ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2016, 03:14:37 pm »



สัมภาษณ์เจ้าอาวาสชาวอเมริกันผู้ร่วมบุกเบิกวัดป่าสาย “พระอาจารย์มั่น” ในเขตแคลิฟอร์เนียตอนใต้

บทสัมภาษณ์นี้เป็นตอนแรกของรายงานพิเศษเรื่องความหลากหลายทางศาสนาของชุมชนชาวไทยในเขตแคลิฟอร์เนียตอนใต้
สัมภาษณ์ พระอาจารย์เจฟ (ชื่ออเมริกัน Geoffrey DeGraff) เจ้าอาวาสชาวอเมริกันผู้ร่วมบุกเบิก วัดเมตตา วัดป่าสายวิปัสสนากรรมฐานที่สืบทอดแนวทางมาจาก พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต




อาจารย์เจฟ เดินทางไปประเทศไทยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เพื่อสอนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่นานหลังจากนั้นท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานลึกซึ้งมากขึ้น และบวชจำพรรษานานถึง 10 พรรษาอยู่ที่วัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง โดยมีหลวงพ่อเฟื่องเป็นพระอาจารย์ ที่สอนทั้งการนั่งสมาธิและการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง

ดังนั้นอาจารย์เจฟจึงพูดไทยได้อย่างชัดเจนสละสลวยและมักใช้อุปมาอุปไมยที่คมคาย ซึ่งท่านอัพโหลดบทเทศนาภาษาไทยลงบนเว็ปไซท์ http://www.dhammatalks.org/ อยู่เป็นประจำ

หลังจากที่คุ้นเคยกับการเป็น “พระวัดป่า” ที่ประเทศไทย อาจารย์เจฟจึงเริ่มช่วยก่อตั้งวัดป่าที่รัฐแคลิฟอเนียตอนใต้ เมื่อ 20 กว่าปีก่อนซึ่งสถานที่ของวัดเมตตาเป็นที่ดินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ท่านชอบในความสงบ ที่อยู่ห่างไกลเขตเมือง ไม่พลุกพล่าน



ขณะนี้วัดเมตตามีพระจำพรรษาอยู่ 9 รูป และผู้ที่เป็นอาสาสมัคร 6-7 คน ช่วยทำงานดูแลเรื่องอาหารและพื้นที่รอบๆวัดซึ่งเป็นสวนลูกพลับและอะโวคาโด้ แม้ว่าช่วงเทศกาลกฐินครั้งล่าสุดจะมีญาติโยมหลายร้อยคนมาร่วมทำบุญ อาจารย์เจฟกล่าวว่าอยากรักษาขนาดของสถานที่แห่งนี้ให้คงไว้ซึ่งความเรียบง่ายแบบนี้ต่อไปในอนาคต

 :yoyo078: ฟังเสียงได้ ใน เว็บ ว้อย ออฟ อเมริกา http://www.voathai.com/a/wat-metta-religious-freedom-16feb15/2646907.html

รายงานพิเศษ: เสรีภาพและความหลากหลายทางศาสนาของคนไทยในอเมริกา ตอนที่ ๑ - วัดป่าและวัดบ้าน -

<a href="https://www.youtube.com/v/kZs9BfucLLM" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/kZs9BfucLLM</a>




พระธรรมเทศนาของ พระอาจารย์เจฟฟรีย์ ฐานิสฺสโร วัดเมตตาวนาราม รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

การขยายลม
แม่น้ำที่กว้างใหญ่
ฟังธรรม ทำสมาธิ
ปัจจัตตังและสากล
ทดลอง
พละ ๕
เข้าพรรษา
อาสาฬหบูชา
กรรมปัจจุบัน
ภาวนาพื้นฐาน
ตัวตนที่ดี
ความตายเป็นธรรมดา
ความไม่ประมาท
อนิจจังดีและไม่ดี
อิทธิบาท ๔
ปรุงอาหารใจ

ฟัง พระธรรมเทศนา จาก พระอาจารย์ท่านได้ ใน http://www.dhammatalks.org/thai_index.html
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2016, 03:00:00 pm »


หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เมื่อครั้งเป็นพระธรรมทูต ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42409




Metta Forest Monastery วัดเมตตาวนาราม

<a href="https://www.youtube.com/v/ehY5uXfe6JA" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/ehY5uXfe6JA</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/_kCZCBDjyJQ" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/_kCZCBDjyJQ</a>

คลิป เพิ่มเติม https://www.youtube.com/watch?v=_kCZCBDjyJQ&list=RD_kCZCBDjyJQ#t=6


วัดเมตตาวนาราม เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

วัดป่าสายธรรมยุต  เจ้าอาวาส: พระอาจารย์เจฟฟรีย์ ฐานิสสโร ก่อตั้งมา 23 ปี บนเนื้อที่ ≈280 ไร่ 

หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เป็นผู้ก่อตั้ง

ประวัติวัดเมตตา ในราวปี พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ ได้รับถวายที่ดินบนเขา (เมืองซานดิเอโก USA) จากพุทธศาสนิกชนชาวอเมริกัน ท่านหนึ่ง ซึ่งที่ดินที่รับถวายมีเนื้อที่มากถึง ๑๕๐ ไร่ ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าสงวนที่เคยเป็น ถิ่นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดง ต่อมาจัดตั้ง เป็นวัดชื่อวัดเมตตาวนาราม หลวงปู่สุวัจน์ (ศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ฝั้น เป็นพระธรรม ทูตที่เป็นหลักในการเผยแผ่พระพุทธ ศาสนาในอเมริกาในยุคนั้น) จึงได้ ทาบทามท่านเจฟฟรีย์ให้ไปเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านก็พิจารณารับ



 พระอาจารย์เจฟฟรีย์ ฐานิสฺสโร พระอาจารย์เจฟฟรีย์ ฐานิสสโร ถือกำาเนิดในนาม เจฟฟรีย์ เดอกราฟ ในปีพ.ศ. 2492 ท่านมีโอกาสศึกษาพระธรรมเรื่องอริยสัจสี่ตอนมัธยมปลายช่วงที่โดยสารเครื่องบินกลับจาก ประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังจากที่ท่านจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านประวัติศาสตร์ของ ภูมิปัญญายุโรป จากโอเบอร์ลิน คอลเลจ ท่านเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งท่านได้เริ่มฝึกหัด การทำาสมาธิกับท่านพ่อเฟื่อง โชติโก ซึ่งเป็นศิษย์คนสำาคัญของท่านพ่อลี ธัมมธโร ต่อมาท่าน ได้อุปสมบทในปี พ.ศ. 2519 ที่วัดอโศการาม ของท่านพ่อลี ซึ่งหลานชายของท่านพ่อลี พระ เทพโมลี (สำารอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านมาจำาพรรษาที่ วัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นที่ที่ท่านยังอยู่อบรมกับท่านพ่อเฟื่องต่อไป ก่อนที่ท่านพ่อเฟื่องจะมรณภาพในปีพ.ศ. 2529 ท่านแสดงความประสงค์ที่จะแต่งตั้งพระอา จารย์เจฟฟรีย์ ฐานิสสโร เป็นเจ้าอาวาสของวัดธรรมสถิต หากแต่ว่าพระอาจารย์เจฟฟรีย์ ตัดสินใจเดินทางมาที่ซานดิเอโก ในปีพ.ศ. 2534 ตามคำานิมนต์ของหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เพราะการเป็นเจ้าอาวาสที่วัดธรรมสถิต อาจมีปัญหาในการปกครองพระลูกวัดคนไทย เนื่องจากท่านเป็นชาวตะวันตก หลวงปู่สุวัจน์ ช่วยสนับสนุนพระอาจารย์เจฟฟรีย์ก่อตั้ง วัดเมตตาวนารามโดยหลวงปู่รับเป็นประธานสงฆ์ และให้พระอาจารย์เจฟฟรีย์เป็นเจ้าอาวาส ของวัดในปี พ.ศ. 2536 ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 พระอาจารย์เจฟฟรีย์ เป็นพระเถระชาว อเมริกันและที่ไม่ใช่เชื้อชาติไทยคนแรกที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในฝ่ายธรรมยุต และท่านยังได้รับแต่งตั้งเป็นเหรัญญิกของคณะพระธรรมยุตในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย พระอาจารย์เจฟฟรีย์ ได้สร้างคุณูปการในการเผยแพร่พุทธศาสนาเถรวาทให้กับชาวตะวัน ตกอย่างมาก ท่านเขียนหนังสือธรรมะ แปลหนังสือธรรมะ พระไตรปิฎก รวมทั้งคำาเทศนาจาก ไทยและบาลี เป็นภาษาอังกฤษ จนมีลูกศิษย์ฆราวาสรวบรวมงานของท่านบนเว็บไซต์ www.acccesstoinsight.org และ www.dhammatalks.org กอปรกับท่านรักษาข้อวัตร ปฎิบัติของสายวัดป่าสายหลวงปู่มั่นไว้อย่างเคร่งครัด จนเป็นที่ชื่นชมจากพระเถระสายป่า จนวันนี้วัดเมตตาวนารามเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติจิตตภาวนาและเผยแพร่สื่อธรรมะไปทั่ว โลก ธรรมะท่านยังคงความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก เป็นธรรมะภาคปฏิบัติที่อ้างอิงประสบการณ์ตรง คำาสอนครูอาจารย์และภาคปริยัติ นับเป็นพระสุปฏิปันโนที่แท้จริงในต่างแดน

จาก http://www.slideshare.net/crxcampus/ok-26645826



ภาพ วัดเมตตาวณาราม งาม ๆ หาดูยาก  http://www.watmetta.org/photoGalleries0.html

http://www.watmetta.org/photoPageSongkran2015.html

https://www.flickr.com/photos/97271558@N04/9926815875/in/photostream/

http://www.dhammayut.net/temple-image/temple-image/metta-forest-monastery









































ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2016, 01:55:49 pm »




