ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2016, 11:05:16 pm »"เรียบร้อยโรงเรียนจีน"…คำสแลงของเหล่าขาโจ๋ อาจพูดกันบ่อยๆแต่คงไม่รู้ว่า ต้นสาย ปลายเหตุเป็นมาอย่างไร..!!
อดีต...เมื่อครั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ยุคนั้นมีความขัดแย้งในระบอบการปกครอง 2 ซีกโลก ไทยเราอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเกรงว่าสังคมนิยมจากจีนจะแทรกซึมเข้ามากับการศึกษา ได้สั่งให้ปิดโรงเรียนที่สอนภาษาจีนทั่วราชอาณาจักรจึงเป็นที่มาที่ไปของคำพูดฮิตประโยคนี้...!!
เมื่อหมดยุคจอมพล ป. .....สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ชาวไทยเชื้อสายจีนจึงได้รื้อฟื้นการเรียนการสอนภาษาจีนให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพียง เพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น มิได้คาดหมายว่าจะมีบทบาทความสำคัญต่อประชากรโลกในยุคต่อมา
แม้แต่....กลุ่มประชาคมอาเซียน ซึ่งกำลังก่อหวอดในปัจจุบันก็ยังใช้ภาษาจีนในการสื่อสาร....!!
ครั้งนั้น....สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา จึงเปิด โรงเรียนหน่านเฉียวเสี่ยวเส่เสี้ยว ขึ้น (ถือว่าเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนไหหลำขนาดเล็ก) ใกล้ๆสถานีรถไฟ ต่อมาถูกไล่ที่เพื่อสร้างทางรถไฟจึงได้ย้ายมาตั้งที่ 295/1 ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา... คาบเวลานั้นมีนักเรียนเพียง 40 คน
โรงเรียนหน่านเฉียว (ตัดคำว่าเสี่ยวเส่เสี้ยวออก) มีการพัฒนาจากโรงเรือนไม้ให้ถาวรเป็นอาคารคอนกรีต ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งแต่ก่อนวัยเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กว่า 400 คน ...ทุกคนเรียนฟรี อาหารฟรี เสื้อผ้าฟรี พาหนะ (จักรยาน) ฟรี
จึงมีข้อกังขาว่า....งบประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันแต่ละปีเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย เมื่อสถาบันการเรียนการสอนแห่งนี้ให้เปล่าทุกอย่าง แล้วยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร
คุณบัณฑิตย์ สื่อประเสริฐสิทธิ อายุ 80 ปี นายกสมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา ผู้อยู่ในคณะกรรมการฯ มานานกว่า 3 ทศวรรษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมบริหารสถานศึกษาแห่งนี้ นอก เหนือจากบริการสงเคราะห์การกุศล ได้ไขข้อสงสัยกับ “เหนือฟ้า ใต้บาดาล”....ว่า
......เมื่อสร้างอาคารคอน-กรีตหลังแรกแล้วเสร็จในปี 2540 พอปลายปีก็เกิดปาฏิหาริย์
กลางดึกวันที่ 21 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากคนหาปลาว่ามีศพหญิงลอยน้ำบางปะกงมาติดที่กอสวะหน้าเขื่อน ใกล้ๆ ท่าน้ำห้างตะวันออกพลาซ่า
เจ้าหน้าที่จึงไปชันสูตรศพตามรายงาน ต้อง เบิกตาโพลงเมื่อสปอตไลต์ที่จุดเกิดเหตุ ศพที่ว่านั้นคือเทวรูปองค์เจ้าแม่กวนอิมปางถือคัมภีร์ ลักษณะ เป็นกระเบื้องเคลือบแต่ไม่จมน้ำเหมือนกระเบื้องทั่วๆไปเป็นที่น่าอัศจรรย์
และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้น้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัม (เท่ากับหญิงสาวเอวบางร่างน้อย) แต่ดึงเท่าใดก็ไม่สามารถเอาขึ้นจากน้ำได้ ผู้รู้ได้ จุดธูปอธิษฐานขอให้ให้ขึ้นจากน้ำ อย่างปาฏิหาริย์เพียงคนเดียวก็ยกขึ้น อย่างสบายๆ
