ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กันยายน 07, 2016, 10:20:13 am »My Neighbor Totoro โตโตโร่ สัญลักษณ์แห่ง Studio Ghibli
ในวันที่วุ่นวายแต่ละวันของชีวิต บางทีเราก็อยากจะกลับมานั่งพักเอนกาย เปิดทีวีดูอะนิเมะสักเรื่องที่ทำให้จิตใจเราผ่อนคลาย ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกไปกับภาพและเรื่องราวที่สวยงามมองโลกในแง่ดี พร้อมๆ กันนั้น มันก็ให้อะไรคืนกลับมาที่เราด้วย คงจะดีไม่น้อย หากเราจะได้ทุกสิ่งนั้นพร้อมๆ กันในอะนิเมะเรื่องเดียว
ภาพยนตร์อะนิเมะของ Studio Ghibli ช่างโดนใจผมเหลือหลาย และหนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่เรื่องไหน เป็นผลงานของคุณปู่อะนิเมะ ฮายาโอะ มิยาซากิ เรื่อง “Tonari no Totoro” หรือในชื่อไทยๆ ว่า “โตโตโร่เพื่อนรัก” นั่นเอง
เคยเห็นหน้าตาเจ้าโตโตโร่มั้ยครับ? หลายคนคงเคยเห็นและรู้สึกว่ามันน่ารักดี จนไม่คิดว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาด แถมยังไม่ได้มีนิสัยโหดร้ายคอยฆ่าฟันมนุษย์เหมือนอย่างภาพพจน์ที่เราเคยคุ้นกันจากอะนิเมะหรือมังงะเรื่องอื่นๆ แล้วตัวเอกของเรื่องก็จะต้องปราบมันเพื่อนำความสงบกลับคืนสู่โลกมนุษย์ แต่มันเป็นสัตว์ประหลาดที่แสนน่ารักใจดี เป็นมิตรกับเด็กๆ คอยดูแลปกป้องป่า และธรรมชาติ ฟังดูเป็นเทวดามากกว่าสัตว์ประหลาดนะเนี่ย
ด้วยเรื่องราวที่เริ่มต้นคล้ายๆ กับ Spirited Away อะนิเมะอีกเรื่องของสตูดิโอจิบลิ
เมื่อครอบครัวหนึ่งกำลังย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในชนบท ท้องทุ่งนาที่ดูเงียบสงบ เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ รถบรรทุกคันย่อมๆ วิ่งปุเลงๆ ไปตามถนนดิน จนมาหยุดที่สะพานข้ามลำธารเล็กๆ เข้าสู่บ้านหลังเก่าที่เริ่มผุพังแล้วบางส่วน ครอบครัวคุซาคาเบะที่ประกอบไปด้วย คุณพ่อและลูกสาว ซัทซึกิ และ เม สองพี่น้องที่ดูเป็นเด็กร่าเริงสดใส ออกไปในทางกระโดกกระเดกอยู่สักหน่อย สนุกกับทุกสิ่งรอบตัวได้ค่อยกลัวอะไร ก่อนถึงบ้าน รถผ่านบุรุษไปรษณีย์บนจักรยาน เด็กทั้งสองพากันหลบเพราะคิดว่าเป็นตำรวจ เป็นฉากน่ารักๆ ที่เปิดตัวให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับเด็กน้อยที่น่ารักๆ คู่นี้
ภายในบ้านที่แม้จะมีคุณยายข้างบ้านช่วยดูแลให้ แต่หลายส่วนก็ยังเต็มไปด้วยฝุ่น บ้านเก่าๆ รูปทรงโบราณที่พาเราย้อนยุคไปรู้จักวิถีคิดและความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในอดีต ผสมกับเรื่องราวที่มีความเป็นแฟนตาซี
หนังเรื่องนี้เอ่ยถึง “ซึซึวาตะริ” ที่ชอบอาศัยอยู่ตามบ้านเก่าๆ ที่ไม่มีคนอยู่ แล้วเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นฝุ่นไปหมด หน้าตาของมันทำให้เรานึกถึงเจ้าตัวเล็กๆ ที่คอยเติมถ่านหินสำหรับต้มน้ำในโรงอาบน้ำของ Spirited Away อีกครั้ง
อีกจุดก็คือ บ้านนี้มีห้องใต้หลังคาที่เด็กๆ ตามหาอยู่เป็นนาน เจ้าฝุ่นตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมล็ดโอ๊คสีทองตกลงมานำทางขึ้นห้องใต้หลังคา ผลโอ๊คลูกเล็กๆ นำทางเราไปรู้จักกับสองสัตว์ประหลาดตัวน้อย ตัวหนึ่งสีขาว อีกตัวสีน้ำเงิน หน้าตาน่ารัก เคลื่อนไหวน่ารัก แถมยังมีท่าทีน่ารักและเป็นมิตรอีกด้วย ในวันที่ซัทซึกิไปเรียน เมอยู่บ้านสองคนกับพ่อ เธอได้เห็นเพื่อนใหม่ เรียกเจ้าตัวใหญ่ใจดีว่า “โตโตโร่” และนอนหลับปุ๋ยอยู่บนตัวมันทั้งวัน
