ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2016, 09:51:50 pm »



<a href="https://www.youtube.com/v/nCiiJNnkLE8" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/nCiiJNnkLE8</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/olVkjd1XtTE" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/olVkjd1XtTE</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/7ePwEd4Uhvs" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/7ePwEd4Uhvs</a>


..แล้วก็จงจำไว้ด้วยว่ามันไม่ใช่แต่ขันธ์ 5 ของฉัน แม้แต่ขันธ์ 5ของเธอ ก็เหมือนกัน ขันธ์ 5ของคนอื่นใด ๆ ในโลกก็เหมือนกัน แม้วัตถุต่าง ๆ ที่เป็นธาตุ 4 คือ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุเหล็ก ตึก บ้านช่อง วัตถุแข็ง อ่อน อากาศคือ ธาตุลม ก็เหมือนกัน มันไม่ใช่ฐานที่ตั้งของความสุข มันเป็นฐานที่ตั้งแห่งความทุกข์ มันไม่มีสภาพทรงตัว ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนในที่สุดมันก็สลายตัว ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า อนัตตา

ความจริงฉันไม่มีอะไรวิเศษเลย ขันธ์ 5 ของฉันมันก็เลว มันจะพังสลาย สภาพร่างกายก็ไม่ดี ความจำก็ไม่ดี อะไรก็ไม่ดี ทุกอย่างมันหาความดีอะไรไม่ได้

ตราบใดที่พระธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระจอมไตรยังมีอยู่ครบถ้วน ทั้งพระธรรมวินัย ในขณะนั้นถ้าคนเอาจริงปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนเป็นพระอรหันต์ได้หมดทุกคน

การเป็นพระโสดาบันก็ดี การเป็นพระสกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ก็ดี เขาศึกษากันตัวเดียว คือ สักกายทิฏฐิ เมื่อตัดสักกายทิฏฐิ คือ ร่างกาย (หรือ ขันธ์ 5 หรือ รูปนาม) ได้ตัวเดียวก็เป็นพระอรหันต์

ก่อนที่จะใช้อารมณ์วิปัสสนาญาณ อันดับแรกต้องเข้าฌานให้ถึงที่สุดที่เธอทรงได้เข้าฌานออกฌานสลับกันมาสลับกันไป ให้มันมีอาการทรงตัว แล้วทำจิตให้ทรงในฌานให้แนบสนิททรงตัว มีความสุขที่สุด ถ้าได้สมาบัติ 8 เป็นกำลังใหญ่ ถ้าได้มโนมยิทธิก็ยกจิตไปไว้พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระบรมพิชิตมารสัมมาสัมพุทธเจ้า ถอยกำลังถึงอุปจารสมาธิ พิจารณาขันธ์ 5 ว่า ขันธ์ 5 มันเป็นภัยสำหรับเรา มันเป็นวัตถุธาตุที่สร้างแต่ทุกข์ สร้างแต่โทษ ไม่มีอะไรเป็นปัจจัยของความสุข มองดูขันธ์ 5 คือ ร่างกายเกิดมาเราต้องเลี้ยงดูมันเท่าไร มันชอบอะไร เราให้มันกินหมด แต่เราคือจิตไม่ต้องการให้มันป่วย แล้วร่างกายยังขืนป่วย เพลีย เจ็บปวด หิวกระหาย ร้อนหนาว ยุ่งวุ่นวาย ฉันก็ไม่เคยต้องการให้มันแก่มันก็แก่ แล้วคนที่ตายไปก่อนเราเขาไม่ต้องการจะตายมันก็ตาย ในเมื่อร่างกายหรือขันธ์ 5 มันมีความเลวทรามอย่างนี้ จิตเราจะคบค้าสมาคมมันเพื่อประโยชน์อันใด