พระอาจารย์ เจฟฟรี ฐานิสฺสโร หนึ่งดวงประทีปวัดป่าในอเมริกา

นสพ.มติชน 2 มิ.ย.45

ในโอกาสที่พระอาจารย์ "เจฟฟรี ฐานิสฺสโร" เจ้าอาวาสวัดเมตตาวนาราม ซึ่งเป็นวัดป่าตามแบบพระกัมมัฏฐานในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่เมืองแวลเลย์เซ็นเตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา   ได้เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เมื่อเร็วๆ นี้ "มติชน" ได้สัมภาษณ์ท่านเพื่อให้ทราบถึงสภาพการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐ โดยมีรายละเอียดดังนี้

"ถึงไม่ได้คนแต่ก็ให้ได้เราคนเดียวก็ยังดี   ให้ได้เป็นพยานหลักฐานว่า ผู้ปฏิบัติจริงก็ได้ผลดีจริง ปัญหาที่พระพุทธเจ้าแก้นั้นเป็นปัญหาสากลคือ ทุกข์ ซึ่งไม่ได้อยู่กับวัฒนธรรมใด ต่างก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น อยู่ที่โน่นก็มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็บอกว่าอยู่ที่นี่ห่างไกล ทางร่างกายก็ห่างไกล อย่างเดียวที่ทำได้คือ ประพฤติปฏิบัติอย่างที่ท่านสอน ถ้าเราเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับว่า เราตัดรากของตนเอง"


ความนิยมในพระพุทธศาสนาของคนที่โน่นเป็นอย่างไรบ้างครับ

ยังมีมากอยู่ และศาสนาพุทธเป็นที่นิยมมากในศตวรรษที่ผ่านมา แต่ส่วนมากจะออกไปในทางทิเบตมากกว่า เพราะเขามีการโฆษณามาก มีการติดต่อกับนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ดารา ต่างๆ แต่เราไม่ทำอย่างนั้น เราไม่ได้คิดว่า ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นสินค้า พุทธฝ่ายไทยเรามีวัดอยู่ 100 กว่าวัด ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย

หลวงพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์องค์เดียวของธรรมยุตที่นั่นใช่ไหมครับ

เป็นองค์เดียวที่เป็นพระฝรั่ง พระไทยที่ท่านเป็นอุปัชฌาย์ฝ่ายธรรมยุตนั้นมีหลายองค์

มีคนมาสนใจบวชมากไหมครับ

วันก่อนเจอเจ้าอาวาสท่านหนึ่งที่เข้าอบรมอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน อาตมาถามท่านว่า บวชพระไปกี่องค์แล้ว ของท่านเป็นพัน ของเรา 8 องค์ ตั้งแต่ปี 1995 (พ.ศ.2538) คนมาบวชส่วนใหญ่สนใจเรื่องการภาวนา โดยมากก็เป็นคนหนุ่ม

หลวงพ่อกำหนดไว้อย่างไรครับถึงจะบวชให้

ให้ถือศีล 8 เป็นเวลาหนึ่งปีที่วัด และดูนิสัยของเขาว่าจะไปได้ไหม มีความมั่นคงอย่างไร เพราะบางคนเดือนสองเดือนแรกก็ดูดี แต่พอ 3-4 ก็ออกอาการแล้วก็มี เลยได้แค่ 8 ไม่ได้เอาจำนวน เอาคุณภาพ คนเยอะก็ปัญหาเยอะ ถ้าคนไม่ตั้งใจปัญหาก็มาก ถ้าตั้งใจแล้วมันไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้งกัน ทิฐิตรงกัน ความเห็นตรงกันก็อยู่ด้วยกันได้

มีความแตกต่างระหว่างตะวันออก ตะวันตก ในเรื่องการพัฒนาและเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจบ้างไหมครับ

มีอยู่นะ แต่มีทุกข์ก็ต้องหาทางออกด้วยกันทั้งนั้น มีคนมาถามหลวงพ่อว่า ทำไมฝรั่งบวชได้ หลวงพ่อก็ว่า อ้าว ฝรั่งไม่มีจิตใจหรือ หัวใจก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งนั้น ต่างก็หาทางออกกัน ทางโน้นก็มีวัฒนธรรมซึ่งเป็นเครื่องกีดขวางอยู่เยอะ โดยมากก็ใช้จิตวิทยาแก้ไข ส่วนมากก็เป็นการใช้สิ่งตรงกันข้ามมาแนะนำ ปัญหาสิ่งแวดล้อม แนะให้กลับไปสู่ทุนนิยม มีทุกข์ก็ไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์ก็บอกให้คลายอารมณ์ อย่าเครียดนัก หรือบอกให้ไปหาคู่รักสักคน อะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) คนที่ผ่านแบบนั้นมาแล้วพบว่า มันไม่ได้ผลอะไร ถ้ามี "แวว"ก็หาทางออกที่ดีกว่านั้น เขาก็จะหันมาหาธรรมะ

