ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 09:42:20 pm »เกร็ด ก่อนฟัง
บทสวดนี้ ถือว่าเป้นมนต์ที่เก่าแก่ที่สุดบทนึงของฮินดู เป็นบท กายตีมันตรา คือมนต์บูชาทวยเทพ ที่พระแม่สรัสวตีรับสั่งให้พระนางกายตรีซึ่งเป็นเทพที่ได้รับพรจากพระแม่สรัสวตีให้กลายเป็นเทวีแห่งมนตราและภายหลังได้รวมเป็นอีกปางหนึ่งของพระแม่สรัสวตี กายตรีมันตราถือว่าเป้นมันตราที่สวดได้ทุกครัวเรือนในทุกบ้านของอินเดียเลยก็ว่าได้โดยไม่มี วรรณะเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะส่วนใหญ่มันตราบูชาเทพต่างๆจะรุ้ในวรรณะที่เข้าเทวสถานได้ซะส่วนใหญ่ เช่นกษัตริย์ พราห์ม หรือไวศย ส่วน วรรณะศูทรหรือจัณฑาลจะใช้มนต์บทนี้บูชาทวยเทพแทนเพราะเป้นมนต์ที่ชาวฮินดูจะต้องรุ้ทุกคนอยุ่แล้ว
มีอีก
พระแม่คายตรีมนตรา เทพีแห่งมนต์ตรา
คายตรีมนตรา หมายถึง คัมภีร์สามภพที่สามารถคลายมนต์แห่งคำสาปเป็นการอวตารของพระแม่สุรัสวดี
มีเรื่องเล่าในตำนานว่า ครั้งหนึ่ง ท่านพระพรหมได้จัดงานพิธีใหญ่ขึ้นมาค่ะ เรียกว่าเป็นพิธียักนา ซึ่งพิธีนี้ก็เพื่อที่จะทำให้ท่านพระพรหมได้ครองสถานะภาพที่เรียกว่า “ท่านผู้เฒ่า” หรือ'พ่อปู่แห่งจักรวาล'ค่ะ ท่านพระพรหมได้หาฤกษ์ยามที่เหมาะสมที่สุดได้ก็ทำการร่อนบัตรเชิญเลยค่ะ งานนี้ ก็มีเหล่าองค์เทพใหญ่ ๆ และ สำคัญ ๆ มากันหมด อันได้แก่ พระศิวะ พระนารายณ์ และ องค์มหาเทพทั้งหลาย ในงานนั้น พระแม่สุรัสวตีท่านแต่งตัีวนานมาก เพื่อให้สมพระเกียรติ พระพรหม และ ให้สมกับพิธีค่ะ
ปรากกว่า ท่านพระพรหม กลัวว่า พระแม่จะเสด็จไม่ทัน แล้วจะเสียฤกษ์ เลยโปรดให้พระอินทร์ ไปหาใครก็ได้ มานั่งแทนที่พระแม่ก่อนค่ะ ปรากฏว่าท่านพระอินทร์ ก็ไปเจอสาวเลี้ยงวัวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาสวยงามมาก มีนามว่า กายาตรี ค่ะ ยังจำพระแม่กายาตรี ต้นตำรับแห่งกายาตรีมันตราได้ไหมคะ นี่แหละคะ ต้นกำเนิดของพระองค์ พระอินทร์ท่านก็เลยพามานางกายาตรีแต่งองค์ทรงเครืองอย่างเร็ว แล้วพามานั่งเคียงข้างท่านพระพรหมได้ทันเวลาค่ะ เพื่อทำการกล่าวคำปฏิญาณสำหรับพิธีแต่งงาน ใช่แล้วค่ะ นางกายาตรีต้องแต่งงานกับพระพรหมถึงแม้เป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม เพื่อที่พิธีบูชาไฟจะได้เริ่มขึ้นได้อย่างสมบูรณ์เพราะ ท่านพระพรหมต้องมีภรรยาอยู่ในพิธีด้วยค่ะ ถ้าไม่มีภรรยาร่วมงานด้วย งานก็จะเริ่มไม่ได้ และพิธีก็จะไม่ศักดิิสิทธิค่ะ
