ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กันยายน 03, 2016, 06:12:56 am »ปี พ.ศ.2520 หลวงพ่อเขมธัมโม ได้นิมนต์ หลวงพ่อชา เดินทางไปประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยได้ที่เมืองแฮมป์สเตด อันเป็นสถานที่หลวงพ่อเขมธัมโมได้พบกับสัจจธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเป็นครั้ง แรก นอกจากนี้ ยังได้พาหลวงพ่อไปทางตอนใต้ของอังกฤษ เพื่อเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่ ของหลวงพ่อเขมธัมโมด้วย นับเป็นเวลาที่หลวงพ่อเขมธัมโมได้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อชามากที่สุด และนานที่สุด
หลวงพ่อชาได้เดินทางกลับเมืองไทย แต่หลวงพ่อเขมธัมโม ยังอยู่ต่อในอังกฤษต่อไป ทั้ง 2 ไม่ได้พบกันเป็นเวลานานถึง 9 ปีครึ่ง แล้วก็มีข่าวว่าหลวงพ่อชาอาพาธหนัก หลวงพ่อเขมธัมโมจึงรีบเดินทางมาเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกราบเยี่ยมพระอาจารย์ของท่าน ช่วงนั้นหลวงพ่อชามีอาการที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย
หลวงพ่อเขมธัมโมต้องเดินทางมาเมืองไทยทุกปี เพื่อกราบเยี่ยมหลวงพ่อชา หลวงพ่อชากล่าวว่า...นี่เป็นกรรมของท่านและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไร กับมัน ท่านต้องอยู่กับเตียงและเก้าอี้ตลอดเวลา ต้องอาศัยผู้อื่นให้ทำทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกายของท่าน เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไป
หลวงพ่อเขมธัมโม บันทึกไว้ในตอนท้ายว่า... “เราไม่อาจทราบได้ว่า ในช่วงเวลานั้น (หลวงพ่อชา) ท่านทำอะไรบ้าง หรือทำไมมันจึงต้อง เป็นแบบนั้น แต่หลังจากที่ท่านได้มีเวลาให้กับตนเอง บางทีท่านอาจจะ ได้สำเร็จในกิจภาระ ของตัวท่านเองแล้ว เราไม่มีทางรู้ได้เลย แต่อาตมาก็หวังว่าท่านได้จบชีวิตลงเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว...”
หลวงพ่อเขมธัมโม ได้พูดถึงตัวเองว่า...ในชีวิตของท่าน นับว่าโชคดี ที่ได้รู้จักกับบุคคลที่เด่นด้วยคุณค่าหลายท่าน โดยมี หลวงพ่อชา เป็นผู้ที่ดีเด่นที่สุด ชื่นชอบในตัวท่านมาก เคารพและรักท่าน อีกทั้งรู้สึกสำนึกในบุญคุณเสมอ ที่โชคดีได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน
เมื่อข่าวว่า หลวงพ่อชา ได้มรณภาพแล้ว ความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองของหลวงพ่อเขมธัมโมก็คือ ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะพยายามทำตัวให้มีคุณค่ามากขึ้น เพื่อ หลวงพ่อชา และสามารถดำเนินภารกิจสืบทอดสิ่งที่ หลวงพ่อชา ท่านได้มอบให้กับลูกศิษย์ทุกคน
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการมรณภาพของ หลวงพ่อชา หลวงพ่อเขมธัมโมก็ได้เดินทางมาถึงเมืองไทย และตรงไปยัง วัดหนองป่าพง ทันที เพื่อแสดงความคารวะแด่สรีระของ หลวงพ่อชา พระอาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างใหญ่หลวง สำหรับ หลวงพ่อเขมธัมโม ลูกศิษย์ชาวอังกฤษที่ได้มีโอกาสบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศอังกฤษ
หลวงพ่อเขมธัมโม ต้องเดินทางมาเมืองไทยทุกปี เพื่อกราบเยี่ยมหลวงพ่อชา ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชาได้กล่าวกับหลวงพ่อเขมธัมโม ว่า...นี่เป็นกรรมของท่าน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรกับมัน หลวงพ่อชาต้องอยู่กับเตียงและเก้าอี้ตลอดเวลา ต้องอาศัย ผู้อื่นให้ทำทุกอย่าง เกี่ยวกับร่างกายของท่านเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ก่อนที่หลวงพ่อชาจะมรณภาพเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2535 ณ วัดหนองป่าพง สิริรวมอายุ 74 ปี พรรษา 52 ขณะดำรงสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระโพธิญาณเถร”
หลวงพ่อเขมธัมโม บันทึกไว้ในตอนท้ายว่า... “เราไม่อาจทราบได้ว่า ในช่วงเวลานั้น (หลวงพ่อชา) ท่านทำอะไรบ้าง หรือทำไมมันจึง ต้องเป็นแบบนั้น แต่หลังจากที่ท่านได้มีเวลาให้กับตนเอง บางทีท่านอาจจะได้สำเร็จในภารกิจ ของตัวท่านเองแล้ว เราไม่มีทางรู้ได้เลย แต่อาตมาก็หวังว่าท่านได้จบชีวิตลงเมื่อสำเร็จเป็น พระอรหันต์ แล้ว...”