แล้วเขารู้จักเราได้อย่างไรครับ

ทางวัดไม่มีอินเตอร์เน็ตแต่มีคนไทยเองลงเว็บให้ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะ มีการแปลพระสูตรของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาอังกฤษลง ตอนนี้หลวงพ่อก็แปลไปกว่า 600 พระสูตรแล้ว กำลังจะรวบรวมพิมพ์เป็นเล่ม โดยแบ่งออกเป็น 4 เล่ม ไว้แจก adrees คือ www.accesstoinsight.org บางทีก็มีนิตยสาร วารสารต่างๆ มาสัมภาษณ์ บางทีหลวงพ่อก็เขียนบทความไปลง ถ้าเป็นวารสาร นิตยสาร ทางบรรณาธิการเขาจะนำบทความไปดัดแปลง เพื่อที่จะให้ขายดี ซึ่งบางทีก็ขัดกับหลัก แต่ทางเว็บไซต์ เราอยากออกอะไรก็ออกได้ นี่จะดีกว่า พอมีคนเห็นก็จะติดต่อมา

แล้วมีคนไทยเข้าวัดเยอะไหมครับ

ก็พอสมควร วันอาทิตย์ธรรมดาก็ 20-30 คน วันหยุดเทศกาลก็พิเศษ 300-400 วัดเราอยู่ในป่า อยู่ในเขตภูเขา 350 ไร่ เดิมมีคนซื้อถวาย 350 ไร่ แล้วขยายเพิ่มเพราะเกรงกันว่าจะมีคนมาสร้างบ้านใกล้วัดแล้วจะไม่สงบ

พระเยอะไหมครับ

พระมี 6 ฝรั่ง 4 ไต้หวัน 1 ไทย 1 การปลูกสร้างก็ทำพออยู่ มีศาลา มีห้องพักให้โยม มีห้องน้ำสาธารณะ กุฏิพระก็สร้างในป่าซึ่งเป็นสวนอโวคาโด ตัววัดอยู่ในภูเขาลูกหนึ่งสองข้างเป็นเขตสงวนของอินเดียนแดง

ถอดแบบวัดป่าสายพระกัมมัฏฐานใช่ไหมครับ

ใช่ ถ้าการก่อสร้างเยอะก็เป็นภาระเยอะ

อยู่โน่นภาวนาดีไหมครับ

ที่โน่นภาวนาดีมาก ไม่มีโยม ไม่มีไข้ป่า คนก็รบกวนน้อย สองข้างเขตสงวนอินเดียนแดงก็เป็นป่า ตอนที่หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ ไปอยู่ใหม่ๆ ท่านว่า เพิ่งได้ที่ภาวนาดีๆ อย่างนี้ พอท่านเดินไปอีกสองสามก้าวก็บอกอีกว่า "ที่เมืองไทยก็ไม่มีอย่างนี้" เพราะมันสงบจริงๆ

เห็นว่าเย็นๆ หลวงพ่อจะเทศน์

กิจกรรมที่วัด ตอนเช้าก็บิณฑบาต โยมที่มาพักภาวนาซึ่งจะมีอยู่ไม่ขาดสายจะเป็นคนทำอาหารถวาย ฉันในบาตร แล้วยกย้ายกันไปภาวนา แล้วก็ปัดกวาดวัด ทุ่มสองทุ่มก็ไหว้พระสวดมนต์ภาวนาแล้วก็เทศน์

หลวงพ่อเทศน์ภาษาอะไรครับ

ก็แล้วแต่คนที่มา ไปอยู่ใหม่ๆ ก็มีแต่ภาษาไทย ขณะนี้ก็มีภาษาอังกฤษ ถ้ามีทั้งสองกลุ่มก็เทศน์สองภาษา ก็ไม่ยากหรอก แต่มันก็มีความต่างกันอยู่นะอย่างถ้าคนไทยเรา หากพูดถึงเรื่อง "ขันธ์" ขึ้นมาเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหมายถึงอะไร แต่ถ้าเป็นฝรั่งเราก็ต้องอธิบายยาว บางทีก็ยกปัญหาที่เขาซักถามมาอธิบาย

ลักษณะของปัญหาต่างกันไปแต่ละกลุ่มไหมครับ

หลักธรรมมีหลากหลายแต่ช่วงที่หลวงปู่สุวัจน์ไปอยู่ท่านก็บอกว่า วงศ์ของพระพุทธเจ้าเป็นอริยะวาส อริยวงศ์ ไม่ขึ้นกับสังคมไหน อริยวาส อริยวงศ์อยู่ตรงนี้ (ท่านทำมือหันเข้าหากันมีช่องว่างห่างกันประมาณหนึ่งคืบ เหยียดออกมากลางลำตัว) วัฒนธรรมประเพณีประเทศหนึ่งอยู่ตรงนี้ (ท่านหันมือในลักษณะเดิมแต่เอียงไปด้านซ้าย) วัฒนธรรมประเพณีอีกประเทศอยู่ทางนี้ (หันมือเยื้องไปทางขวา) เราตรงไป เมื่อเขาจะเคลื่อนเข้ามาสู่ความจริง เขาจะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาเอง (ท่านขยับมือข้างซ้ายและขวาซึ่งกางอยู่นั้นขยับเข้ามาตรงกลาง)

