ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มกราคม 22, 2017, 09:43:31 pm »"ชื่อเสียงสูงจรดพระอาทิตย์...แต่การกระทำต่ำกว่าขุมนรก"!! เทศนาอันทรงพลังครั้งสุดท้ายของ "หลวงปู่มั่น" ที่พระสงฆ์ทุกรูปทุกนามต้องทบทวนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้!!
“หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการเทศนาที่อัศจรรย์เป็นครั้งสุดท้ายของ “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ไว้ ดังนี้
วันมาฆบูชา วันเพ็ญเดือนสาม พ.ศ. ๒๔๙๒ ก่อนหลวงปู่มั่นจะเริ่มป่วยเล็กน้อย วันนั้นท่านเริ่มเทศน์ตั้งแต่สองทุ่มจนถึงหกทุ่มเที่ยงคืน รวมเวลาสี่ชั่วโมง อํานาจธรรมที่ท่านแสดงไว้ในวันนั้นเป็นความอัศจรรย์ใจของพระธุดงค์ที่มารวมอยู่เป็นจํานวนมาก ประหนึ่งโลกธาตุดับสนิท ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ปรากฏแต่กระแสธรรมที่แผ่ครอบไปหมดทั่วโลกธาตุ
ในคําเทศน์ ท่านยกพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์ที่ต่างมาเองสู่ที่ประชุม ณ พุทธสถาน โดยไม่มีใครอาราธนาหรือนัดแนะ แต่ละองค์เป็นวิสุทธิบุคคล (ผู้บริสุทธิ์) ล้วน ๆ ไม่มีกิเลสเข้ามาปนเลยแม้แต่องค์เดียว
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ของพระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็น “วิสุทธิอุโบสถ” คือ อุโบสถในท่ามกลางบุคคลผู้บริสุทธิ์ล้วน ๆ ... ไม่เหมือนพวกเราซึ่งแสดงปาฏิโมกข์ในท่ามกลางแห่งบุคคลผู้มีกิเลสล้วน ๆ ไม่มีผู้สิ้นกิเลสปะปนเลยแม้คนเดียว
สลดสังเวชที่พวกเราต่างเป็นศากยบุตรของพระองค์องค์เดียวกัน ซึ่งเป็นความจริงแต่ชื่อ ไม่มีความจริงแฝงอยู่เลย ... เหมือนคนชื่อว่า พระบุญ เณรบุญ นายบุญ นางบุญ แต่เป็นคนบาป หาบแต่โทษอาบัติใส่ตัวจนแทบก้าวเดินไปไม่ได้
ในครั้งพระพุทธกาล ท่านทําจริงจึงพบแต่ของจริง พระจริง ธรรมจริง ไม่ปลอมแปลง ... ตกมาสมัยพวกเรากลับกลายเป็นมีแต่ชื่อเสียงเรียงนาม สูงส่งจรดพระอาทิตย์พระจันทร์ แต่การกระทําต่ำกว่าขุมนรกอเวจี แล้วจะหาความดี ความจริง ความบริสุทธ์มาจากไหน เพราะงานที่ทํามันกลายเป็นงานพอกพูนกิเลสและบาปกรรมไปเสียมาก มิได้เป็นงานถอดถอนกิเลสให้สิ้นไปจากใจ ... แล้วจะเป็นวิสุทธิอุโบสถขึ้นมาได้อย่างไร!
บวชเอาแต่ชื่อเสียงเพียงว่าตนเป็นพระเป็นเณร แล้วลืมตัว มัวแต่ยกย่องตนเองเป็นผู้มีศีลมีธรรม และศีลธรรมอันแท้จริงของพระของเณรตามพระโอวาทของพระองค์แท้ ๆ นั้นคืออะไร...ก็ยังไม่เข้าใจกันเลย
โอวาทปาฏิโมกข์ท่านสอนอย่างไร นั้นแลคือองค์ศีลองค์ธรรมแท้ ... ท่านแสดงย่อเอาแต่ใจความว่า
‘การไม่ทําบาปทั้งปวง...หนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อม...หนึ่ง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้ว...หนึ่ง นี่แลเป็นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย’
ลําดับต่อไป ท่านแสดงเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ตลอดจนวิมุตติ หลุดพ้นอย่างเต็มภูมิ และเปิดเผยโดยไม่ปิดบังลี้ลับอะไรเลยในวันนั้น
ตอนสุดท้าย ท่านกล่าวว่า
‘กัณฑ์นี้เทศน์แล้ว ... ต่อไปจะไม่ได้เทศน์ทํานองนี้อีก’
จากนั้นมา หลวงปู่มั่นก็ไม่ได้เทศน์ทํานองนี้อีกเลย...ทั้งเนื้อธรรมและการแสดงนาน ๆ เช่นนั้น หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ท่านก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายแห่งขันธ์!!
จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/221025/