ร.ต.อ.สุพรรณ พลศักดิ์ ร้อยเวร เห็นว่า เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่เหมาะที่จะนำไปประดิษฐานบนโรงพัก ด้วยสถานีตำรวจเป็นสถานที่ราชการและไม่สะอาดพอ ด้วยเจ้าหน้าที่บางท่านยังบริโภคเนื้อโค–กระบืออยู่ จึงได้มอบให้ทาง สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา ทำหน้าที่ดูแลรักษา
พอข่าวสะพือออกไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 16 ปี ประชาชนทั้งในจังหวัดฉะเชิงเทราและอื่นๆต่างก็มาสักการบูชา ซึ่งก็ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บ่อยครั้ง ยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสให้ขจรขจาย
.....และ ด้วยศรัทธาบารมีขององค์ “เจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ” ก็ได้แผ่พลังมาเกื้อกูลโรงเรียนหน่านเฉียวในค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างต่อเติมอาคารให้พอเพียงต่อการบริการการเรียนการสอนตามความเหมาะสม
ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสต่อองค์เจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ มีบางรายที่มีประสบการณ์แล้วสมประสงค์ในสิ่งที่ขอ จึงได้นำแผ่นทองคำมาปิดทำให้เกิดเลอะเทอะไม่สดสวย ทางคณะกรรมการจึงได้ เปลี่ยนโฉมใหม่จากที่สวมใส่เป็นลายไผ่สีเขียวให้เป็นทองคำทั้งองค์
โดย...ได้กำหนดวันเฉลิมฉลององค์ทองคำตั้งแต่ 9 ถึง 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งจัดให้เปิดบริการเลี้ยงอาหารเจตลอด 15 วันฟรี และคาบเวลานั้นจวบกับอยู่ในช่วงเทศกาล ตรุษจีน หรือ ปีใหม่จีนพอดี ซึ่งตามปกตินิยมในโบราณกาล เทศกาลนี้จะให้ความสำคัญอยู่ 2 วันคือ.....ไป๊เล่า-เอี๊ย (วันไหว้) กับ ซิวอิด (วันถือ)
วันไหว้....จะมีกัน 3 เวลา โดย กำหนด แตกต่างกันไปว่าจะเป็นการไหว้เจ้า ไหว้บรรพชน หรือ ไหว้ผี สำหรับของไหว้ก็จะเป็นพวก หมู เป็ด ไก่ (ต้มทั้งตัว) สุรา น้ำชา แจไก่ (เห็ดหอม ดอกไม้จีน เห็ดหูหนู) ส้มจีน ผลไม้ ฯลฯ แล้วแต่จะจัดหามา.....มากหรือน้อยก็แล้วแต่สถานการณ์
วันถือ...จะไม่ประกอบการทำงานให้เหน็ดเหนื่อย บางรายจะไม่รับประทานของสด คาว หวานคือ เนื้อสัตว์ต่างๆ เรียกว่า “กินเจ” เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง นุ่งห่มของใหม่ใส่เสื้อผ้าสีสดสวย ทำกุศลให้สิ่งดีๆกับชีวิต เที่ยวหาความสุขใส่ตัว ออกไปไหว้พระ ทำบุญ ทำกุศล... ฯลฯ
หรือ.....เยี่ยมเพื่อน เยือนญาติ อวยพรให้กันและกัน ส่งพลังโชคดี ทำมาค้าขึ้น...ด้วยคำว่า
“......ซินนี้ตั้วถั่น ซินเจียยู่อี่...”.
ก้อง กังฟู
จาก http://www.thairath.co.th/content/322669
อดีต...เมื่อครั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ยุคนั้นมีความขัดแย้งในระบอบการปกครอง 2 ซีกโลก ไทยเราอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเกรงว่าสังคมนิยมจากจีนจะแทรกซึมเข้ามากับการศึกษา ได้สั่งให้ปิดโรงเรียนที่สอนภาษาจีนทั่วราชอาณาจักรจึงเป็นที่มาที่ไปของคำพูดฮิตประโยคนี้...!!
เมื่อหมดยุคจอมพล ป. .....สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ชาวไทยเชื้อสายจีนจึงได้รื้อฟื้นการเรียนการสอนภาษาจีนให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพียง เพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น มิได้คาดหมายว่าจะมีบทบาทความสำคัญต่อประชากรโลกในยุคต่อมา
แม้แต่....กลุ่มประชาคมอาเซียน ซึ่งกำลังก่อหวอดในปัจจุบันก็ยังใช้ภาษาจีนในการสื่อสาร....!!