ความเข้าใจผิดของคนไทยเราก็อย่างหนึ่ง ของฝรั่งก็อย่างหนึ่ง สำหรับฝรั่งแล้วส่วนมากก็เอาปัญหาที่จะไปหาจิตแพทย์นั่นล่ะมาหาเรา มาหาพระไม่ต้องเสียเงิน หาแพทย์แล้วเสียเงิน (หัวเราะ)


ภาพ บรรยากาศ วัดป่าเมตตาวณาราม แคลิฟฟอเนีย ยามเช้า

หลวงพ่อดูแนวโน้มการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในโลกตะวันตกเป็นอย่างไรบ้างครับ

มันมีปัญหาหลายอย่าง เดี๋ยวนี้มีการดัดแปลงธรรมะเพื่อให้เป็นที่นิยม อย่างนี้มีมากต่อมาก โดยเฉพาะพวกฆราวาสที่ไปสอนพุทธศาสนา ก็จะเอาเฉพาะวิปัสสนาที่ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิต ทำแบบจิตวิทยาแพทย์ ซึ่งมันจะค่อยๆ กลืนตัวไปเรื่อยๆ

คนไทยที่โน่นก็รู้สึกว่าเกิดแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน เกิดยุคหลังสงครามโลก ยุค Baby Boom ก็อย่างหนึ่ง พวกเกิดทีหลังก็อีกอย่างหนึ่ง บางรุ่นที่ใหม่ๆ เขาก็เห็นว่า อีกรุ่นเอาศาสนาพุทธไปดัดแปลง จนเป็นตะวันตกไปหมดแล้ว ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา อยากจะหาธรรมะแบบเดิม

อีกข้อหนึ่งวัดไทยที่ไปตั้งที่นั่น ส่วนมากจะเอาวัดเป็นศูนย์รวมของท้องถิ่น พวกนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่ทราบ เพราะตามประวัติศาสตร์แล้ว พวกที่อพยพเข้ามาครั้งแรกจะยึดวัฒนธรรมเดิมของตัวเองอยู่ ส่วนรุ่นลุกนั้นไม่เอา จะเป็นอเมริกันเต็มตัว เข้าใจว่า ถึงอีกรุ่นก็คงจะไม่เอาอะไรเท่าไหร่ คงมีหลายแห่งที่อาจต้องสลายไป

หลวงพ่อคิดว่า ถ้าเราเดินตามสายเดิมแท้ๆ และให้เกิดความเข้าใจในธรรมะแล้วจะอยู่ยังยืนกว่าใช่ไหมครับ

ครับ หลวงปู่สุวัจน์ท่านจึงว่า ถึงไม่ได้คนแต่ก็ให้ได้เราคนเดียวก็ยังดี ให้ได้เป็นพยานหลักฐานว่า ผู้ปฏิบัติจริงก็ได้ผลดีจริง ปัญหาที่พระพุทธเจ้าแก้นั้นเป็นปัญหาสากลคือ ทุกข์ ซึ่งไม่ได้อยู่กับวัฒนธรรมใด ต่างก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น อยู่ที่โน่นก็มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็บอกว่าอยู่ที่นี่ห่างไกล ทางร่างกายก็ห่างไกล อย่างเดียวที่ทำได้คือ ประพฤติปฏิบัติอย่างที่ท่านสอน ถ้าเราเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับว่า เราตัดรากของตนเอง

แล้วธุดงค์กันอย่างไรครับ

ที่วัดพยายามออกป่าเดือนหนึ่งสองสามครั้ง ออไปที่ป่าก็มีทะเลทรายก็มี ก็จะมีคนกลุ่มน้อยๆ ที่รู้ว่าพอเราจะเข้าไปในเขตเขาๆ ก็จะเอาอาหารมาถวาย แต่ก็ยังกลุ่มน้อยอยู่

การธุดงค์ในลักษณะนี้ในแง่ของจิตใจแล้วได้ประโยชน์มากไหมครับ

ได้ประโยชน์มาก เมื่อเราออกจากที่เดิม เปลี่ยนสภาพแวดล้อม สภาพสังคมเดิมก็จางลงไป เราก็อยู่กับธรรมชาติซึ่งมีธรรมะแสดงอยู่ตลอดเวลา มีแก่ มีเกิด มีเจ็บ อยู่รอบตัวเรา ที่ทะเลทรายก็ไม่ลำบากหรอกเพียงแต่ต้องหาที่หลบแดดและเรื่องน้ำ ที่แคลิฟอร์เนียมีทะเลทรายเยอะ เฉพาะที่ติดทะเลจะมีต้นไม้แต่เลยเข้าไปแล้วก็จะแล้ง แต่ถ้าจะหาความวิเวกก็ต้องออก ที่ไหนๆ ก็มีอันตราย เราต้องรู้จักอันตราย เราก็ต้องไม่ประมาท

