ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2016, 01:40:28 pm »นกตัวหนึ่งได้กินผลโพธิ์แล้วอุจจาระลงบนดิน ทำให้เกิดกองอุจจาระที่มีเมล็ดโพธิ์อยู่ เมื่อเวลาผ่านไป ลิงตัวหนึ่งได้ฉี่ลงตรงกองอุจจาระที่มีเมล็ดโพธิ์นั้นพอดี เมล็ดโพธิ์ได้อาศัยน้ำจากฉี่ลิงก็งอกเป็นต้นอ่อนขึ้น เวลาผ่านไป ต้นอ่อนที่เติบโตกลางฤดูร้อนเริ่มทนต่อความร้อนไม่ไหว ช้างตัวหนึ่งนิยมพักนอนใกล้ ๆ กับต้นโพธิ์น้อยนั้น ทำให้เกิดร่มเงาพอที่ต้นโพธิ์จะเติบโตสู้ฤดูร้อนนั้นได้ เมื่อต้นโพธิ์เติบโตขึ้น นก ลิง และช้างได้หายไป วันหนึ่ง นายพรานเดินเข้ามาทางนั้นพอดี เขาเงื้อมมือจะถางหญ้าตรงหน้าซึ่งมีต้นโพธิ์น้อยขึ้นอยู่นั้น กระรอกตัวหนึ่งคิดว่าที่ชายป่าแห่งนี้แห้งแล้งนัก หากต้นโพธิ์น้อยนี้ได้เติบใหญ่ จักเป็นที่อาศัย
แก่สรรพสัตว์มากมาย มันจึงวิ่งออกมาล่อนายพราน นายพรานเห็นกระรอกจึงหยุด แล้วตามกระรอกไป ต้นโพธิ์น้อยจึงมิได้ถูกตัดทำลายและเติบโตสืบไปเวลา ผ่านไปหลายปี ต้นโพธิ์น้อยกลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่ให้ร่มเงาแก่สัตว์ที่เดินทางผ่านมาทางนั้น ตั้งแต่สัตว์ที่เล็กที่สุดจนถึงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุด วันหนึ่ง ฤดูร้อนมาถึง สัตว์จำนวนมากเดินทางผ่านมาและแวะพักร่มโพธิ์นั้น สัตว์ทั้งหลายจึงเอ่ยถามขึ้นว่า ใครหนอเป็นเจ้าของต้นโพธิ์ เป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ต้นนี้ นกตัวหนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่ามันเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ต้นนี้ ด้วยการกินผลโพธิ์
แล้วอุจจาระลงดินไป ทันใดนั้น ลิงตัวหนึ่งก็กล่าวขึ้นบ้างว่า มันเป็นผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงต่างหาก เพราะเป็นผู้รดน้ำลงไป ส่วนช้างอีกตัวก็กล่าวว่ามันต่างหากที่ให้ร่มเงาแก่ต้นโพธิ์น้อยจนเติบใหญ่ ย่อมต้องได้รับการนับถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ ส่วนกระรอกอีกตัวก็กล่าวว่ามันต่างหากที่เป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์นี้ เพราะเป็นผู้เสี่ยงชีวิตให้ต้นโพธิ์รอดจากการถูกนายพรานตัด สัตว์ทั้งหลายต่างถกเถียงกันไม่จบสิ้นอย่างนี้หาข้อสรุปมิ
ได้ สัตว์ทั้งหลายจึงขอให้รุกขเทวดาประจำต้นโพธิ์เป็นพยานและตัดสินว่าใครกันแน่ ควรได้รับการนับถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ รุกขเทวดาประจำต้นโพธิ์ปรากฏกายขึ้นแล้วกล่าวว่าผู้ใดให้ชีวิต ผู้นั้นนับเป็นบุพการี นกนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้ถ่ายมูลลงมาเป็นเมล็ดก็มิอาจนับเป็นบุพการี ลิงนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้ฉี่ลงมารดจนงอกขึ้นก็มิอาจนับเป็นบุพการี ช้างนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้บังแดดให้ต้นโพธิ์ก็มิอาจนับเป็นบุพการี บุคคลผู้มิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตแก่ผู้อื่นถือกำเนิดขึ้นด้วยกรรมแห่งตนย่อมไม่
นับเป็นบุพการี ชายใดที่ปลุกปล้ำผู้หญิงแล้วหนีหายไป จนหญิงตั้งท้องคลอดบุตร ชายนั้นนับได้เพียงเป็นผู้กระทำชำเราหญิงผู้นั้นได้เพียงเท่านั้นหาค่าควรแก่การได้รับการยอมรับนับถือเป็น บุพการีไม่ อุปมาดั่งนกที่ถ่ายมูลลงมาเป็นต้นโพธิ์ฉะนั้น มิอาจเรียกได้ว่าบุพการี คำว่าบุพการีนี้มีค่านัก ควรแก่การได้รับกตัญญูกตเวทิตาคุณ บุคคลใดจักได้รับการนับถือด้วยเกียรติ์อันสูงส่งเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นผู้มีเจตนาจะให้ชีวิตแก่ผู้อื่นกำเนิดขึ้นด้วยกรรมแห่งตนดังนี้ ข้าพเจ้าขอตัดสินว่า กระรอกนั้นเอง นับได้ว่าเป็นบุพการีแห่งโพธิ์ต้นนี้