ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กันยายน 06, 2016, 08:26:51 am »Director: Tomoaki Akune
Region: Japan
Genre: Drama
โรคมะเร็งร้าย ครอบครัว และอาหาร เรียกได้ว่าครบสูตรหนังดราม่าน้ำตารินฉบับเจแปนนีสสุดๆ สำหรับ Hana’s Miso Soup ที่หยิบเอาเรื่องจริงของจิเอะ ยาสุทาเกะ (รับบทโดยเรียวโกะ อิโรสึเอะ) ภรรยาและแม่ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม แต่ยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อฮานะจัง ลูกสาว (รับบทโดยอิมินะ อกามัตสึ) และชินโงะ สามีของเธอ (รับบทโดยเคนอิจิ ทาคิโตะ) วันที่ฮานะอายุครบ 4 ขวบ จิเอะเริ่มสอนให้ลูกสาวตัวน้อยทำซุปมิโซะอร่อยๆ ให้เป็นตัวแทนความรักของเธอที่จะอยู่กับครอบครัวตลอดไป
ถึงจะปูหน้าหนังมาให้เราเตรียมปาดน้ำตาแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงหนังกลับมีฉากน่ารักปนเพี้ยนของครอบครัวนี้ที่เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย เป็นส่วนผสมที่ทำให้หนังกลมกล่อมไม่ฟูมฟายเกินไป หนังไม่ได้เน้นให้คนดูโฟกัสไปที่อาการป่วยของจิเอะ แต่ความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ และส่งต่อความรักผ่านทุกมื้ออาหารที่จิเอะทำนั้นน่าสนใจพอที่จะทำให้เรายอมติดตามต่อแม้ว่าหนังจะไม่มีคอนฟลิกต์อื่นๆ ให้ลุ้นอีก
“จงเสี่ยงชีวิตเพื่อให้กำเนิดชีวิต” คือประโยคที่พ่อของจิเอะบอกไว้ตอนที่จิเอะตั้งท้องและลังเลว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่ เพราะมันอาจทำให้เนื้อร้ายที่รักษาหายไปกลับมาอีกครั้ง แต่สุดท้าย เธอก็ให้กำเนิดเด็กหญิงตัวเล็กๆ ดวงตากลมโต พร้อมกับมองหาวิธีรักษามะเร็งสุดเซน คือทานอาหารดีๆ ตื่นแต่เช้า และนอนหัวค่ำ ให้อุณหภูมิร่างกายกลับมาสมดุลคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน กลายเป็นธรรมเนียมที่บ้านนี้จะมีซุปมิโซะอร่อยๆ ฝีมือจิเอะและฮานะทานกันทุกมื้อ
อาหารที่ปรุงอย่างใส่ใจเลยไม่ใช่แค่ตัวแทนความรักของจิเอะ แต่ยังสะท้อนความเชื่อชาวญี่ปุ่นที่มองอาหารเป็นยา เป็นศิลปะ และเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตของเราอย่างแนบแน่น ส่วนตัว เราใจเต้นกับฉากที่จิเอะผูกผ้ากันเปื้อน ต้มซุปมิโซะร้อนๆ ตักใส่ถ้วย เพลินตาที่ได้เห็นฮานะจังวิ่งไปเด็ดผักริมระเบียง ค่อยๆ หั่นแครอทบนเขียง และเดินถือถ้วยซุปมาให้พ่อได้ลองซดฝีมือลูกสาว แต่น่าเสียดายที่หนังเลือกนำเสนอฉากเหล่านี้ไม่เยอะเท่าที่คิดไว้
อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกน้ำตาจากคนดูอย่างเราได้คือเพลงประกอบภาพยนตร์ที่อยู่ในซีนสำคัญซีนหนึ่งด้วย ขอยกความดีความชอบให้คนแต่งเพลงที่แต่งออกมาได้ความหมายกินใจจนเราอินสุดๆ (ลองฟังสั้นๆ โดยเสิร์ชชื่อเพลง Mantenboshi-Yo Hitotoในยูทูบนะ)
ถึงจะมีเรื่องร้ายๆ เข้ามา แต่จิเอะก็เชื่อว่า “ต่อให้มีความสุขแค่ 70 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือเป็นชีวิตที่โชคดีแล้ว” การมองโลกตามความเป็นจริงและยอมปรับวิธีใช้ชีวิตและกินอาหารของตัวเองเลยเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวยาสุทาเกะจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ตอนนี้ฮานะกับพ่อของเธอยังคงมีความสุขอยู่ด้วยกัน
จาก http://www.adaymagazine.com/recommends/movie-4