ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: กันยายน 29, 2016, 10:48:09 pm »พุทธธรรม เป็นปรัชญาที่สอนเราถึงวิธีที่เป็นอิสระและพึงพาตนเองแทนที่จะพึ่งพาผู้อื่นให้ทำบางสิ่งเพื่อเราเราต้องยืนหยัดด้วยตัวเราเองเราต้องเพียรพยายามด้วยตัวของเราเองเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมของเราขอให้ทุกคนดำเนินการปฏิวัติมนุษย์ของเรา
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากการสวดมนต์เห็นได้ชัดเมื่อเราอยู่ในช่วงที่มีธุระยุ่งที่สุดที่การสวดมนต์มีความสำคัญยิ่งยวดไม่ใช่แค่การแสดงความขอบคุณแต่ยังเป็นการตั้งใจที่จะทำปณิธานของการเผยแพร่ธรรมให้สำเร็จนี่คือวิธีที่เราสามารถดึงส่วนที่ดีที่สุดของปัญญาจากภายในตัวเราเองออกมาและท่วมท้นไปด้วยความหวังและความกล้าหาญเพื่อที่จะกระทำในสิ่งที่จำเป็น
การบรรลุชัยชนะคือกระบวนการตลอดชั่วชีวิต ยิ่งกว่านั้น ชีวิตของเรายังมีอยู่ต่อไปตลอด 3 ชาติแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ถึงแม้ต้องท้าทายกับเรื่องราวในขณะนี้ จงมุ่งหน้าต่อไปอย่างมั่นใจด้วยจิตใจที่จะพูดว่า แค่มองดูสิ่งที่ฉันจะทำให้สำเร็จ
ข้อคิดดีจากบรมครูปราชญ์ขงจื้อ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กับความพ่ายแพ้ที่เล็กน้อย
เอี๋ยนหุย เป็นศิษย์รักของขงจื้อ เขามีใจใฝ่ในการศึกษา จิตใจดีมีคุณธรรม วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า ได้ยินลุกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวก ว่า 3×8ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย 24 เหรียญล่ะ ! เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน ก็กล่าวว่า พี่ชาย 3×8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันหรอกคนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง ! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ! จะตัดสินก็มีเพียงท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน เอี่ยนหุยกล่าวว่า ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร ?
คนซื้อผ้ากล่าวว่าหากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า ! แล้วหากเจ้าผิดล่ะ ? เอี๋ยนหุยกล่าวว่า หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง) ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า 3×8ได้ 23 ถูกต้องแล้วเอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้ว ถอดหมวกของเธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เอี๋ยนหุยคิดว่าท่านอาจารย์ชรามากแล้วความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้ออีกต่อไป
พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้านด้วยเหตุผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ ขงจื้อรู้ว่าเอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความอนุญาตให้เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้ ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขงจื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้กำชับว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้งเอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า ศิษย์จะจำใส่ใจ แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบแปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่ จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับของท่านอาจารย์ที่ว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออาจารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่
นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา เอี๋ยนหุยตะลึงพรึงเพริด คำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ ? เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทางกลับ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลยใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อย ๆ เดาะดาลประตูห้องของภรรยา เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอน ก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอนอยู่บนเตียงสองคน ! เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงหยิบดาบขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง เสียงกำชับของอาจารย์ก็ดังขึ้นมา อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่า คนหนึ่งคือภรรยา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเขาเอง พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบคุกเข่ากราบอาจารย์ และกล่าวว่า
ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ ภรรยาและน้องสาวไว้ ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง ? ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่ จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย อาจารย์จึ้งเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใสท่านเหลือเกิน ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหกที่จริงแล้วเธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือนไม่อยากศึกษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิด
ดูสิ อาจารย์บอกว่า 3×8 ได้ 23 เธอแพ้ ก็เพียงแค่ถอดหมวก หากอาจารย์บอกว่า 3×8 ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง เธอคิดว่าหมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ ? เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าวว่า ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูกผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์เสียใจเป็นที่สุด จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบลใด เอี๋ยนหุย ก็ติดตามอยู่เสมอ มิเคยห่างกาย
ข้อคิด.....
บางครั้งคนเราอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผล ที่เราคิดว่าสำคัญซึ่งบางทีอาจไม่มีค่า หรือมีก็เพียงน้อยนิด สำหรับเราในขณะที่ในบางครั้งบนความชนะ หรือเรื่องเล็กน้อยนั้นคนบางคนเขาอาจต้องสูญเสียอะไรตั้งมากมาย