ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กันยายน 07, 2016, 04:55:15 pm »"มีแค่บาตรกับจีวรก็พอแล้ว!!" ... ชีวิต "ง่ายแต่งาม" ของ "หลวงพ่อชา" ที่พระติดหรูจงดูเป็นตัวอย่าง!!
หลังจากที่ "หลวงพ่อชา สุภัทโท" ได้ริเริ่มบุกเบิกวัดหนองป่าพงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นต้นมา วัดนี้ก็ค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นเหตุให้มีผู้คนหลั่งไหลมาจาริกบุญและศึกษาธรรมที่วัดนี้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งจึงมีความคิดว่า วัดหนองป่าพงควรจะมีมูลนิธิเหมือนอย่างวัดอื่นบ้างเพื่อจะได้มีทุนดำเนินงานอย่างมั่นคง
เมื่อลูกศิษย์นำความดังกล่าวไปปรึกษาหลวงพ่อชา ประโยคแรกที่ท่านตอบก็คือ
"อย่างนั้นก็ดีอยู่ ... แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ถูกต้อง"
แล้วหลวงพ่อชาก็ให้ความเห็นว่า
"ถ้าพวกท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วก็คงจะไม่อด พระพุทธเจ้าท่านก็ยังไม่เคยมีมูลนิธิเลย ท่านก็โกนหัว ปลงผม ทำอะไรเหมือนพวกเรา ท่านก็ยังอยู่ได้ ท่านได้ปูทางไว้ให้แล้ว เราก็เดินตามทางของท่าน...ก็น่าจะพอไปได้นะ"
แล้วหลวงพ่อชาก็สรุปว่า
"บาตรกับจีวรนี่แหละ...มูลนิธิที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ให้เรา ... กินไม่หมดหรอก!"
หลวงพ่อชา สุภัทโท
หลวงพ่อชาเป็นอยู่อย่างมักน้อยสันโดษมาก กุฏิของท่านแทบจะโล่งเพราะมีแต่เตียงนอนและของใช้ที่จำเป็น เช่น กระโถน ไม่มีของใช้ฟุ่มเฟือยเลย ส่วนวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ญาติโยมนำมาถวายอยู่เสมอนั้น ท่านก็ส่งต่อไปให้ลูกศิษย์ตามวัดสาขาต่าง ๆ หมด
หลวงพ่อชาไม่เคยมีบัญชีเงินฝากส่วนตัว ปัจจัยหรือเงินทำบุญที่ญาติโยมถวายนั้น ท่านให้เป็นของกลางทั้งหมด
"เราพอกินพออยู่แล้ว ... จะมากอะไรทำไมนะ ... กินข้าวมื้อเดียว!" ท่านว่า
บ่อยครั้งที่ญาติโยมมาตัดพ้อต่อว่า เพราะได้ปวารณาถวายปัจจัยไว้ให้หลวงพ่อชาใช้ในกิจส่วนตัว แต่ท่านก็ไม่เคยเรียกใช้สักที ท่านเคยปรารภกับลูกศิษย์ว่า
"ยิ่งเขามาปวารณาแล้ว ผมก็ยิ่งกลัว!"
คราวหนึ่งมีผู้เอารถไปถวายหลวงพ่อชา รบเร้าให้ท่านรับให้ได้ โดยการขับรถมาจอดไว้หลังกุฏิของท่าน แล้วเอากุญแจใส่ย่ามท่านไว้ แต่ปรากฏว่าท่านไม่เคยไปดูรถคันนั้นเลย เวลาออกจากกุฏิ ท่านจะเดินไปทางอื่น เวลาจะไปในเมือง ท่านก็ขึ้นรถคันอื่น
หลังจากนั้นเจ็ดวัน หลวงพ่อชาก็เรียกโยมคนหนึ่งมาหาแล้วบอกว่า
"ไปบอกเขาเอารถกลับคืนไปนะ! เอามาถวายเรา เราก็รับไปแล้ว ได้บุญแล้ว ... ตอนนี้เราจะส่งคืน มันไม่ใช่ของพระ"
อีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อชาจะไปวัดถ้ำแสงเพชร ลูกศิษย์ที่มีรถส่วนตัวคันงามยี่ห้อดังต่างแย่งกันนิมนต์ให้ท่านขึ้นรถของตนซึ่งจอดเรียงรายอยู่ที่ลานวัดให้ได้ หลวงพ่อชากวาดตาดูสักครู่ก็ชี้มือไปที่รถเก่าบุโรทั่งคันหนึ่งพร้อมกับพูดว่า
"เอ้า...ไปคันนั้น!"
เจ้าของรถได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจสุดขีด...รีบเปิดประตูนิมนต์ให้หลวงพ่อนั่ง
ว่ากันว่า การเดินทางวันนั้นใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะขบวนรถคันงามความเร็วสูงต้องค่อย ๆ ขับตามหลังรถโกโรโกโสไปโดยดุษณีภาพ!!
ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_38.htm
จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/203590/