ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2016, 02:21:40 am »โดย...สมาน สุดโต
เจ้าคุณ
อาตมารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมในวันนี้ และมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาที่วัดป่านานาชาติและกลับมาที่ จ.อุบลฯ เวลาใครถามว่าหลวงพ่อเกิดที่ไหน อาตมาจะบอกว่าเกิดที่ จ.อุบลฯ เขาก็จะมองอย่างสงสัย อาตมาก็จะบอกว่า เกิดเป็นพระที่ จ.อุบลฯ ชีวิตพระภิกษุของอาตมาเริ่มที่นี่ อาตมาจึงรู้สึกว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของอาตมาโดยแท้
พวกเรามารวมกันในวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ให้หลวงพ่อปสันโน ท่านเจ้าคุณโพธิญาณวิเทศและอาตมา เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อปสันโนได้กล่าวมาซึ่งอาตมาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับท่านว่า “เราไม่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในฐานะส่วนตัวหรือด้วยความสำเร็จหรือคุณความดีเฉพาะตัวเรา หากได้รับในฐานะที่เป็นตัวแทนของหมู่คณะ แสดงถึงการได้รับความยอมรับ ยกย่องเชิดชูเกียรติในคุณค่า คุณธรรมความดีงามและคุณประโยชน์ของหมู่คณะศิษย์หลวงพ่อชาทั้งหมด”
ในวาระนี้ อาตมาจึงรู้สึกว่าเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะแสดงความซาบซึ้งใจและกตัญญูกตเวทีต่อคุณพระศรีรัตนตรัย ต่อพระพุทธเจ้าครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ผู้ทรงค้นพบและเปิดเผยสัจธรรมที่พระอริยสงฆ์ทั้งหลายได้ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 2500 ปีแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกตัญญูและความสำนึกในพระคุณของหลวงพ่อชาซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ผู้สั่งสอนและนำทางพวกเราในยุคนี้ รวมถึงครูบาอาจาย์ผู้ใหญ่ในหมู่คณะของเราที่ได้มารวมตัวกัน ณ ที่นี้ในค่ำคืนนี้ ที่หลวงพ่อปสันโนได้กล่าวนามมาแล้ว หลวงพ่อเลี่ยม หลวงพ่อคูณ วัดนาโพธิ์ หลวงพ่อสุเมโธ และครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ
อย่างที่อาตมาได้พูดอยู่เสมอว่า คุณธรรมและคุณงามความดีทั้งหลายที่อาตมาได้พัฒนาให้เกิดขึ้นในชีวิต ตลอดจนความสงบและความรู้ความเข้าใจใดๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการสั่งสอนนำทางจากมหาบุรุษและครูบาอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ หากปราศจากความปรารถนาดี ความเมตตากรุณาและปัญญาของท่าน อาตมาคงไม่ได้มาถึงจุดนี้ ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงขอแสดงความซาบซึ้งในพระคุณของครูบาอาจารย์ ด้วยการประนมมือทั้งสองเข้าด้วยกันและขอกล่าวว่า “ขอบคุณมากครับ”
หลวงพ่ออมโร ยกเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้าก่อนนิพพาน ณ ป่าสาลวันเมืองกุสินารา มาเล่าให้ที่ประชุมฟัง ว่าเป็นความอัศจรรย์ยิ่ง คนธรรพ์มาบรรเลงดนตรีถวาย เทวดาและพรหมมารวมตัวกัน ต้นไม้ผลิดอกนอกฤดูกาล จนพระอานนท์ทูลถามความอัศจรรย์ที่เกิด ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสว่าก็เป็นเพียงอามิสบูชา ผู้ที่ต้องการจะแสดงความเคารพบูชาต่อพระตถาคตอย่างยิ่ง ผู้นั้นจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระตถาคต จึงจะเป็นการปฏิบัติบูชาซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเคารพอย่างสูงสุด...
