึกที่จะอิสระจากการเข้าไปถือครอง; ชาวติงกริ, ในการกระทำนั้น ไม่มีสิ่งใดจะละทิ้งหรือรับเอาไว้

54
กายทั้ง 4 , ไม่อาจแบ่งแยก, มีพร้อมสมบูรณ์อยู่แล้วในใจเธอ;
ชาวติงกริ, ผลนั้นอยู่พ้นไปจากการคาดหวังและการสงสัย
(กายทั้ง 4 คือ ธรรมกาย สัมโภคกาย นิรมาณกาย และ สวภาวิกะกาย)

55
รากของสังสารวัฏฏ์และนิพพาน หาพบได้ในจิตใจของเธอ;
ชาวติงกริ, จิตเดิมนั้นเป็นอิสระจากความจริงใดๆ (ที่ถูกบัญญัติขึ้น)

56
ความปรารถนาและความเกลียดชังเมื่อปรากฏ, ดังฝูงนกที่บินไป โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ ; ชาวติงกริ, ในการทำสมาธิ จงเป็นอิสระจากการยึดครองประสบการณ์

57
ธรรมกายอันไร้กำเนิด เป็นดั่งใจกลางของดวงอาทิตย์;
ชาวติงกริ, จึงไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของรัศมีอันใสกระจ่าง

58
ความคิดมาแล้วก็ไป เหมือนกับหัวขโมยในบ้านที่ว่างเปล่า;
ชาวติงกริ, โดยความจริงแล้วจึงไม่มีอะไรที่ได้มาหรือเสียไป

59
การรับรู้สัมผัส ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆไว้, เหมือนดังการขีดเขียนลงบนผิวน้ำ;
ชาวติงกริ, จงอย่าไปเติมแต่งมายาภาพที่ปรากฏนั้น

60
ความคิดยึดติดและชิงชังสิ่งใดๆ, เหมือนกับสายรุ้งในท้องฟ้า;
ชาวติงกริ, ไม่มีอะไรที่จะจับต้องหรือเกาะกุมไว้ได้

61
การเคลื่อนไหวของจิตใจสลายหายไปด้วยตัวเอง, เหมือนกับเมฆบนท้องฟ้า;
ชาวติงกริ, ในจิตใจนั้นปราศจากจุดอ้างอิงใดๆ

62
โดยปราศจากการยึดโยงไว้, ความคิดจะเป็นอิสระด้วยตัวเอง ดังเช่นสายลม;
ชาวติงกริ, ที่ไม่เคยยึดเกาะอะไรเลย

63
จิตรู้บริสุทธิ์ ปราศจากการยึดติดกับอะไร, เหมือนดังสายรุ้งบนท้องฟ้า;
ชาวติงกริ, ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นโดยไม่มีอะไรขัดขวางได้

64
ความเข้าใจแจ้งธรรมชาติอันสมบูรณ์นี้  เหมือนความฝันของคนใบ้;
ชาวติงกริ, ไม่มีคำพูดใดที่จะอธิบายได้

65
ความเข้าใจแจ้ง เหมือนดั่งความเบิกบานของหญิงสาวรุ่นพรหมจรรย์;
ชาวติงกริ, ความหฤหรรษ์และปีติสุขนั้นไม่อาจพรรณนาได้

66
ความใสกระจ่างและความว่างที่รวมกันนั้น เป็นดังเงาของพระจันทร์ในสายน้ำ;
ชาวติงกริ, จึงไม่มีสิ่งใดจะต้องยึดติด และไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางได้

67
สิ่งที่ปรากฏและความว่าง ไม่อาจแยกจากกัน  ดังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า;
ชาวติงกริ; จิตใจนั้นปราศจากศูนย์กลางและขอบรอบนอก

68
จิตที่ปราศจากความคิดและไม่ซัดส่าย เหมือนดังกระจกเงาที่สะท้อนความงาม;
ชาวติงกริ , มันเป็นอิสระจากหลักการและทฤษฎีใดๆ

69
จิตรู้และความว่าง ไม่แยกจากกัน เหมือนดังภาพสะท้อนในกระจกเงา;
ชาวติงริ, ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นั่นหรือดับลงไป
[ธรรมชาติของจิตเดิมแท้ ประภัสสร และสามารถสะท้อนทุกสิ่งออกมาเป็นปรากฏการณ์ทั้งรูปและนาม เป็นคำสอนในอติโยคะ : ซกเช็น)

70
ปีติสุขและความว่างก็ไม่แยกจากกัน เหมือนดังแสงแดดที่ส่องเป็นประกายบนหิมะ;  ชาวติงกริ, ไม่มีสิ่งใดที่นั่นจะเกาะกุมไว้

