ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2016, 09:23:09 pm »อานิสงส์ของมหาสติปัฏฐาน
การปฏิบัติธรรมในหลักมหาสติปัฏฐาน เป็น วิชาสูงสุดของพระพุทธศาสนาหลวงปู่ถ่ายทอด ให้แก่พวกเธอด้วยใจอารี เพื่อให้พวกเธอนำไปทำให้มีสาระ ทำตัวให้อยู่รอดปลอดภัย เป็นคน ฉลาด องอาจ สามารถ สง่างาม ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยการทำถูก พูดถูกและคิดถูก ไม่ตกเป็น ทาสของความโง่เขลา
การศึกษามหาสติปัฏฐานสูตร แม้พวกเธอบางคนอาจฟังแล้วยังไม่รู้เรื่อง ขอเพียงตั้งใจฟัง ( ตั้งใจอ่าน ) อานิสงส์ของมันก็นำพาเราไป ตายไปแล้ว ๗ ชาติ ไม่มีโอกาสโง่เลย ไม่ว่า เราจะไปอยู่ในที่ใด ภพใด ชาติใหน ใครก็หลอกเราไม่ได้ เพราะเราเคยฟังอบรมมหาสติ ปัฏฐานมา
นี่ย่อมหมายความว่า มหาสติปัฏฐานเป็นคุณสมบัติของคนฉลาด ของสัตบุรุษ ของมหาบุรุษ ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคุณสมบัติของเอกสตรี ของสตรีผู้เจริญ เป็นคุณสมบัติของเอกบุรุษ ผู้องอาจ แกล้วกล้า เพราะฉะนั้น การได้สดับมหาสติปัฏฐานสูตร นอกจากจะมีอานิสงส์ให้กลายเป็น คนชาญฉลาด องอาจ สามารถแล้ว ยังมีผลส่งให้เรากลายเป็นผู้มีสติตั้งมั่น รอบรู้สภาวะตาม ความเป็นจริง มีวิธีบริหารการจัดการชีวิตได้อย่างเจริญ ประเสริฐ งามพร้อมและรุ่งเรือง นอกจากนี้ชีวิตและจิตวิญญาณของผู้นั้น ยังได้รับการปลดปล่อยจากการทำผิด คิดผิด พูดผิด อีกด้วย ทำให้ชีวิตเรามีแต่ความสง่างาม สวยงาม แถมยังช่วยขับไล่โรคร้ายที่เกิดจากใจเราได้อีกด้วย
มหาสติปัฏฐานของผู้มีสติตั้งมั่นจึงเป็นยารักษาโรคใจ โรคใด ๆ ที่เกิดจากใจ ไม่ว่าจะเป็น ราคะ โทสะ โมหะ หรือการตกเป็นทาส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ถ้ามียาชนิดนี้แล้ว มันจะช่วยผ่อน คลายได้ ถึงแม้สำหรับบางคนอาจจะยังรักษาไม่ได้เด็ดขาด แต่ก็ยังทำให้สบายขึ้นได้ อยู่เป็นสุข ขึ้นได้
ในช่วงเวลาที่พวกเธอมารับการถ่ายทอดมหาสติปัฏฐานจากหลวงปู่นี้ พวกเธอจงรู้ไว้ด้วยเถิดว่า พวกเธอได้บำเพ็ญครบทั้ง เนกขัมมะ ขันติ อธิษฐาน สัจจะ วิริยะ เมตตา ศีล ทาน อุเบกขา และปัญญา คือครบทั้งทศบารมีเลยทีเดียว บารมีเหล่านี้เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ผู้คนปวงชน ทั้งหลายเข้าถึง วิถีพุทธทำให้มนุษย์ธรรมดาที่เดินดินก็กลายเป็นพระพุทธะได้ กลายเป็นพระ อริยะได้ กลายเป็นพระโพธิสัตว์ได้ กลายเป็นผู้วิเศษได้ กลายเป็นผู้ประเสริฐได้ กลายเป็นพรหม เป็นเทวดาผู้เจริญด้วยฤทธิ์ บุญญาภินิหารได้ ก็เพราะมีบารมี ๑o อย่าง หรือทศบารมีนี้
ทศบารมีทั้งหลายที่พวกเธอร่วมกันทำขึ้นมานี้ มันเป็นบารมีแห่งชัยชนะ พลัง อำนาจ ตบะ ความสำเร็จ ปัญญา ทรัพย์ ลาภ กำลัง และความสุขของพระพุทธะ หลวงปู่จึงอยากจะบอก พวกเธอว่า อย่าไปเสื่อมถอยศรัทธาพร้อมด้วยปัญญาที่จะสร้างบารมีเลย
ก่อนจากกัน หลวงปู่ขออำลาพวกเธอด้วยวิถีทางแห่งพุทธว่า
" เมล็ดพืชแห่งพุทธะ ข้าได้หว่านลงไปในเนื้อนาบุญและนาใจของพวกท่านทั้งหลายแล้ว หน้าที่ ของพวกท่านคือดูแล รักษา รดน้ำ พรวนดิน ให้เมล็ดพืชนี้แตกกระเปาะ ตั้งลำต้น ผลิใบออกดอก ยืนหยัดตระหง่าน และสร้างผลใบให้เป็นที่พึ่งพาอาศัยของชนทั้งทั้งหลายในโลก และจักรวาลได้ ... จิตวิญญาณของพระพุทธะ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธะ อำนาจและพลังของพระพุทธะ ความรู้ ความสามารถและปัญญาญาณของพระพุทธะล้วนอยู่ในเมล็ดพืชนี้ อยู่ในลำต้นโพธิ์ เพราะฉะนั้น เมื่อเมล็ดพืชและต้นแห่งโพธิ์มันเจริญงอกงามอยู่ในวิญญาณของพวกท่านแล้ว ก็แสดงว่า พวกท่าน ทั้งหลายต้องทำตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนได้ และก็เป็นที่พึ่งแก่คนชนทั้งหลายได้ ... ความอาทร ความ การุณย์ ความหวังดี ความเมตตา ความอนุเคราะห์เกื้อกูล นี่คือกลิ่นอายของพระพุทธะ คือวิญญาณ ของพระพุทธะ คือคุณสมบัติพิเศษของพระพุทธะ ทั้งหมดเป็นวิถีญาณ วิถีธรรม และเป็นพุทธวิถี เป็นพุทธอุบาย และเป็นพุทธธรรม อันเป็นธรรมที่ยังให้สัตว์ทั้งปวงเป็นพระพุทธะ และยังเป็น โพธิญาณ เป็นโพธิปัญญา เป็นโพธิศรัทธา ที่เกิดจากโพธิจิต ขอโพธิทั้งหลายที่มีอยู่ในสามโลก และในอนันตจักรวาล จงเบ่งบาน งอกงาม ไพบูลย์ ให้ลูกหลานของข้าจงสำเร็จลุล่วง และเจริญ ด้วยอำนาจ พลัง ตบะ ชัยชนะ ความสำเร็จ ทรัพย์ ลาภ กำลัง ความสุข ทุกทิวาราตรีกาลเทอญ "
จาก วัชรเซน บทสุดท้าย ชื่อ พุทธะธรรม ของหลวงปู่พุทธอิสระ
http://www.sookjai.com/index.php?topic=136.0#quickreply