หลวงพ่อมีความเห็นต่อเรื่องการปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์อย่างไรบ้างครับ

ไม่ขอพูดดีกว่า หลวงพ่อเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวว่า ป่าไม้เมืองไทยมันหายไป หายไป ป่าเป็นที่เกิดของพระนะ ในประวัติศาสตร์ก็บอกไว้ว่า เมื่อเกิดวิกฤตกับพระพุทธศาสนา เราก็ต้องหันไปหาพระป่า แต่ถ้าป่าน้อยลง ไม่มีป่าแล้วจะไม่มีผู้รักษาอริยธรรม

นานๆ กลับมาหลวงพ่อมองเมืองไทยเปลี่ยนไปบ้างไหมครับ

กลับมาคราวนี้สังคมไทยเปลี่ยนไปมาก เมื่อปี พ.ศ.2515 ตอนมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น ประเทศไทยยังเป็นประเทศด้อยพัฒนา แต่ด้านจิตใจ น้ำใจนี่ ไปที่ไหนคนต้อนรับดี แต่ขณะนี้ดูเหมือนใจยิ่งแคบเข้า แคบเข้า

หลวงพ่อจะมีคำแนะนำให้กับผู้คนที่จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายอยู่ในขณะนี้บ้างครับ

อยู่ที่การพัฒนาใจ การพัฒนาใจจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ไม่ว่าปัญหาของตนเองแล้วขยายไปยังโลก ต้องมีความรู้มากๆ ต้องศึกษา รักษาคุณธรรม มีสัจจะเป็นตัวตั้ง ถ้าเศรษฐกิจดีใจก็ดี ถ้าเศรษฐกิจโต ใจก็โต อย่างนี้ก็แย่ เพราะฉะนั้นเราต้องมีหลักภายใน สถานการณ์โลกมันก็มีขั้นมีลง ถ้าใจของเราขึ้นลงกับเขามันก็แย่ เวลาโลกหมุนมันไม่ได้หมุนธรรมดานะ มันหมุนแบบเฟือง ถ้าเสียหลักมันก็ดึงเข้าไป ดึงเข้าไป กินเสื้อ ดึงแขน ดึงขาเข้าไป แขนก็ขาด ขาก็ขาด โลกาภิวัตน์นั้นมันมิใช่โลกาภิวัตน์หรอก มันเป็น โลกกาวินาศมากกว่า ตอนนี้อะไรๆ ก็เป็นสินค้าไปหมด ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ถูกทำให้เป็นสินค้าแล้ว มีการเอามาดัดแปลง เอามาขาย มาโฆษณากันแล้ว เนื้อในก็จะค่อยๆ หายไป

พอเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน สหรัฐถูกโจมตี สภาพจิตใจของคนที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างครับ

ตามศูนย์ฝึกสมาธิอะไรต่างๆ นี้ไม่มีคนมาเลยเพราะหลับตาก็เห็นแต่ภาพเหตุการณ์นั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานก็หลั่งไหลมาจนที่ไม่พอ คนแสวงหาที่พึ่งทางใจ แต่คนที่นิวยอร์กเขาเข้าใจนะเพราะเขาเป็นทุกข์ เขาเข้าใจคนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นเป็นเช่นที่เขาประสบ แต่คนที่ดูโทรทัศน์ คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจะต่อสู้อย่างเดียว อยากไปสู้กับเขา พวกนี้ไม่รู้เรื่อง ถึงขนาดมีคนบอกว่า พุทธต้องปรับตัวให้เข้ากับเขา ถึงขนาดนั้น

ทุกปีอาตมาจะได้รับนิมนต์ไปเทศนาอบรมจิตตามศูนย์ภาวนาที่เขาสร้างขึ้น เมืองต่างๆ 4-5 แห่งเป็นประจำ มีที่บอสตัน นิว เม็กซิโก ซีแอตเติ้ล นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก ก็ไปดูอาการของคนที่นั่นว่าเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้คนหันมาสนใจค้นหาหลักเดิมของศาสนามากขึ้นเพราะที่ดัดแปลงของเดิมเพื่อให้เข้ากับสังคมนั้นมันแก้ทุกข์ไม่ได้

 ‘ลมไม่ได้เป็นของพุทธของคริสต์

ลมเป็นของกลาง ให้ใจอยู่กับลม’

