ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: กันยายน 15, 2016, 11:21:08 pm »เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
อย่างนี้เป็นความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
หัวข้อธรรม....อุณหภูมิแตกต่างกันค่อนข้างมากระหว่างกลางวันกับกลางคืนเดี๋ยวหนาว - เดี๋ยวร้อน - เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก หวังว่าพวกเราทั้งหลายจะเอาใจใส่สุขภาพอย่างดีที่สุดขอให้พวกเราเป็นผู้ฉลาดที่แสดงหลักธรรมเรื่อง ศรัทธาเท่ากับการดำเนินชีวิต
ในครั้งพุทธกาล...วันหนึ่งท่ามกลางพายุฤดู
หนาวที่พัดกระหน่ำ อากาศหนาวเหน็บเย็นยะเยือก
มีชายคนหนึ่งเป็นคนเลี้ยงวัว มีวัว 16 ตัว วัวเขาเกิดหายไป
เขาเดินหาจนออกเหงื่อ ก็ไม่เจอ บังเอิญได้ไปพบพระพุทธเจ้า
ทรงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ จึงเข้าไปก้มกราบและถามพระพุทธองค์ว่า
ท่ามกลางพายุฤดูหนาวเช่นนี้ พระองค์ทรงนั่งอยู่ได้อย่างไร
อย่างมีความสุข ?
พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า นี่เธอมีความสุขหรือไม่
ชาวนาตอบว่า ไม่มีความสุขเลย
พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อว่า ทำไมเธอจึงไม่มีความสุข
วัว 16 ตัวของกระผมหายไป ชาวนากล่าว
พระพุทธเจ้าก็เลยทรงถามว่า ฉันไม่มีวัวสักตัวเลย
เธอว่าฉันมีความสุขหรือไม่
ชาวนาตอบ พระองค์มีความสุขแน่นอน
พระองค์ไม่มีวันที่วัวจะหายได้เลย
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามต่อว่า ในเมืองนี้ใครรวยที่สุด
ชาวนาตอบ พระเจ้าพิมพิสาร
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามต่อ
พระเจ้าพิมพิสารมีโอกาสมานั่งสบายอย่างฉันหรือเปล่า
มานั่งแบบนี้เหมือนพระองค์ไม่ได้หรอก ชาวนาตอบ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกแก่ชาวนา
ในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
ต้องนับฉันเข้าไว้ด้วย 1 คน
อะไร คือ นิยามความสุขที่แท้จริงของมนุษย์
ความสุขในนิยามอย่างพระพุทธองค์
หาได้เกี่ยวกับความมีหรือไม่มีสิ่งอันใดไม่ ?
และความไม่มีนั่นแหละ.............กลับเป็นต้นทาง
เป็นท่ามกลางและเป็นที่สุดของความสุขอันนิรันดร์
ที่ไม่มีสิ่งใดจะมาพรากจากเราไปได้เลย