ตั้งใจจับจุดไว้เพื่อพระโสดาบัน

1. ระงับความพอใจในขันธ์ 5 เสีย คิดว่าร่างกายมันตายอยู่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกไม่ลืมความตาย เป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนารวมกัน
2. ทรงศีลให้บริสุทธิ์ ควรทำเป็นสีลานุสสติกรรมฐาน ทรงศีลให้เป็นกำลังฌาน คือ ทรงอารมณ์อยู่ในศีลตลอดวันตลอดคืน ไม่ยอมให้ศีลบกพร่องทางใจ ไม่ใช่ต้องไปนั่งหลับตาปี๋ ให้ลืมตาทำงาน คุยกับหมากับแมว หรือเจอะหน้าคนด่าคนนินทา ศีลเราทรงตัวไม่หวั่นไหวใช้ได้ เป็นการตัดสังโยชน์ ข้อ 2 สีลัพตปรามาส
3. ตัดวิจิกิจฉา โดยการน้อมใจเคารพในคุณพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการ คือ ทรงพระกรรมฐาน 3 ให้เป็นฌาน คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ให้ทรงตัว
4. ตัดสินใจทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานในชาตินี้ ไม่ต้องการเกิดเป็นคนรวยสวยแข็งแรง ไม่ต้องการเกิดเป็นเทพ เทวดา พรหม กำลังใจมุ่งพระนิพพานเป็นอุปสมานุสสติกรรมฐาน

การที่จะหลีกหนีบาปกรรมชั่วหรือนรกได้ ก็ต้องปฏิบัติให้ได้ทั้ง 4 ข้อนี้ หรือตัดสังโยชน์ 3 ประการได้ ท่านให้ชื่อว่าผู้เข้ากระแสพระนิพพาน คือ พระโสดาบัน ท่านผู้นั้นบาปเก่าทั้งหมดตามไม่ทัน ไม่สามารถถูกลงโทษได้แล้วก็ท่านผู้นั้นจะไม่มีการตกนรก ไม่เกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกทุกชาติที่เกิด จะวนเวียนเฉพาะเป็นมนุษย์ เทวดากับพรหม และต่อไปถ้ากำลังใจเต็มไม่สนใจร่างกาย ไม่สนใจเทวดาพรหมก็ไปนิพพาน
การเป็นพระสกิทาคามีก็มี 4 ข้อ เช่นพระโสดาบัน แต่มีคุณธรรมเพิ่มขึ้นมาจากศีล 5 ข้อ คือ กรรมบถ 10 คือ เพิ่มอีก 5 ข้อ นอกจากศีล 5 แล้วคือไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ไม่คิดอยากได้ของของผู้อื่น ไม่คิดผิดจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ คือ มีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง คือ ไม่มีอะไรในโลกนี้จีรังแน่นอ มีแต่ความเสื่อมทรุดโทรมสูญหายแตกสลายในที่สุด




* ภาพ ท่าน ตอนละสังขาร ดับขันธ์

การปฏิบัติจิตเพื่อเป็นพระอนาคามี คือ นอกจาก 4 ข้อ แรกของการเป็นพระโสดาบัน และกรรมบท 10 ของพระสกิทาคามีแล้วก็เพิ่ม

1. กายคตานุสสติกับอสุภกรรมฐาน ให้ชั่งใจควบกับสักกายทิฏฐิ นอกจากเห็นว่าร่างกายตายแน่แล้ว เมื่อมีชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความสกปรกเน่าเหม็นตลอดเวลา
2. ระงับความโกรธความพยาบาท ด้วยความเมตตา พรหมวิหาร 4 หรือ ระงับด้วยญาณสมาบัติ ใช้วิปัสสนาญาณ คือ สักกายทิฏฐิควบคุมไว้ คนที่เขาโกรธเรา แกล้งเรา ด่าว่าเรา เขาด่าขันธ์ 5 และขันธ์ 5 ก็ไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว จิตเราก็ไม่ใช่ขันธ์ 5 เขาอยากจะดุด่าก็เชิญว่าไปตามใจ เราไม่สะดุ้งสะเทือน คนด่าว่าเราเขาก็ตกนรกไปเอง