71
คำพูดหลอกลวงจะจางหายไปไร้ร่องรอย  เหมือนเสียงก้องกังวาน;
ชาวติงกริ; ในเสียงนั้นไม่มีสิ่งใดให้จับต้องได้
72
ความสุขและความทุกข์  ผ่านกลไกเหมือนเสียงของลูท ( เครื่องดนตรีโปราณ คล้ายกีต้าร์) ด้วยตัวเครื่องและสาย;  ชาวติงกริ, เกิดจากการกระทำที่รวมเงื่อนไขจำเป็นเข้าด้วยกัน

73
ความเป็นอิสระตามธรรมชาติ ทั้งในสังสารวัฏฏ์และนิพพานเป็นเหมือนการละเล่นของเด็ก; ชาวติงกริ, คือการมีจิตที่ปราศจากความมุ่งหมายใด

74
ความนึกคิดต่อโลกภายนอกนั้น  มาจากสภาพจิตใจภายใน;
ชาวติงกริ, จงปล่อยให้ก้อนน้ำแข็งละลายไปเป็นน้ำ
[คือปล่อยให้ความนึกคิดนั้นสลายไปด้วยตัวเอง เหมือนที่ก้อนน้ำแข็งละลายเป็นน้ำได้เอง  ไม่ต้องไปนึกคิดปรุงแต่ง ]

75
กลไกของอวิชชา เป็นเหมือนการขยายของทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ผลิ;
ชาวติงกริ,  มันไม่สามารถหยุดยั้งหรือขัดขวางได้

76
ความหลงว่ามีสังสารวัฏฏ์และนิพพาน เหมือนเธอเผชิญหน้ากับศัตรู;
ชาวติงกริ, จงปฏิบัติดังว่าเป็นพันธมิตรด้วยคุณธรรม
[ สังสารวัฏฏ์และนิพพาน ไม่ต่างกัน  จึงไม่มีการบรรลุ  ทุกสิ่งนั้นเป็นรสเดียวกัน : เอกรส  และไม่ต้องโกรธหงุดหงิดเมื่อหลงไป  แต่ให้เข้าใจด้วยปัญญาและกรุณา]

77
ความกระจ่างใสตามธรรมชาติของกายทั้ง 5 ( ธรรมกาย สัมโภคกาย นิรมาณกาย  วัชรกาย  อภิสัมโพธิกาย) เหมือนดังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมดินแดนทวีปทองคำไว้;
ชาวติงกริ, ไม่มีทั้งความหวังและความสงสัย การยึดติดหรือการรังเกียจ

78
ด้วยความเป็นอิสระและข้อได้เปรียบ  ชีวิตมนุษย์เป็นดังเกาะมหาสมบัติ;
ชาวติงกริ, จงอย่าล้มเหลวกลับมาแบบมือเปล่า

79
การปฏิบัติในวิถีมหายาน เป็นเหมือนดังเพชรมณีสมปรารถนา;
ชาวติงกริ, ไม่ว่าเธอจะค้นหาอย่างหนักเพียงใด  มันเป็นการยากที่จะได้กลับมาพบอีก

80
สำหรับชีวิตนี้  ได้มาเพียงนี้  มีอาหารและเสื้อผ้าอย่างเพียงพอแล้ว;
ชาวติงกริ, ใช้ทุกสิ่งที่เธอมีในการปฏิบัติธรรม

81
เมื่อเธอยังอายุน้อย  จงฝึกฝนอย่างหนักและเคร่งครัด;
ชาวติงกริ, ตอนที่เธอแก่สภาพร่างกายจักไม่อาจทานทนได้

82
เมื่ออารมณ์ใดเกิดขึ้น  จงนำยาแก้พิษมาใช้;
ชาวติงกริ, ด้วยการเป็นอิสระจากการนึกคิดต่ออารมณ์นั้น
[ให้รู้เฉยๆ]

83
ให้ระลึกอยู่เสมอๆ ถึงความบกพร่องของสังสารวัฏฏ์;
ชาวติงกริ, จะช่วยให้ความศรัทธาของเธอชัดเจนยิ่งขึ้น

84
ในเวลานี้  จงสร้างความเพียรและจุดยืนที่มั่นคง;
ชาวติงกริ, เมื่อเธอตาย สิ่งนี้จะนำทางเธอไปบนเส้นทาง