แล้วพิธีก็ได้เริ่มขึ้นหลังจากพระพรหมได้กล่าววาจาว่าได้แต่งงานกับนางกายาตรีแล้ว พอพิธีเริ่มไปได้สักพัก พระแม่ตัวจริง เสียงจริง พระนางสุรัสวตีึ ก็เสด็จค่ะ ก็โกรธสิคะ จะเหลือหรือ พระแม่ก็เลยต่อว่าพระพรหมไป ท่านพระพรหมก็บอกว่า ก็กลัวจะเสียฤกษ์ ก็เลยบัญชาการให้พระอินทร์ไปหาตัวแทนมาก่อน พระนารายณ์ก็ช่วยอธิบายด้วยนะคะว่ากลัวจะเสียฤกษ์ ท่านพระศิวะ ก็บอกว่าจะโทษท่านพระพรหมก็ไม่ถูกเพราะพระแม่สายเอง อะไรประมาณนี้ เพราะตำแหน่งของดวงดาวสำคัญ ๆ มาอยู่ตำแหน่งที่ดีกันหมดในตอนนี้รอไม่ได้ค่ะ พระศิวะท่านว่าอย่างงั้น
พระแม่ก็พิโรธมากค่ะ ท่านบอกว่า ที่ท่านแ่ต่งองค์ช้าก็เพื่อให้สมเกียรติและให้ถูกต้องกับงานพิธี มิใข่เพื่อความงามส่วนตัวไม่ พร้อมกับย้อนถามพระพรหมว่า “ ท่านพระพรหม ท่านบอกว่า ตอนนี้ดาวสำคัญทั้งหลาย อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น คำพูดของข้า ก็จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ ดีล่ะ ข้าจะขอสาปเหล่าเทวะที่มีส่วนในการหาภรรยาใหม่ให้พระพรหมในวันนี้ ทุกพระองค์ต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
ว่าแล้วพระแม่ก็สาปโดยไล่เรียงทีละพระองค์ดังนี้ค่ะ
เีริ่มจาก พระพรหมเลย พระแม่สุรัสวตีได้สาปว่า “ข้าขอให้ไม่มีผู้ใดจะประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิืเพื่อบูชาท่านต่อแต่นี้ไป จะไม่มีวัีดไหนทำพิธีบูชาท่าน ในหนึ่งปีจะมีเพียงแค่วันเดียวที่จะมีคนทำพิธีศาสนาให้ท่าน ท่านจะไม่มีวัีดเป็นของตนเอง และคำสาปของข้าจะมีผลนับแต่วันนี้”
ท่านพระอินทร์ โดนเลยค่ะ ว่าเป็นต้นคิดไปหาตัวแทน ก็โดนพระแม่สาปไป ว่าต่อแต่นี้ไป เจ้าจะรบแพ้อสูร เจ้าจะอ่อนแอลงทุกวัน จนต้องพึ่ง พลังจาก รากไม้ หรือ สมุนไพรเพืีอเพิ่มพลัง จากเดิมที่เจ้ารบไม่เคยแพ้ใคร ต่อแต่นี้ขอให้ไปรบแพ้อสูรที่จะมีฤทธิ์เดชมากตนหนึ่ง ให้เสียศักดิ์ศรีหัวหน้าแห่งสวรรค์เสียเลยและต้องถูกขับไล่จากสวรรค์เสียด้วย แล้วก็ต้องไปอ้อนวอนขอร้องอิสตรีให้มาช่วยในการสู้รบ ซึ่งต่อมาพระอินทร์ก็รบแพ้อสูรมหิสูรย์จริง ๆ แถมโดนไล่ให้ออกไปจากสววรค์ด้วยค่ะ เป็นไปตามคำสาปเป๊ะ จนพระแม่ดุริกา ต้องมาช่วยรบจำได้ไหมคะ