หลวงพ่อเขมธัมโม ได้พูดถึงตัวเองว่า...ในชีวิตของท่านนับว่าโชคดีที่ได้รู้จักกับบุคคลที่ เด่นด้วยคุณค่าหลายท่าน โดยมี หลวงพ่อชา เป็นผู้ที่ดีเด่นที่สุดในชีวิตของท่าน ท่านชื่นชอบในตัวหลวงพ่อชามาก เคารพและรักหลวงพ่อชา อย่างสุดชีวิตและจิตใจ อีกทั้งยังรู้สึกสำนึก ในบุญคุณเสมอที่โชคดีได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ท่าน ในฐานะเป็น “พุทธบุตร” ที่ท่านได้เลือกทางเดินเองแล้ว และนี่คือ...เส้นทางเดินของชีวิตที่ประเสริฐสุด
เมื่อทราบข่าวว่า หลวงพ่อชา ได้มรณภาพแล้ว ความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองของหลวงพ่อเขมฯก็คือ ความตั้งใจ แน่วแน่ที่จะพยายามทำตัวให้มีคุณค่ามากขึ้น เพื่อ หลวงพ่อชา และสืบทอดภารกิจที่ หลวงพ่อชา ได้มอบให้กับท่านและลูกศิษย์ทุกคน
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการมรณภาพของหลวงพ่อชา หลวงพ่อเขมธัมโม ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองไทย และตรงไปยังวัดหนองป่าพงทันที เพื่อแสดงความเคารพแด่สรีระของ หลวงพ่อชา พระอาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างใหญ่หลวง สำหรับ หลวงพ่อเขมธัมโม ลูกศิษย์ชาวอังกฤษที่ได้มีโอกาสบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศอังกฤษ
ภารกิจสำคัญของหลวงพ่อเขมธัมโม ในประเทศอังกฤษคือการจัดตั้งวัดในทางพระพุทธศาสนาขึ้นในเมืองวอริค เป็นรูปแบบของ “วัดป่า” ตามแบบของหลวงพ่อชา เมื่อปี พ.ศ.2530 โดยตั้งชื่อว่า “วัดป่าสันติธรรม” (Santidhamma Forest Hermitage) ดำเนินการเผยแผ่หลักธรรม คำสอนในทางพระพุทธศาสนาแก่ชาวอังกฤษโดยเฉพาะ รวมทั้งชาวต่างชาติอื่นๆ ที่สนใจ ทั้งนี้ หลวงพ่อจะสอนวิธีนั่งสมาธิแบบง่ายๆ และแนะแนวทางการแก้ปัญหาชีวิตประจำวันด้วย หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง โดยสรุปว่าเป็นการแก้ปัญหาตรงจุดที่สุด
การทำงานของหลวงพ่อเขมธัมโม ได้รับการสนับสนุนจากชาวไทยที่ไปทำงานในอังกฤษ รวมทั้งบรรดานักเรียนนักศึกษาไทยต่างก็ให้ความร่วมมืออย่างกว้างขวาง ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบัน วัดป่าสันติธรรม ได้เติบโตขยายตัวออกไปมาก มีพระภิกษุพำนักอยู่ที่วัดนี้รวมทั้งหมด 4 รูป ซึ่งล้วนเป็นชาวอังกฤษทั้งสิ้น
เมื่อวันที่ผู้เขียนไปเยี่ยมชมวัดนี้ก็ได้พบกับ พระภิกษุหนุ่มชาวอังกฤษ หน้าตาดีมาก 3 รูป ท่านนั่งรอ หลวงพ่อเขมธัมโม เพื่อฉันภัตตาหารเพล ด้วยอาการที่วางนิ่งเฉยมาก สำรวมอย่างที่สุด ได้กราบเรียนถามท่านอะไร ท่านก็ตอบสั้นๆ แต่เพียงว่า ให้รอถาม หลวงพ่อเขมธัมโม และที่สำคัญคือท่านพูดภาษาไทยไม่ได้เลย เพราะท่านเกิดที่อังกฤษ ไม่เคยมาเมืองไทยเลย จึงพูดแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น และพูดน้อยมาก การเรียนหนังสือธรรมะก็เรียนฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ
สำหรับ การฉันภัตตาหารเพลของหลวงพ่อเขมธัมโม และพระลูกศิษย์ทั้ง 3 รูป เป็นการ ฉันรวมในบาตร ด้วยอาหารมังสวิรัติ และ ฉันเพียงมื้อเดียวใน 1 วัน
ภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกด้านหนึ่งของหลวงพ่อเขมธัมโม คือการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ขององค์การ “องคุลิมาล” ซึ่งเป็นองค์กรการสอนพุทธศาสนา ในเรือนจำ และจัดอบรมการปฏิบัติงานด้านพระพุทธศาสนา สำหรับอนุศาสนาจารย์ด้วย
คาบเกี่ยวกันนี้ ท่านได้ผันตัวเองไปทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมคุก คือ เข้าไปสอนนักโทษในเรือนจำโดยไม่จำกัดว่าศาสนาอะไร สอนให้สวมมนต์ ปฏิบัติกรรมฐาน ใหม่ๆ ก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อย ทั้งการกีดกันจากผู้มีอิทธิพลทางลัทธิศาสนาไม่อนุญาตเข้าไปสอนบ้าง อ้างเลศ บ่ายเบี่ยงบ้าง แต่ท่านก็มิได้ท้อถอย สวมบทวิญญาณตื้อเท่านั้นที่ครองโลก จนในที่สุดก็ต้องยอมอนุญาตให้เข้าไปอบรมสอนได้ แต่ก็ไม่เต็มร้อย เพราะเนื่องจากนักโทษมีพฤติกรรมที่แข็งกร้าว และเกรงจะทำร้ายท่าน กลัวว่าท่านจะปั่นหัวนักโทษเอาลัทธิความเชื่อแบบตะวันออกมาเผยแพร่ กีดกันขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าถึงขนาดต้องมีการตรวจสอบกลั่นกรองการนำเสนอของท่านเป็นเวลา หลายเดือน
เมื่อรู้ว่าท่านนำเสนอข้อเท็จจริงและพูดแต่ความดีงามไม่กระทบความเชื่อ ของศาสนาใดเลย จึงอนุญาตเพราะความต้องการของคนคุก ต่อมามินานนัก หลังจากท่านได้นำเอากรรมฐานไปอบรมปรากฏว่านักโทษมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจาก ก้าวร้าวเป็นสงบเสงี่ยม บางรายถึงกับขอบวชเณร 7 วัน แล้วกลับเข้าไปอยู่ในคุกต่อ จนกระทั่งเกิดรวมกลุ่มนักโทษที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา
ที่ วัดป่าสันติธรรม มีการอบรมสมาธิสำหรับผู้ที่สนใจทุกๆ วันจันทร์และวันศุกร์ รวมทั้งจัดงานทำบุญใน วันสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนการแนะนำพระพุทธศาสนาให้แก่กลุ่มนักเรียน และองค์กรต่างๆ ที่มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
นับเป็นความวิริยะอุตสาหะอย่างสูงของหลวงพ่อเขมธัมโม ที่ท่านได้เพียรพยายามเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่เพื่อน ร่วมชาติของท่านเอง เพื่อให้เขาเหล่าได้พ้นทุกข์ และประสบแสงสว่างแห่งชีวิต ประสบปัญญาแห่งธรรมะโดยแท้จริง สมควรที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยในเมืองไทยจะได้มีส่วนช่วยเหลือ หลวงพ่อเขมธัมโม ท่านบ้าง เมื่อมีโอกาส
หลวงพ่อเขม ได้ก่อตั้ง วัดป่าสันติธรรม ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1987 (พ.ศ.2530) โดยได้รับการสนับสนุน จากพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวอังกฤษอย่างกว้างขวาง
ห้องพระ วัดป่าสันติธรรม
ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา วัดป่าสันติธรรม ได้เติบโต ขยายตัวมาก จนกระทั่งปัจจุบันมี พระภิกษุ พำนักอยู่ที่วัดรวมทั้งหมด 4 รูป นอกจากนี้ วัดป่าสันติธรรม ยังเป็นที่ตั้งของ สำนักงานใหญ่ขององคุลิมาล (องค์กรการสอน พุทธศาสนาในเรือนจำ) ซึ่งจัดอบรม ปฏิบัติงานด้านศาสนาสำหรับอนุศาสนาจารย์ด้วย