ดังนั้น เมื่อได้มาร่วมพิธีกรรมในวันนี้ เห็นการแสดงความเคารพอย่างสูงด้วยการถวายดอกไม้และการกราบไหว้ทำให้อาตมาระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า และคำพูดระหว่างพระอานนท์และพระพุทธเจ้าที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเรามีความเคารพ มีความซาบซึ้งในพระคุณของครูบาอาจารย์ และอยากจะแสดงออกถึงความรู้สึกนั้น การกราบไหว้ การถวายดอกไม้ หรือการกล่าววาจาที่แสดงออกถึงความเคารพนั้นก็ดีอยู่ แต่สิ่งเหล่านั้นยังเป็นเรื่องของโลกธรรม และยังเป็นเพียงอามิสบูชา การแสดงออกถึงความเคารพ ความซาบซึ้งและความกตัญญูกตเวทีในทางที่สูงกว่านี้ แม้จะยากขึ้น แต่ก็มีประโยชน์มากกว่า คือ การปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นั่นแหละจึงจะเป็นแสดงความเคารพที่สมบูรณ์ที่สุด
หลวงพ่อได้พูดถึงสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานว่าทำให้มีการเปลี่ยนแปลง เพราะมีเกียรติยิ่ง
คำว่า “คุณ” ตามความเข้าใจของอาตมาคือ คุณธรรมคุณงามความดี ส่วนคำว่า “เจ้า” หมายถึงสูงสุด ดีสุด ดังนั้นการที่เราได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคุณซึ่งเป็นเสมือนการได้รับดอกไม้ แท้จริงแล้วคือการปฏิบัติให้ถึงพร้อมบริบูรณ์ด้วยคุณธรรม คุณงามความดี ในจิตในใจของเรา และนี่คือสิ่งที่ยากกว่าการเขียนชื่อเจ้าคุณ การที่จะเขียนยศว่า “เจ้าคุณ” นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะปฏิบัติคุณธรรมให้ถึงพร้อมนั้นยากยิ่งกว่า
คุณธรรมที่ประกอบด้วยจิตบริสุทธิ์ ที่ประกอบด้วยปัญญาที่ประกอบด้วยคุณความดี การทำคุณธรรมนั้นให้เกิดขึ้นและผดุงรักษาไว้ทุกขณะ เป็นหน้าที่ที่ทำได้ยากยิ่งกว่า แต่ถ้าทำได้ก็จะยังประโยชน์ที่สูงกว่าการได้ชื่อว่าเป็นเจ้าคุณ
สุดท้าย หลวงพ่ออมโร กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาที่นี่อีกครั้ง เพราะเป็นที่ที่ท่านได้พบหลวงพ่อปสันโน ท่านเจ้าคุณโพธิญาณวิเทศ ซึ่งขณะนั้นตัวท่านอยู่ในสภาพฮิปปี้ผมยาวที่เพิ่งมาจากชายทะเล เราได้อยู่ด้วยกันที่นี่ (เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว) แล้วยังได้ไปทำงานร่วมกันที่สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าอาวาสสองหัว คือ เป็นเจ้าอาวาสคู่กันหลายปีที่วัดป่าอภัยคีรีที่แคลิฟอร์เนีย ครั้งนี้เรายังได้รับเกียรติเป็นเจ้าคุณพร้อมกันด้วย ราวกับถูกผูกไว้ด้วยกัน แยกกันไม่ได้ จะทำอะไรก็ต้องทำพร้อมกัน แล้วอาตมาก็รู้สึกสบายใจมากๆ ที่เป็นเช่นนี้
เมื่อได้เห็นประกาศชื่อเจ้าคุณใหม่ มีชื่อเราสองคนด้วยกัน อาตมาก็คิดว่า...โอ...ได้ทำอะไรด้วยกันกับหลวงพ่อปสันโนอีกแล้ว... รู้สึกสบายใจมาก
จาก http://www.posttoday.com/dhamma/440934
ความในใจพระฝรั่ง ที่ได้เป็นเจ้าคุณ
โดย...สมาน สุดโต