85
ถ้าเธอยังไม่เป็นอิสระตอนนี้  แล้วเมื่อไรเธอจึงจะได้ความอิสระเล่า;
ชาวติงกริ, โอกาสที่จะได้กิน มีมาเพียงหนึ่งในร้อยครั้งเท่านั้น
[ในสภาวะขาดแคลนอดอยาก  เป็นการยากที่จะหาอาหารมากินได้  ดังนั้นตอนนี้มีโอกาสแล้วอย่าปล่อยให้เสียไป]

86
ชีวิตเป็นสิ่งชั่วคราวนัก  เหมือนดังหยดน้ำบนยอดหญ้า;
ชาวติงกริ, อย่าอยู่แบบเกียจคร้านและไม่สนใจ

87
จากที่ที่เธออยู่ในเวลานี้  หากเธอสูญเสียจุดยืน;
ชาวติงกริ, มันเป็นการยากที่จะได้พบชีวิตมนุษย์อีกครั้ง

88
คำสอนของพระพุทธองค์  เป็นเหมือนดังแสงดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหมู่เมฆ;
ชาวติงกริ,  ตอนนี้เป็นเวลาที่แสงนั้นได้ปรากฏแล้ว

89
เธอได้พูดสิ่งที่ชาญฉลาดกับผู้คน  แต่กลับไม่ใช้กับตัวเอง;
ชาวติงกริ, ความผิดพลาดในตัวเธอนั้นจึงต้องเปิดเผยออกมา

90
เมื่อศรัทธาของเธอพ่ายแพ้ต่อสถานการณ์   มันก็แค่หลุดหลงไปเพียงสั้นๆ;
ชาวติงกริ, จงใคร่ครวญถึงความไม่สมบูรณ์ของสังสารวัฏฏ์
91
ไปกับเพื่อนชั่ว  จะทำให้ความประพฤติของเธอชั่วด้วย;
ชาวติงกริ, จงละทิ้งมิตรภาพที่เป็นลบ

92
ไปกับเพื่อนที่มีคุณธรรม  จะทำให้ความประพฤติดีเพิ่มชึ้น;
ชาวติงกริ, จงเดินตามครูทางจิตวิญญาณของเธอ

93
การโกหกและหลอกลวง ไม่เพียงหลอกผู้อื่นเท่านั้น  แต่ก็ตัวเธอเองด้วย;
ชาวติงกริ,  จงเป็นพยานให้กับมโนธรรมของเธอเอง

94
ความหลงผิดเกิดจากอวิชชา เป็นปีศาจแห่งหายนะที่เลวร้ายที่สุด;
ชาวติงกริ, จงยึดมั่นอยู่กับการเฝ้าระวังและการมีสติ

95
ถ้าเธอไม่ถือครองพิษทั้ง 3 หรือ 5 [ ความอยาก ความเกลียดชัง อวิชชา ความอิจฉาริษยา  ความทะนงตัว] เส้นทางก็ใกล้เข้ามา;  ชาวติงกริ, จงสร้างยาแก้ที่ทรงพลังต่อมัน

96
ถ้าความพากเพียรของเธอไม่มีพลัง  เธอจะไปไม่ถึงความเป็นพุทธะ;
ชาวติงกริ, ทำให้แน่ใจว่าเธอได้สวมเสื้อเกราะแล้ว [เสื้อเกราะของนักรบ สร้างฮึกเหิมเชื่อมั่น]

97
นิสัยความเคยชิน  ความคุ้นเคยเดิม  ชอบย้อนกลับมาเสมอๆ;
ชาวติงกริ, จงอย่าเดินตามอดีต

98
หากความเข้าใจและการรู้แจ้งยังอ่อนกำลัง  จงสวดภาวนาถึงพระพุทธเจ้า;
ชาวติงกริ,  แล้วสมาธิล้ำลึกจะบังเกิดในเธอ

99

ถ้าเธอต้องการความสุขในอนาคต  จงยอมรับที่จะทดลองทำในเวลานี้;
ชาวติงกริ, พุทธะ นั้นอยู่ที่นี่ ข้างกายเธอแล้ว

100
ครูอินเดียเฒ่าผู้นี้ จะไม่ได้อยู่ที่ติงกริแล้ว  เขาก็ต้องจากไป;
ชาวติงกริ, เธอต้องทำให้ความสงสัยที่มีนั้นหมดสิ้นลงไป

101
ตัวฉันเองได้ฝึกฝนมา โดยปราศจากการวอกแวกใดๆ;
ชาวติงกริ, เธอก็ด้วย จงทำตามตัวอย่างนี้


** โอม มานี เปเม หุง **

จาก http://www.anamcarathai.com/2012/02/100.html#more