ไปมาอย่างไรครับหลวงพ่อถึงได้มาบวช

ไปรู้จักหลวงพ่อเฟื่อง โชติโก (วัดธรรมสถิตย์ จ.ระยอง ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ก่อน พักปฏิบัติกับท่าน 3 เดือนแล้วกลับไปอเมริกาปีกว่า ช่วงนั้นจิตใจก็ต่อสู้กันว่าจะบวชหรือไม่บวชดี โยมพ่อไม่อยากจะให้บวช โยมแม่นั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครสนับสนุน แต่ก็คิดว่า เรามีโอกาสพบครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ถ้าไม่ปฏิบัติตอนนี้จะปฏิบัติตอนไหน ก็เลยตัดสินใจบวช มาอยู่กับหลวงพ่อเฟื่อง ตั้งแต่ปี 2519-2529 ท่านมรณะปี 2529 ก็อยู่ต่อมาอีก 5 พรรษา แล้วหลวงปู่สุวัจน์ ก็ได้นิมนต์ไปช่วยสร้างวัดเมตตาฯ ที่สหรัฐอเมริกา

ทุกวันนี่โยมพ่อและโยมเพื่อนว่าอย่างไรบ้างครับ

ทุกวันนี้ปรับได้แล้ว โยมพ่อก็ภาวนาอยู่ที่บ้าน อยู่ห่างกันไกลเพราะบ้านอยู่ที่เวอร์จิเนีย พ่ออายุ 85 แล้ว ตอนอยู่กับหลวงพ่อเฟื่อง ปีกว่าๆ ท่านมาหาก็พาไปกราบหลวงพ่อเฟื่อง พาไปดู เสร็จแล้วท่านก็ว่าพอแล้ว อาตมาบอกว่าว่า ยังไม่พอ ยังเรียนวิชานี้ไม่จบ ต้องลองนั่งภาวนา ท่านถามหลวงฟ่อเฟื่องว่า ท่านเป็นคริสต์มีอะไรขัดข้องไหม หลวงพ่อเฟื่องก็บอกว่า ให้ดูลม ลมไม่ได้เป็นของพุทธของคริสต์ ลมเป็นของกลาง ให้ใจอยู่กับลม โยมพ่อปฏิบัติก็สงบลง ทุกวันนี้ท่านก็ยังปฏิบัติอยู่

หลวงพ่อภาวนามานานหรือยังครับ

25 พรรษาและก่อนนั้นอีก 3 ปี

ภาวนามา 28 ปี พบว่าอย่างไรบ้างครับ

พระพุทธเจ้าเสนอเรื่องความจริงทั้งนั้น (นิ่งไปนิด ก่อนจะเอ่ยว่า...) เท่านี้

คลุมหมดเลยครับ ระหว่างที่อยู่กับครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประทับใจกับคำสอนอะไรบ้างครับ

หลายอย่าง ทั้งคำสอนทั้งการปฏิบัติของท่าน คำสอนก็อย่าง การทำอย่างไรให้ทุกข์เป็นมรรค, การภาวนาอย่างไรให้ใจบริสุทธิ์, คนเราจะมีความสุขโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมจากภายนอกได้อย่างไร, ไม่เห็นความโง่ของตนเองภาวนายังไม่เป็น ปัญญายังไม่เกิด ฯลฯ

จาก http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-jeffry_hist.htm





























ภาพ งาม ๆ ใน มุมสงบ จาก http://seekingheartwood.com/the-journey/metta-forest-monastery/

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2016, 01:19:39 pm »




วันนี้ขอเล่าถึงพระดีในต่างแดนให้ได้รับทราบกัน
 

พระดีรูปนี้คือพระอาจารย์เจฟฟรี ฐานิสฺสโร พระภิกษุชาวอเมริกันที่มาบวชและปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านพ่อเฟื่อง โชติโก ศิษย์องค์สำคัญท่านหนึ่งของท่านพ่อลี วัดอโศการาม

ท่านเจฟฟรี่ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติกรรมฐานกับท่านพ่อเฟื่อง ณ วัดธรรมสถิตย์ จ.ระยอง เป็นเวลาราว ๙ ปี (ปลายปี ๒๕๑๙ ถึงปี ๒๕๒๙) เมื่อท่านพ่อเฟื่องมรณภาพลง ท่านก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบมา

ในราวปี พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงปู่สุวัจน์ได้รับถวายที่ดินบนเขา (เมืองซานดิเอโก USA) จากพุทธศาสนิกชนชาวอเมริกันท่านหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ที่รับถวายมีมากถึง ๑๕๐ ไร่ ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าสงวนที่เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดง (มูลค่าที่ดินในเวลานั้นก็เกือบ ๒๐ ล้านบาท) ต่อมาจัดตั้งเป็นวัดชื่อวัดเมตตาวนาราม หลวงปู่สุวัจน์ (ศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ฝั้นที่เป็นพระธรรมทูตที่เป็นหลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอเมริกาในยุคนั้น) จึงได้ทาบทามท่านเจฟฟรี่ให้ไปเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านก็พิจารณารับ