ส่วนพระศิวะ นั้น ถือเป็นเทพใหญ่ แต่ิมิได้ห้ามปรามพระพรหม เพราะท่านไม่เคยมีชายาหรือมเหสีมาก่อน เีรียกว่าไม่รู้จัีกความรักใช่ไหม ก็ถูกสาปให้ ต้องรู้รสความเจ็บปวดจากการพลัดพรากจากคนรักค่ะ และ อีกหน่อยก็ต้องมีชายา ที่พระองค์จะรักนางมาก แต่ พระศิวะ ก็จะต้องสูญเสียนางไปด้วยมือของนางเอง คืออย่างงี้ค่ะ ตอนนั้นพระศิวะท่านยังไม่ได้แต่่งงานกับพระแม่ปราวตีนะคะ เพราะท่านชอบบำเพ็ญพรตอย่างเดียว เรียกว่าหญิงไม่ยุ่งเลยค่ะ ก็เลยโดนพระแม่สุรัสวตีสาปว่าขอให้รู้จักความเจ็บช้ำจากการพรากจากคนรักค่ะ เพราะภายหลังพระแม่สตีได้ทำการเผาตัวเองตายเพราะน้อยใจพระบิดาที่ีไม่ให้เกียรติพระศิวะจำได้ไหมคะ ก็เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามคำสาปทุกประการค่ะในภายหลัง
พระนารายณ์ โดนสาปไปเหมือนกัน พระแม่สุรัสวตีทำการสาปไปว่า ขอให้ท่านพระนารายณ์ได้รู้จักกับความลำบากในชีวต และต้องอวตารมาคอยช่วยเหลือมนุษย์มากกว่าหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังต้องไประเหเร่ร่อนในป่า และพบกับความต่ำต้อยในโลกมนุษย์ค่ะ ยังค่ะ ยังไม่สะใจ ท่านจะต้องพรากจากคนรักด้วยนะคะ เพราะคนรักของพระองค์ถึงจะรักมั่นต่อพระนารายณ์แค่ไหน ก็ไม่สามารถอวตารตามมาได้ทุกปางโดยเฉพาะปางที่เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งก็คือปางที่เป็นพระพุทธเจ้าค่ะ พระแม่ลักษมีก็ตามลงมาครองคู่ไม่ได้ค่ะ เพราะท่านเป็นพระ และ ถือศีลพร้อมประพฤติพรหมจรรย์ค่ะ
พระแม่ได้สาปให้พระนารยณ์ต้องมาเกิดเป็นพระราม ที่ต้องถูกขับออกจากเมืองและบัลลังก์ในชาติที่เกิดเป็นพระรามเดินดงพร้อมพระลักษณ์นะค่ะ ส่วนพระกฤษณะ ก็คือท่านต้องเป็นคนเลี้ยงแกะ เลี่ยงแพะ ใช้ชีวิต อยู่ตามทุ่งนา
สว่นพระนางกายาตรีไม่ถูกสาป เพราะพระแม่สุรัสวดีถือว่าพระนางบริสุทธิ์ ซึ่งถูกพระอินทร์พามา นอกจากนางจะไม่ถูกสาปแล้ว พระแม่ท่านยังประทานพรให้แก่นางได้ไปเกิดเป็นเทพด้วย ก็เพราะนางไม่รู้อะไรเห็นอะไรด้วยนี่ถูกลากจูงมาอย่างเดียว พระแม่ก็ประทานพรให้อีก
ว่า“ต่อแต่นี้มนุษย์ทุกผู้ที่อยากบรรลุนิพพานก็จะต้องพากันสวดกายาตรีมันตรา
” พระแม่สุรัสวตีจะถูกบูชาโดยนักบวช ในขณะที่พระแม่กายาตรี จะถูกบูชาโดยสามัญชน คนพื้นบ้านทั่วไป..
พระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระแม่สุรัสวตี ก็จะถูกถ่ายทอดให้พระแม่กายาตรี เพื่อให้มาสอนมนุษย์โลกในภายหลัง
หลังจากนั้น พระแม่สุรัสวตีก็ได้ตรัสว่า
“ต่อไปนี้ กายาตรี เธอก็คือฉัน และ ฉันก็คือเธอ” เรามารวมเป็น องค์ ๆ เดียวกัน”
หลังจากนั้นท่านทั้งสองก็รวมองค์กันเป็นพระแม่คายตรีมนตราเทวีและอันเชิญธาตุทั้งสี่มา รวมกัน
และท้าวมหาพรหมประทานพรและแต่งตั้งให้เป็นมหาเทพีแห่งมนต์ตรา และล้างอาถรรพ์คำสาป เวทมนต์
นี่ก็คือเรื่องเล่าในตำนาน แต่จริงๆแล้วพระแม่คายตรีก็คืออวตารของพระแม่สุรัสวดีอีกภาคหนึ่ง
จีงทำให้มีถึงห้าพระพักต์เพื่อคู่บุญบารมีกับพระพรหมสืบต่อไป
ตั้งแต่นั้นมา พระแม่สุรัสวตี หรือ พระแม่กายาตรี ก็คือพระแม่แห่งพระเวทย์ ที่พวกเราเรียกขานกันมาค่ะ พระแม่สุรัสวตีนี้มีหลายพระนามนะคะ ได้แก่ บรามี หรือ ภาคแห่งพระพรหมที่เป็นหญิงค่ะ หรือ บาราตี,มาราตี มหาวิทยา วรรค มหาวาณี อารยา ดาเมชวารี
พระแม่คายตรีมนตรา เทพีแห่งมนต์ตรา
เจ้าแม่เเห่งการแก้อาถรรพ์ ถอนคำสาป
อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า
เป็นการรวมตัวกันของ พระแม่ทั้ง 5 อันได้แก่
1. พระแม่ปราวตี 2.พระแม่ลักษมี 3.พระแม่สรัสสวดี 4. พระแม่มีนาคชีเทวี 5 .พระแม่คงคาเทวี(บางตำนานบอกว่าพระแม่กาลี)
กายาตรีมันตรา (มนตราแห่งความมั่งคั่ง)
~โพสใหม่แก้ไขปรับปรุง~
โอม บูร์ บูวะ สวาห์
ตัส สะวิตุร วาเรนิยัม
พาระโก เดวาสยะ ดีมาฮี
ดีโย โย นะฮะ ประโช-ดยาธ์
(สวด 3 จบ)
Gayatri Mantra
Oṃ bhūr bhuvaḥ svaḥ
tát savitúr váreṇ(i)yaṃ
bhárgo devásya dhīmahi
dhíyo yó naḥ pracodáyāt
ไม่ใช่เพลงนะครับ แต่เป็นบทสวดขอพรในภาษาสันสกฤต
จะเป็นการขอพรจากผู้ใด กรุณาอ่านรายละเอียด
(เนื่องจาก มีความเชื่อที่แตกต่าง มากหลายความเชื่อ)
ที่มี่ความเห็นตรงกันคือ ทรงอานุภาพในการ
ช่วยในการรักษา ยังให้ชีวิตมี ความเจริญ มั่งคั่ง
เราไม่มีจุดประสงค์ จะเปลี่ยนความเชื่อถือของท่าน
เป็นแต่เพียง การแบ่งปัน สิ่งน้อยนิด เท่าที่มี
"~ จงมีศรัทธาใน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านบูชา ~"
จาก http://www.baanjompra.com/webboard/thread-8682-1-1.html
พระกายาตรี มหาเทวีแห่งพระเวท (อักษรเทวนาครี: गायत्री)
บทความโดย พราหมณ์ชาคริต