เรื่อง ชอบไม่ชอบ เท่าๆ กัน เป็นบทเทศนาของพระวิเทศพุทธิคุณ หรือหลวงพ่ออมโร ภิกฺขุ เจ้าอาวาสวัด อมราวดี ซึ่งเป็นวัดป่าสายหลวงพ่อชา ในสหราชอาณาจักร ท่านเป็นพระฝรั่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะ หรือเจ้าคุณสายวิปัสสนา ได้แสดงความในใจ ในวันที่พระสายหลวงพ่อชา คณะกัลยาณมิตร และผู้ที่เคารพนับถือมาแสดงมุทิตาจิต ที่วัดอัมพวัน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2558
ตามประวัตินั้น พระวิเทศพุทธิคุณ วิฺ (อมโร ภิกฺขุ) มีชื่อเดิมว่า เจเรมี ชาลี จูเลี่ยน ฮอร์เนอร์ (J.C.J.Horner) เกิดเมื่อเดือน ก.ย. 2499 ณ เมืองเท็นเทอร์เดน เคนท์ ประเทศอังกฤษ (เป็นลูกพี่ลูกน้องของ I.B. Horner นักวิชาการด้านพุทธศาสนา ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานชมรมบาลีปกรณ์ (Pali Text Society) ซึ่งล่วงลับไปแล้ว) อุปสมบทวันที่ 7 เม.ย. 2522 ณ พัทธสีมาวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเลี่ยม หรือปัจจุบันคือพระราชภาวนาวิกรม เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปภากโร วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยลอนดอน สายวิทยาศาสตร์พร้อมกัน 2 สาขา คือ สาขาจิตวิทยา และสาขาสรีรวิทยา
ท่านมีผลงานในการประพันธ์หนังสือ รวมทั้งประพันธ์ร่วมกับผู้อื่นประมาณ 20 เล่ม เพื่อแจกเป็นธรรมทาน
ชอบไม่ชอบ เท่าๆ กัน
อาตมาขอแสดงความยินดีที่ได้มาที่วัดอัมพวัน วัดหลวงพ่อจันดี
เมื่อได้ทราบว่าเราจะรับสมณศักดิ์ในวันนี้ ก็มีความคิดกันว่า เอ... ลูกศิษย์วัดหนองป่าพงในกรุงเทพฯ และในภาคกลาง จะรวมตัวกันทำพิธีแสดงมุทิตาจิต ณ ที่ใด จึงจะสะดวกท่านอาจารย์เกวลีได้ติดต่อท่านอาจารย์จันดี ท่านว่าท่านอาจารย์จันดีรับให้จัดพิธีที่วัดท่านได้ และท่านบอกอาตมาว่า... ท่านอาจารย์จันดี super happy
นั่นเป็นเพราะว่าเรารู้จักและเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี เมื่ออาตมาบวชเป็นสามเณร ท่านอาจารย์จันดีมาจำพรรษาที่วัดป่านานาชาติ คิดว่าปีนั้นเป็นพรรษาที่ 5 ของหลวงพ่อปสนฺโน ...เอ้อ...ต้องเรียกท่านว่า...ท่านเจ้าคุณโพธิญาณวิเทศ... โอ... ขี้ลืมเนอะ...อาจจะเป็นพรรษาที่ 3 ของหลวงพ่อจันดี ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ท่านสำรวมดีมาก สงบเงียบ และมีสติตลอดเวลา เราก็ว่า โอ...พระองค์นี้ดีมากมีสติตลอดเวลา เพราะว่าตอนนั้นอาตมายังหนุ่มๆ จิตใจก็วุ่นวาย ไม่มีสติ หลวงพ่อจันดีเป็นตัวอย่างดีๆ ในชีวิตพระของอาตมา ซึ่งบัดนี้ก็ 37 ปีแล้ว อาตมาจึงสบายใจมากที่ได้มาที่วัดนี้ซึ่งหลวงพ่อจันดีเป็นเจ้าอาวาส และมีโอกาสที่จะได้ร่วมกันพิจารณาพระธรรมในวันนี้และวันพรุ่งนี้