หากดูโดยรวมถึงวัดไทยในอเมริกา มีหลายวัดที่ปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อสนองความต้องการของญาติโยมทางนั้น เช่น ดึงโรงเรียน ดึงกิจกรรมสังคม ฯลฯ เข้ามาในวัด รวมทั้งอนุโลมในเรื่องการแต่งกาย การให้โยมผู้หญิงขับรถให้ การรับและเก็บปัจจัยโดยตรง ฯลฯ แต่ท่านเจฟฟรี่กลับยึดในข้อวินัยตามอย่างที่ครูอาจารย์ของท่านคือท่านพ่อเฟื่อง และหลวงปู่สุวัจน์ วางไว้อย่างเคร่งครัด เพราะท่านตระหนักดีว่ากิจกรรมสังคมถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ควรให้หน่วยงานทางโลกเขาดำเนินการจะเหมาะกว่า เพราะหากพระเข้าไปดำเนินการแล้วก็มักเขวออกนอกทาง เสียทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นในด้านที่สูงกว่าสุขทุกข์ทางโลก ๆ นอกจากนี้ก็มีตัวอย่างมากมายที่พระต้องมาสึกเพราะมัววุ่นกับกิจกรรมทางโลกเหล่านี้

พระอาจารย์เจฟฟรี่เป็นผู้มีคุณสมบัติพร้อมของการเป็นพระธรรมทูตที่ดี เพราะนอกจากความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยแล้ว ด้วยความปราดเปรื่องจึงทำให้ท่านสามารถทำประโยชน์ได้อย่างมากมาย เช่น การแปลพระวินัยเป็นฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งได้รับการอ้างอิงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงการแปลธรรมของครูบาอาจารย์ในเมืองไทยเป็นภาษาอังกฤษ เช่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อชา ท่านพ่อเฟื่อง ท่านพ่อลี และ ท่าน ก. เขาสวนหลวง เป็นต้น

ที่สำคัญที่สุด แม้ท่านจะอยู่ห่างไกลครูอาจารย์กรรมฐานในเมืองไทย แต่ท่านก็ยังคงรักษาข้อวัตรปฏิบัติไว้โดยเคร่งครัด รวมไปถึงการรับปัจจัย เช่น เวลาที่ท่านรับนิมนต์ไปเทศน์ที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ท่านจะไม่รับปัจจัย (ระยะหลัง มหาวิทยาลัยจึงค่อยเรียนรู้เองว่า หากต้องการถวายปัจจัย ก็อาจทำได้ แต่มิใช่ส่งปัจจัยให้ท่านโดยตรง หากแต่ส่งเช็คให้วัดตามมาภายหลังได้)



ท่านยึดคำแนะนำของหลวงปู่สุวัจน์ที่ว่า ในการเผยแผ่นั้น หากไม่ได้คนก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้เราคนเดียวก็ยังดี ให้ได้เป็นพยานหลักฐานว่าผู้ปฏิบัติจริงย่อมได้รับผลจริง ท่านเจฟฟรีท่านถือคติว่า หากวัดยอมอนุโลมตามโลกก็เท่ากับว่าตัดรากของตนเอง

ทุกวันนี้ ฝรั่งที่ต้องการบวชที่วัดเมตตาฯ  จะต้องมาเป็นผ้าขาวเพื่อดูความพร้อมก่อนบวช ๑ ปี เช่นเดียวกับวัดป่านานาชาติ ในเมืองไทย

เมื่อต้นปี ๒๕๓๓ นี้ ท่านเจฟฟรี่ได้เดินทางมาเมืองไทยเพื่อสอบเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อว่าท่านจะได้สามารถจัดอุปสมบทได้เอง ไม่ต้องนิมนต์พระอุปัชฌาย์จากที่อื่น เพื่อให้การเผยแผ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ผลปรากฏว่าในจำนวนเจ้าอาวาสที่มาสอบเป็นอุปัชฌาย์กว่า ๓๐๐ รูป ท่านเจฟฟรี่สอบได้เป็นลำดับที่ ๒ ซึ่งแสดงถึงความสามารถทางด้านภาษาบาลี และข้อธรรมข้อวินัยเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดพระเถระที่ดูแลการสอบเอ่ยปากชื่นชมความสามารถของท่านเจฟฟรี่



ท่านเจฟฟรี่ท่านเดินทางกลับมาเมืองไทย ได้พบเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง จนทำให้ท่านปรารภว่าได้เห็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงหลายเรื่อง ท่านว่า ตอนนี้อะไร ๆ ก็เป็นสินค้าไปหมด ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ถูกทำให้เป็นสินค้าไปแล้ว มีการเอามาดัดแปลง เอามาขาย เอามาโฆษณากัน เนื้อแท้ก็จะค่อย ๆ หายไป

ส่วนคติธรรมของท่านพ่อเฟื่องที่ท่านนำมาสอนลูกศิษย์บ่อย ๆ ก็คือ "หากยังไม่เห็นความโง่ของตนเอง ก็แสดงว่ายังภาวนาไม่เป็น ปัญญายังไม่เกิด"

และ "ทำอย่างไรคนเราจะสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมภายนอก"

เล่าไว้พอสังเขป หวังว่าจะเกิดประโยชน์ตามสมควรครับ

จาก http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41264&topic_id=46059

http://dnymc.org/about-dmc/lineage/