หลังจากซัทซึกิและพ่อช่วยกันตามหา คำตอบที่ดูเป็นการแสดงความเชื่อใจในสิ่งที่เมพูด ดูแล้วมีความสุข เพราะรู้สึกได้ว่าครอบครัวนี้มีความเข้าใจกันดี แล้วทั้งสามก็พากันไปที่ศาลเจ้าเพื่อทักทายเจ้าที่ด้วยกัน แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่า คนญี่ปุ่นในสมัยก่อนและอาจจะรวมถึงในสมัยนี้ ยังคงมีความเชื่อในเทพและเจ้าที่ซึ่งถ้าจะพูดอีกนัยก็คือ ตัวแทนของธรรมชาติที่เกี่ยวโยงสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างตัดขาดไม่ได้
จุดหนึ่งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงไปและเป็นจุดหนึ่งที่สำคัญสำหรับเรื่องราวของ Tonari no Totoro ก็คือ การที่คุณพ่อ ซัทซึกิ และเมย์ ย้ายเข้ามาอยู่ในชนบทและในบ้านเก่าๆ หลังนี้ก็มีเหตุผลของมันอยู่ นั่นคือ เพื่อมาอยู่ใกล้ๆ กับแม่ของเด็กทั้งสอง อาการป่วยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาย โรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในชนบทคงทำให้เป็นการยากที่จะมาเยี่ยมได้บ่อยๆ การย้ายมาอยู่เสียใกล้ๆ ก็คงจะสะดวกต่อการมาเยี่ยมมากขึ้นนั่นเอง ปมเรื่องส่วนนี้มาจากการที่คุณแม่ของผู้กำกับเอง ก็ป่วยเป็นวัณโรคและพักอยู่ในโรงพยาบาลเช่นกัน
ยังมีตัวละครอีกตัวที่สมควรถูกพูดถึง นั่นคือ คันตะ เด็กชายข้างบ้านที่ไม่ค่อยจะถูกชะตากับซัทซึกินัก เธอบอกว่า เกลียดเด็กผู้ชาย คันตะเป็นเด็กที่ชอบสวมหมวกทหารที่ทำให้นึกไปถึงเด็กผู้ชายในเรื่อง Grave of the Fireflies หรือ สุสานหิ่งห้อย เขาชื่นชอบซัทซึกิมากแต่เป็นเด็กขี้อาย จึงไม่เคยเปิดเผยความในใจ ได้แต่คอยช่วยเหลือซัทซึกิเรื่อยมา
ฉากที่น่าประทับใจมากๆ ฉากหนึ่งในเรื่องก็คงจะเป็น ฉากของสองพี่น้องที่มายืนรอพ่อที่กลับจากทำงานที่มหาวิทยาลัยช้าไปหน่อยท่ามกลางฝนที่ตกไม่ยอมหยุด และแล้ว ความปรารถนาของซัทซึกิเป็นจริงในที่สุด เป็นครั้งแรกที่ซัทซึกิได้พบกับโตโตโร่เป็นครั้งแรก ความรักของสองพี่น้องที่มีต่อกันและที่มีต่อพ่อคงทำให้โตโตโร่เห็นและเข้ามาช่วยเหลือ เป็นทั้งฉากที่น่ารักและซึ้งไปพร้อมๆ กัน ไม่พอเรายังได้พบกับตัวละครน่ารักอีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือ รถบัสแมว เจ้าแมวตัวใหญ่ที่มีร่างกายเป็นรถบัส หลายๆ คนได้ดูแล้วก็คงจะรู้สึกเหมือนๆ กันว่า อยากลองขึ้นรถบัสคันนี้ดูบ้างจัง อยากจะรู้ว่าเบาะมันจะรู้สึกนุ่มแค่ไหน ส่วนของขวัญที่โตโตโร่ให้แก่เด็กๆ กลับเป็นเมล็ดพืชหลากชนิด สองพี่น้องจึงเอามาปลูกในพื้นที่ว่างๆ ข้างบ้าน
…แต่มันก็ยังไม่ยอมงอกขึ้นมาเสียที
ในความรู้สึกของผม นี่คืออะนิเมะที่ปลูกฝังความรักธรรมชาติในใจของเด็กๆ ขึ้นมาได้อย่างแยบยล ผ่านตัวละครน่ารักอย่างซัทซึกิและเม ความไร้เดียงสาบวกกับการได้พบกับสัตว์ประหลาดน่ารักๆ เป็นส่วนที่ทำให้เด็กชื่นชอบ หากแต่อีกจุดที่ถูกนำมาเชื่อมโยงไว้ก็คือ ความรักความผูกพันในครอบครัว ไม่ว่าจะระหว่างพ่อกับลูกๆ หรือจะระหว่างเด็กๆ กับแม่ที่ป่วยหนักก็ตาม ทุกสิ่งนี้เกาะเกี่ยวและรวมตัวกันอย่างลงตัว เรียกว่าเป็นอะนิเมะสุดคลาสสิกได้อย่างเต็มปาก
แม้ว่าจะเป็นอะนิเมะที่ค่อนข้างเก่า เพราะเข้าฉายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1988 แต่ก็มีความคลาสสิกค่อนข้างมาก และอยู่ในความทรงจำของผู้คนที่รักอะนิเมะเป็นชีวิตจิตใจเสมอมา ไม่พอมันยังกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิ ที่เมื่อพูดถึงค่ายนี้ทีไร คนจะนึกภาพของเจ้าโตโตโร่ได้เป็นภาพแรกเลยทีเดียว นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไม ผมถึงต้องหยิบมาเขียนถึงให้ได้นั่นเองครับ
จาก http://www.patsonic.com/animation/tonari-no-totoro/