วันนี้เป็นวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันเกิดของในหลวง เป็นวันพ่อ แต่เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เป็นวันที่โยมพ่อของอาตมาเสียชีวิต ฉะนั้น วันนี้จึงเป็นทั้งวันที่ดีและวันที่ไม่ดีด้วย วันที่ชอบและวันที่ไม่ชอบ กลับมานึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชา หลวงพ่อของเราท่านเคยว่า ... ชอบไม่ชอบเท่าๆ กัน... เข้าใจไหม... ชอบไม่ชอบเท่าๆ กัน ... เพราะว่าการรับสมณศักดิ์นั้น ก็เป็นเหมือนเรื่องพิเศษที่คนเราอาจจะชอบ โอ...ดีใจมาก โอ้...วันนี้เป็นวันดี เป็นวันเกิดของในหลวงเป็นวันดีมากๆ เป็นวันที่เราได้เป็นเจ้าคุณ... แต่ถ้าเรายึดถือความดี โอ้....เป็นเจ้าคุณแล้ว โอ... เก่งมาก...เก่งมาก... อาจจะนึกว่าเป็นของสูงสุด ถ้ายึดติดอย่างนั้นจะตกนรกแน่นอนถ้าเรายึดติดความดี ความดีจะเปลี่ยนเป็นทุกข์ และเมื่อมีความทุกข์แล้ว เราก็ยึดติดมัน เราก็จะเป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น
แต่ถ้ามีความทุกข์หรือสิ่งที่เราไม่ชอบ เหมือนโยมพ่อเสียชีวิต เราก็อาจจะไม่ชอบหรือไม่สบายใจ แต่ถ้าเรามีปัญญาพิจารณาว่า เอ... โยมพ่อก็เกิดเมื่อ 102 ปีมาแล้วท่านตายเมื่ออายุ 80 ปี ชีวิตของท่านก็ดี และเมื่อคนเราเกิดแล้ว แน่นอนว่าต้องตาย ทุกๆ คนก็เหมือนกันเนอะทุกๆ คนในอุโบสถนี้ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย พระ ฆราวาส ทุกๆ คน ทุกๆ รูป วันหนึ่งต้องตายแน่นอน ใช่ไหม
แต่ถ้าเราไม่ยอมคิดอย่างนั้น กลับคิดว่า ...โอ้... ไม่ใช่...ไม่ใช่... ต้อง... How to say we can negotiate? ...ต้องต่อรอง... เราต้องการต่อรอง แต่มันต่อรองไม่ได้ พญามัจจุราชย่อมไม่สนใจแน่นอน ถ้าจะพิจารณาความตายด้วยปัญญา...อ้อ...ถ้าเกิดแล้วก็ต้องตายแน่นอน มันเป็นอย่างนั้น เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ ฉะนั้น เวลามีคนตาย เราก็เสียใจ แต่ถ้าไม่ยึดติด ก็จะไม่มีความทุกข์ เข้าใจไหม มีความเจ็บ แต่ไม่มีความทุกข์ ยังมีความสงบอยู่ในจิตใจ หรือในกรณีสิ่งของถ้าไม่ยึดติด เห็นเป็นสักแต่ว่าของเฉยๆ ของนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหา หรือนำความทุกข์มาให้เจ้าของ
เมื่อพ่อแม่ของเราตาย คนเราย่อมไม่สบายใจ แต่ถ้าเราเห็นว่า นี่เป็นเรื่องธรรมชาติกำลังแสดงธรรม ความหมายความคำว่า “ธรรมชาติ” คือ ธรรมะ และ ชา-ติ ...เกิดจากธรรม... ถ้าเราเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาติกำลังแสดงธรรมเราก็จะ ...โอ้...ใจสบาย เข้าใจไหม
เมื่อพิจารณาอย่างนี้ เราก็จะเห็นได้ว่า ความชอบหรือความไม่ชอบก็มีค่าเท่าๆ กัน หากเราวางใจไม่ถูกต้องทั้งความชอบและความไม่ชอบก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ แต่ถ้าเรามีปัญญารู้เท่าทัน เราก็จะเป็นอิสระจากทั้งความชอบและความไม่ชอบนั้น
คิดว่าได้แสดงธรรมมาพอสมควรแล้วในคืนนี้ ขอโทษที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยคล่อง ท่านเจ้าคุณโพธิญาณวิเทศพูดเพราะมาก อาตมาพูดไทยได้แค่นิดหน่อย ฉะนั้นจึงขอพูดเพียงเท่านี้ เพื่อพวกเราจะได้เตรียมตัวสำหรับพิธีในวันพรุ่งนี้
จาก http://www.posttoday.com/dhamma/439565