กายตรีมันตรา ถูกพบว่ามีการบันทึกไว้ใน ฤคเวท หรือพระเวทในยุคของศาสนาพราหมณ์ยุคแรกระยะเวลาราวๆ 2500-3000 ปี แต่นักวิชาการบางท่านเชื่อว่ามีความเก่ากว่านี้ แต่ในทางการศาสนาแล้วเชื่อกันว่ามีอายุในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโดย กายตรีมันตรา นั้นเดิมคึอมนต์ที่ใช้บูชาพระอาทิตย์ หรือสาวิตรี เพราะเหล่าพราหมณ์เชื่อกันว่าพลังงาน ความอบอุ่นที่ได้รับจากแสงอาทิตย์คือพรจากพระเป็นเจ้า ในสมัยก่อนมนต์กายตรี นี้ จะสวดได้เฉพาะเหล่าพราหมณ์เท่านั้น บุคคลในวรรณะอื่นและคนนอกศาสนาไม่มีสิทธิที่จะสวด หรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของมนต์ดังกล่าว ในบางพื้นที่หรือบางนิกายที่เคร่งครัดจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่ใช่พราหมณ์สวดเพราะถือว่าเป็นมนต์สำคัญ สิ่งสำคัญในการสวดคือวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องและการทำสมาธิหรือ ปราณยัม ที่ถูกต้อง จึงจะทำให้มนต์ดังกล่าวเกิดผลมิเช่นนั้นแล้วจะส่งผลเสียต่อผู้สวดเอง แต่ในศาสนาฮินดูยุคใหม่ ท่านสวามี วิเวกกัณฑ์ ได้สอนกายตรีมันตราให้กับบุคคลนอกวรรณะพราหมณ์และนอกศาสนาพราหมณ์ ในช่วงปลายๆ ศตวรรษที่ 19 ด้วยเหตุผลที่ว่ากายตรีมันตรา เป็นมนต์ที่จะทำให้มนุษย์ทุกคนหลีกพ้นจากอบายและความมัวเมาและขจัดอุปสรรค(ในที่นี้ มีนักวิชาการหลายๆท่านเชื่อกันว่า เหตุที่ยอมให้มีการสวดมนต์นี้ได้โดยคนนอกวรรณะ เพราะต้องการแย่งชิงมวลชนจากศาสนาพุทธ เพราะในช่วงระยะเวลาดังกล่าวศาสนาพุทธมีอิทธิพลสูง เป็นยุคที่เกิด วิษณุอวตารที่รวม ผนวกเอาพระพุทธเจ้าเข้าเป็นไปส่วนหนึ่งของศาสนาฮินดูใหม่ ของนิกายไวษณพ)
ในปัจจุบัน กายตรีมันตรา จึงได้กลายเป็นมนต์พื้นฐานที่ชาวฮินดูสามารถท่องจำได้แม้จะไม่ใช่คนในวรรณะพราหมณ์หรือแม้แต่คนนอกศาสนาก็ตาม กายตรีมันตรา เองก็ยังทำให้เกิด มหาเทวี องค์ใหม่เกิดขึ้นในยุค อุปนิษัท เกิดพระแม่ กายตรี หรือมารดาแห่งพระเวท ตามตำนานกำเนิดของพระองค์ที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือ ในกาลสมัยโบราณนั้น พระพรหมได้จัดยัญพิธี โดยกำหนดฤกษ์ยามที่เหมาะสมที่สุดไว้แล้วจึงเชิญเหล่าเทพทั่วทั้งสวรรค์มาร่วมแต่ในงานคราวนี้พระแม่สุรัสวดีกลับแต่งฉลองพระองค์อยู่เป็นนานสองนานเพื่อให้สมพระเกียรติของมหาพรหมสวามี ปรากกว่าพระพรหม กลัวว่าพระสุรัสวดีจะเสด็จไม่ทันแล้วจะเสียฤกษ์ เลยโปรดให้พระอินทร์ ไปหาคนมานั่งร่วมพิธีแทน ปรากฏว่าพระอินทร์ได้พบสาวเลี้ยงวัวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาสวยงามมาก มีนามว่า กายาตรี