ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: ตุลาคม 09, 2016, 01:59:38 pm »เตรียมส่งท้ายกับ "คืนส่งพระ" วันออกเจ เล่าเรื่องอัศจรรย์ของม้าทรง หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ ใช่ว่าใครก็เป็นได้
ชาวไทยเชื้อสายจีนที่ภูเก็ต มีธรรมเนียมการกินเจที่กลายเป็นงานที่เอิกเกริก เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น และเป็นจุดดึงดูดทางการท่องเที่ยวของภูเก็ตไปพร้อมกัน โดยชาวจีนถือศิลกินเจกันในเดือน 9 ก็เพราะเชื่อว่าเป็นห้วงยามที่เทพเจ้าทั้ง 9 จะเสด็จออกโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ แต่ดวงวิญญาญของเทพเจ้าไม่สามารถติดต่อกับมนุษย์ได้โดยตรงเว้นเสียแต่ผ่าน ‘ร่างทรง หรือ ‘ม้าทรง’ ซึ่งก็คือบุคคลที่เทพเจ้าเห็นเหมาะสมจะนำวิญญาณของพระองค์เข้าครอบครองร่างนั้นชั่วขณะหนึ่ง เพื่อเป็นตัวแทนของพระองค์ในการกระทำกิจใดๆ บนโลกมนุษย์ โดยเฉพาะการออกโปรดสัตว์
เทพเจ้าหรือพระโพธิสัตว์ของชาวพุทธฝ่ายมหายานนั้น ทรงมีอิทธิฤทธิ์ และมีศาสตราวุธสำหรับคุ้มครองมนุษย์ต่างๆ กันไป บ้างถือแซ่ บ้างถือเหล็กแหลม ลูกตุ้มหนาม มีด หอก ดาบ และกริซ เมื่อเสด็จออกโปรดสัตว์ผ่านร่างของม้าทรงในเทศกาลกินเจ จึงต่างแสดงอภินิหารให้เป็นที่ปรากฏ ภาพที่เราเห็นม้าทรงกระทำทุกข์ทรมานร่างกายแท้ที่จริงคือ เทพเจ้าแสดงฤทธิ์เดช และรับเอาความเจ็บปวดนั้นไปแทนจึงปรากฏเรื่องเล่าอยู่เสมอว่า บาดแผลของเหล่าม้าทรงจะหายไปในเวลาไม่นาน กระทั่งบางร่างทรงตัดลิ้นตนเองขาดไปนานนับชั่วโมง ก็ยังสามารถต่อลิ้นกลับไปได้ดังเดิม
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะมาเป็นม้าทรงได้ ขึ้นอยู่กับการบัญชาของเทพเจ้า บางคนมีประวัติว่าตกต้นไม้สูงลงมาแต่ไม่ตาย พอฟื้นจากสลบก็รู้ตัวว่าเทพเจ้ามาช่วยชีวิตไว้ จึงต้องรับใช้เทพเจ้าด้วยการเป็น “ม้าทรง” แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาจะต้องรักษากายใจให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ แน่นอนว่าจะต้องเคร่งครัดกว่าคนธรรมดา มิฉะนั้นเทพเจ้าก็อาจเลิกใช้ร่างนี้เป็นม้าทรงอีกต่อไป
หล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของความเชื่อถือศรัทธาที่ยากจะพิสูจน์ให้กระจ่างชัดได้ดั่งการพิสูจน์ทฤษฎีบทเรขาคณิต หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ชาวภูเก็ตรู้เพียงแต่ว่า พลังแห่งศรัทธานี้ได้หล่อเลี้ยงขวัญและกำลังใจพวกเขามาแต่ครั้งพรรพชน จนแม้เมื่อถึงยุคที่คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต พวกเขาก็ยังคงสืบทอดศรัทธานี้ไว้อย่างมั่นคง
ข้อมูลและภาพจาก: sanook.com
ทั้งนี้การเป็นร่างทรง หรือม้าทรงนั้น ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ ทุกคน โดย เว็บไซต์ “phuketbulletin” ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของม้าทรง ไว้ดังนี้
เชื่อกันว่าการเข้าทรงของพระจีนเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของพระจีนและสามารถปัด เป่าสิ่งชั่วร้าย บันดาลความสุขให้แก่ผู้เคารพเลื่อมใสพระจีน และเชื่อกันว่าผู้ที่เป็นม้าทรง (คนทรง) ของพระจีนได้ จะต้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะดังนี้
เป็นผู้มีบุญที่เทพเจ้าเลือกแล้ว แม้จะอยู่ไกลเพียงใด แต่อาการของคนจะเป็นม้าทรงจะบอกเอง คือ จะมีอาการสั่น ตบโต๊ะ หัวเราะเสียงดังลั่นราวกับนักรบจีนสมัยโบราณ หรืออาจจะมีอาการสั่นศีรษะเบา ๆ กรณีที่เป็นเทพสตรี
คนที่ชะตาขาดแล้วเทพเจ้าช่วยเหลือต่อชีวิตให้ เป็นคนชะตาขาดกำลังจะดับ แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องตาย พระจีนหรือเจ้าจะเข้าประทับทรง เป็นการช่วยเหลือต่ออายุให้ม้าทรง ดังนั้นเมื่อถึงเทศกาลกินเจก็ต้องเป็นม้าทรง
คนที่เคยบนบานสานกล่าวไว้ว่าจะยอมเป็นม้าทรง หรือ โดยความสมัครใจของม้าทรงที่จะเสียสละอุทิศตนรับใช้พระจีน และพระจีนยอมรับว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมให้เป็นม้าทรงได้
บางคนอยู่ดีๆก็อาจถูก “พระจับ” เช่นเดิน ๆ อยู่ในงานกินเจก็มีอาการเหมือนเจ้าประทับทรงก็ต้องยอมเป็นม้าทรง
คนที่มีองค์เทพคุ้มครอง บางครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นม้าทรงแต่ต้องบูชาเทพองค์นั้น แต่บางครั้งก็ต้องให้เทพลงประทับทรง
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.phuketbulletin.co.th/
โดยเทศกาลกินเจ ในปีนี้ อยู่ระหว่างวันที่ 1-9 ตค. 59 โดยวันสุดท้ายของการกินเจ จะมีพิธีการ “ส่งพระ” และขบวนม้าทรงของศาลเจ้าสำคัญๆ แห่ตามถนนอย่างเอิกเกริกอีกครั้ง ไม่แพ้กับตอน “รับพระ” (พิธีเริ่มของเทศกาลกินเจ)
ส่วนกำหนดการของพิธีกินเจ จังหวัดภูเก็ตในปีนี้ จัดขึ้นตั้งแต่ 30 กย.- 9 ตค. โดยพิธีส่งพระ (พิธีส่งองค์กิ๊วหองไต่เต่) จะจัดขึ้นในคืนวันที่ 9 ตค. นี้ โดยศาลเจ้าจะจัดขบวนแห่ไปตามถนนเส้นต่างๆ ในภูเก็ตและส่วนใหญ่จะไปสิ้นสุดที่สะพานหิน (ยกเว้นศาลเจ้าที่อยู่นอกเมือง อาจส่งพระในจุดที่ต่างกันไป)
จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/207723/