ความเป็นพระอรหันต์ นั่นก็เป็นเรื่องขี้ผงแล้วง่ายมาก เพิ่มเข้ามาจากร่างกาย ธาตุ 4 คือ รูปทั้งหมดในโลกอย่าคิดว่าดีงาม

1. อย่าติดในรูปฌาน ที่เราเข้าฌานได้ว่าเป็นของวิเศษ รูปฌานก็คือร่างกาย ธาตุ 4 คือ รูปทั้งหมดในโลกอย่าคิดว่าดีงาม
2. อย่าติดในอรูปฌาน คือ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณนัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญา นาสัญยตนะ ที่เราได้แล้วว่าเป็นของวิเศษ ให้ถือว่าเป็นกำลังใหญ่ที่ช่วยให้เราคือ จิตเข้าประหัตประหารกิเลส โลภ โกรธ หลง เท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้อรูปฌานก็ไม่จำเป็น อรูปฌาน ก็คือ นามในขันธ์ 5 มีสังขาร ความคิด เวทนา ความรู้สึก สัญญา ความจำ วิญญาณ ประสาท ไม่ใช่ของจิต
3. กำจัดมานะออกจากจิต อย่าทะนงตนว่าเป็นผู้วิเศษ ได้อภิญญา สมาบัติเราดีกว่าเขา เขาดีกว่าเรา เราดีเท่าเขา อารมณ์นี้ไม่ดีก็ทิ้งไปเสีย ด้วยการคิดว่า ทุกคนเกิดมามีทุกข์จากขันธ์ 5 เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นกัน ให้มีเมตตาเห็นอกเห็นใจทั้งคนและสัตว์
4. อุทธัจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน ไร้สาระ คือ คิดทางโลกไม่มี พระอนาคามีก็ฟุ้งไปในด้านของกุศลที่ไม่ตรงกับพระนิพพาน คือ คิดว่า แค่เทวดา พรหมก็พอ ท่านห้ามคิดแบบนั้น ให้จิตมุ่งตรงพระนิพพานเป็นพรหมก็ไม่พ้นทุกข์
5. อวิชชา เป็นสังโยชน์ข้อ 10 ข้อสุดท้าย ตัดอารมณ์พอใจ (ฉันทะ) อารมณ์รัก (ราคะ ) ในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เพราะมีปัญญาเข้าใจแล้วว่า พระนิพพานเป็นแดนทิพย์ อมตะสูญจากความทุกข์ ความไม่แน่นอน สูญจากขันธ์ 5 ธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มีอิสระเสรีจากบาปกรรม มีความสุขชั่วกาลนาน มีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์ ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืนมีความสุขหาเปรียบมิได้ ทุกอย่างเป็นทิพย์วิเศษ จิตเป็นสุขสมปรารถนาทุกประการ

พระพุทธเจ้าท่านตรัส บอกว่า พระนิพพานดับธาตุทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่โลกมี ดับขันธ์ 5 หมด พระนิพพานไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีตัณหา อุปาทาน ไม่มีบาปกรรม ไม่มีร่างกายแบบคนนี้ แต่ว่า อายตนะ ตาหู จมูก ลิ้น กายทิพย์ มีจิตทิพย์ที่จะสะอาดบริสุทธิ์ มีกายโปร่งใสแพรวพราวสว่างไสว ไม่รู้สึกไม่มีระบบประสาทสมอง อยากรู้อะไรรู้ได้เพราะจิตเป็นทิพย์
ทุกข์ ใด ๆ ไม่มี แต่ความรู้สึกเป็นสุข มีเมตตา มีห่วงลูกห่วงหลานแต่ไม่เป็นทุกข์ เพราะท่านมีอุเบกขาไม่ต้องกินต้องถ่ายหรือหลับ ไม่มีการอ่อนเพลีย



ขอขอบคุณที่มาจากหนังสือ ธรรมประทานพร

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14883.0

http://group.wunjun.com/pad/topic/280737-7696

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14883.0