ครั้งนั้น....สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา จึงเปิด โรงเรียนหน่านเฉียวเสี่ยวเส่เสี้ยว ขึ้น (ถือว่าเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนไหหลำขนาดเล็ก) ใกล้ๆสถานีรถไฟ ต่อมาถูกไล่ที่เพื่อสร้างทางรถไฟจึงได้ย้ายมาตั้งที่ 295/1 ถนนศุภกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา... คาบเวลานั้นมีนักเรียนเพียง 40 คน
โรงเรียนหน่านเฉียว (ตัดคำว่าเสี่ยวเส่เสี้ยวออก) มีการพัฒนาจากโรงเรือนไม้ให้ถาวรเป็นอาคารคอนกรีต ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งแต่ก่อนวัยเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กว่า 400 คน ...ทุกคนเรียนฟรี อาหารฟรี เสื้อผ้าฟรี พาหนะ (จักรยาน) ฟรี
จึงมีข้อกังขาว่า....งบประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันแต่ละปีเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย เมื่อสถาบันการเรียนการสอนแห่งนี้ให้เปล่าทุกอย่าง แล้วยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร
คุณบัณฑิตย์ สื่อประเสริฐสิทธิ อายุ 80 ปี นายกสมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา ผู้อยู่ในคณะกรรมการฯ มานานกว่า 3 ทศวรรษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมบริหารสถานศึกษาแห่งนี้ นอก เหนือจากบริการสงเคราะห์การกุศล ได้ไขข้อสงสัยกับ “เหนือฟ้า ใต้บาดาล”....ว่า
......เมื่อสร้างอาคารคอน-กรีตหลังแรกแล้วเสร็จในปี 2540 พอปลายปีก็เกิดปาฏิหาริย์
กลางดึกวันที่ 21 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากคนหาปลาว่ามีศพหญิงลอยน้ำบางปะกงมาติดที่กอสวะหน้าเขื่อน ใกล้ๆ ท่าน้ำห้างตะวันออกพลาซ่า
เจ้าหน้าที่จึงไปชันสูตรศพตามรายงาน ต้อง เบิกตาโพลงเมื่อสปอตไลต์ที่จุดเกิดเหตุ ศพที่ว่านั้นคือเทวรูปองค์เจ้าแม่กวนอิมปางถือคัมภีร์ ลักษณะ เป็นกระเบื้องเคลือบแต่ไม่จมน้ำเหมือนกระเบื้องทั่วๆไปเป็นที่น่าอัศจรรย์
และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้น้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัม (เท่ากับหญิงสาวเอวบางร่างน้อย) แต่ดึงเท่าใดก็ไม่สามารถเอาขึ้นจากน้ำได้ ผู้รู้ได้ จุดธูปอธิษฐานขอให้ให้ขึ้นจากน้ำ อย่างปาฏิหาริย์เพียงคนเดียวก็ยกขึ้น อย่างสบายๆ
ร.ต.อ.สุพรรณ พลศักดิ์ ร้อยเวร เห็นว่า เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่เหมาะที่จะนำไปประดิษฐานบนโรงพัก ด้วยสถานีตำรวจเป็นสถานที่ราชการและไม่สะอาดพอ ด้วยเจ้าหน้าที่บางท่านยังบริโภคเนื้อโค–กระบืออยู่ จึงได้มอบให้ทาง สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา ทำหน้าที่ดูแลรักษา
พอข่าวสะพือออกไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 16 ปี ประชาชนทั้งในจังหวัดฉะเชิงเทราและอื่นๆต่างก็มาสักการบูชา ซึ่งก็ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บ่อยครั้ง ยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสให้ขจรขจาย
.....และ ด้วยศรัทธาบารมีขององค์ “เจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ” ก็ได้แผ่พลังมาเกื้อกูลโรงเรียนหน่านเฉียวในค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างต่อเติมอาคารให้พอเพียงต่อการบริการการเรียนการสอนตามความเหมาะสม
ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสต่อองค์เจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ มีบางรายที่มีประสบการณ์แล้วสมประสงค์ในสิ่งที่ขอ จึงได้นำแผ่นทองคำมาปิดทำให้เกิดเลอะเทอะไม่สดสวย ทางคณะกรรมการจึงได้ เปลี่ยนโฉมใหม่จากที่สวมใส่เป็นลายไผ่สีเขียวให้เป็นทองคำทั้งองค์
โดย...ได้กำหนดวันเฉลิมฉลององค์ทองคำตั้งแต่ 9 ถึง 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งจัดให้เปิดบริการเลี้ยงอาหารเจตลอด 15 วันฟรี และคาบเวลานั้นจวบกับอยู่ในช่วงเทศกาล ตรุษจีน หรือ ปีใหม่จีนพอดี ซึ่งตามปกตินิยมในโบราณกาล เทศกาลนี้จะให้ความสำคัญอยู่ 2 วันคือ.....ไป๊เล่า-เอี๊ย (วันไหว้) กับ ซิวอิด (วันถือ)
วันไหว้....จะมีกัน 3 เวลา โดย กำหนด แตกต่างกันไปว่าจะเป็นการไหว้เจ้า ไหว้บรรพชน หรือ ไหว้ผี สำหรับของไหว้ก็จะเป็นพวก หมู เป็ด ไก่ (ต้มทั้งตัว) สุรา น้ำชา แจไก่ (เห็ดหอม ดอกไม้จีน เห็ดหูหนู) ส้มจีน ผลไม้ ฯลฯ แล้วแต่จะจัดหามา.....มากหรือน้อยก็แล้วแต่สถานการณ์
วันถือ...จะไม่ประกอบการทำงานให้เหน็ดเหนื่อย บางรายจะไม่รับประทานของสด คาว หวานคือ เนื้อสัตว์ต่างๆ เรียกว่า “กินเจ” เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง นุ่งห่มของใหม่ใส่เสื้อผ้าสีสดสวย ทำกุศลให้สิ่งดีๆกับชีวิต เที่ยวหาความสุขใส่ตัว ออกไปไหว้พระ ทำบุญ ทำกุศล... ฯลฯ
หรือ.....เยี่ยมเพื่อน เยือนญาติ อวยพรให้กันและกัน ส่งพลังโชคดี ทำมาค้าขึ้น...ด้วยคำว่า
“......ซินนี้ตั้วถั่น ซินเจียยู่อี่...”.
ก้อง กังฟู
จาก http://www.thairath.co.th/content/322669