พระอินทร์ได้นำพระนางกายาตรีแต่งฉลองพระองค์แล้วพามานั่งเคียงข้างพระพรหมเพื่อประกอบพิธีในขณะนั้นเองที่พระสุรัสวดีก็เสด็จมาถึงพิธีพอดีพระนางจึงต่อว่าพระพรหมอย่างรุนแรงที่ไม่ให้เกียรติพระนาง เหล่ามหาเทพต่างพากันออกมาปกป้องพระพรหมและกล่าวโทษพระสุรัสวดีว่าเป็นผู้ชักช้าเสียเอง พระสุรัสวดีพิโรธมากกับคำประณามจากเหล่ามหาเทพ พระองค์จึงตรัสว่า"ที่พระองค์แต่งฉลองพระองค์ช้าก็เพื่อให้สมพระเกียรติและให้ถูกต้องกับงานเทวพิธีใหญ่ในครั้งนี้หาได้ทรงต้องการแต่งตัวงดงามเพื่อความต้องการของตนเองไม่" พร้อมกันนั้นได้ทรงย้อนถามพระพรหมว่า“เมื่อดวงดาวต่างๆอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดแล้วกระนั้น คำพูดของเราก็ย่อมจะต้องเป็นวาจาสิทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ข้าขอสาปพวกท่านทั้งหลายที่มีส่วนในการหาชายาใหม่ให้องค์พรหมในวันนี้ พวกท่านต้องรับผิดชอบ องค์พรหม ข้าขอให้ไม่มีผู้ใดประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เพื่อบูชาท่านต่อจากนี้ต่อไป ในรอบปีจะมีเพียงแค่เพียงวันเดียวที่จะมีคนกล่าวคำบูชาท่าน ท่านจะไม่มีเทวาลัยเป็นของตนเองตลอดไป”
รวมทั้งมหาเทพองค์อื่นๆต่างก็ได้ถูกคำสาปกันถ้วนหน้าตราบจนทุกวันนี้ แต่พระกายาตรีไม่ถูกคำสาปของพระสุรัสวดีเพราะทรงถือว่าพระนางกายาตรีไม่ได้กระทำความผิดใดๆ และยังทรงประทานพรให้กับพระนางกายาตรีว่า หากมนุษย์เหล่าใดอยากหลุดพ้นจากบาปเคราะห์จะต้องบูชาพระกายาตรีและสวดบูชาพระองค์ตลอดไป เหล่านี้คือตำนานที่เกี่ยวกับพระกายาตรี โดยถือกันว่าพระองค์คือมารดาแห่งพระเวทและทรงมีอำนาจแห่งพระเวทที่สามารถกำจัดคำสาป อาถรรพ์ เวทมนต์ ต่างๆ ได้ กายาตรีมันตรา ได้ถูกผนวกเข้ามาใช้เป็นมนต์บูชาพระกายาตรีในยุคหลัง โดยปรากฏรูปลักษณ์ออกมาในรูปของพระเทวีมี 5 พระเศียร โดยแต่ละพระเศียรหมายถึง พระปารวตี, พระลักษมี, พระสุรัสวดี, พระปฤถวี (พระแม่ธรณี) และ พระคงคา หากต้องการขอพรให้ประสบความสำเร็จ มีสติปัญญาดี ปราศจากอันตรายจากมนต์ดำแล้วจะต้องขอพรจากพระองค์โดยการถวาย ใบพลู ดอกบัวแดง นมสด ขนมหวานและผลไม้
ข้อปฏิบัติที่ มหาฤษีและในชุมชนอาศรมต่างๆ ทั่วทั้งชมพูทวีปกำหนดเป็นข้อปฏิบัติสำหรับการสวด กายาตรี มันตราคือ
1. ต้องทำความสะอาดร่างกายและทำสมาธิก่อนสวดมนต์
2. ออกเสียงและเปล่งเสียงให้ถูกต้อง ตามอัขระวิธี
3. การจะสวดมนต์นี้ให้ประสบผลต้องเป็นผู้ทานมังสะวิรัติ งดเว้นการทานเนื้อสัตว์ต่างๆ
จาก http://www.trisulidevalai.com/library-detail.php?LibType_ID=1&Id=1