ที่ วัดป่าสันติธรรม มีการ อบรมสมาธิสำหรับผู้ที่สนใจทุกๆ วันจันทร์และวันศุกร์ รวมทั้งจัดงาน ทำบุญในวันสำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา และแนะนำพระพุทธศาสนาให้แก่กลุ่มนักเรียนและองค์กรต่างๆ ที่มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อเขมธัมโม กล่าวว่า เนื่องจาก คณะสงฆ์ได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทางวัดจึงไม่สามารถที่จะรองรับ การขยายตัว ดังกล่าวได้อีกต่อไป เนื่องจากมีที่พำนักอาศัย และที่เก็บของจำกัด ทั้งยังไม่มีห้องพัก รับรอง พระอาคันตุกะ (พระสงฆ์ที่มาเยี่ยมเยือน) นอกจากนี้ ยังขาดที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้หญิง ทำให้ไม่สามารถรับบวชแม่ชีได้ การรองรับผู้มาเก็บตัวเพื่อปฏิบัติธรรมที่วัดก็ทำได้ไม่เต็มที่
หลวงพ่อเขมธัมโม กล่าวว่า ในละแวกวัดป่าสันติธรรม มีบ้าน วู้ด คอทเทจ (Wood Cottage) อยู่หลังหนึ่งซึ่ง เป็นสถานที่เหมาะ มากที่สุดสำหรับรองรับการขยายตัวของวัดป่าสันติธรรม ด้วยอาณาเขต ที่ใกล้เคียงกัน ทั้งความเก่าแก่และรูปแบบ อาคารก่อสร้าง ก็คล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ มณฑลวอริคที่สงบ ห่างไกลจากถนน และความวุ่นวายอึกทึก เจ้าของ วู้ด คอทเทจ คนปัจจุบันได้ปรับปรุง สถานที่จนมีสภาพที่ดีเยี่ยม พร้อมที่จะรองรับการขยายตัว ของวัดป่าสันติธรรมได้ทันที
หลวงพ่อเขมธัมโม ได้อุทิศชีวิตบำเพ็ญประโยชน์ให้กับชาวอังกฤษกว่า 27 ปี จนเมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ศ.2546 สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์โอ.บี. อี. (Officer of the Most Excellent Order of the British Empire) แก่ท่าน ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด
อนึ่ง ท่านได้เผยแผ่พุทธรรมด้วยความวิริยอุตสาหะ ไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จนมหาเถรสมาคมโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เสนอขอพระราชทานสมณศักดิ์ที่ “พระภาวนาวิเทศ” เพื่อยกย่องคุณงามความดีและสร้างขวัญกำลังใจ
วัดป่าสันติธรรม
ประเทศอังกฤษ
The Forest Hermitage (Watpah Santidhamma)
Lower Fulb rook,
near Sherbourne Warwichshire CV35 8AS
United Kingdom
Tel & Fax 01926624385
หรือส่ง E-mail ถึง หลวงพ่อเขมธัมโม ได้ที่
prakhem@foresthermitage.org.uk
เว็บไซต์
http://www.foresthermitage.org.uk/
http://www.watpa.iirt.net/about/index.html
รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก ::
1. หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันที่ 7 ต.ค. พ.ศ. 2545
เรื่องโดย แล่ม จันท์พิศาโล
2. หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ สดจากหน้าพระ
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5589
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7732
จาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=25201
http://www.huffingtonpost.co.uk/2014/11/24/religion-in-prisons-buddhism-monk-ajahn-khemadhammo_n_6212664.html