ข้อความโดย: होशདངພວན2017
« เมื่อ: มีนาคม 29, 2017, 12:11:24 am »การเดินทางของจิต
ต้องพบอุปสรรคมากมาย
ในบางครั้ง ต้องเจ็บปวด
ในบางครั้ง ก็ร่าเริง
จิตที่ถูกฝึกฝนมาดี จนนับชาติไม่ถ้วน
ย่อมอยากแสวงหา ดิ้นรนค้นหาวิธีที่จะออกจาก บ่วงกรรม
ที่คล้องจิตให้ต้องทนทุกข์
ขณะเดียวกัน กับนักปฏิบัติ
นักภาวนาอาจจะคิดว่า
ยิ่งปฏิบัติ ทำไมยังทุกข์
ยิ่งปฏิบัติ ทำไมยิ่งทุกข์
สภาวะจิตของผู้ปฏิบัตินั้น
จิตยิ่งละเอียด มากขึ้นเท่าไหร่
จะยิ่งรับรู้ ความทุกข์ มากขึ้นเท่านั้น
เพราะปัญญา ในการมองเห็นตามความเป็นจริงของโลก ละเอียดขึ้น
หากวิปัสสนาญาณเข้มแข็งแล้ว
การระวังสำรวม ของจิต จะมากขึ้น
จะไม่เอา หรือ ส่งออกไปกระทบภายนอก
หรือเรียกอีกอย่างว่า จะไม่ทำตนให้ต้องเป็นภาระ
ไม่สร้างวิบากกรรมร่วมกับผู้ใดอีก
แต่จะคอย ระวัง ไม่ให้สิ่งใด
อารมณ์กระทบจากใคร มาทำร้ายจิตของตนได้.
เรียกว่ารู้เท่าทัน
โกรธมาก หลงมาก โง่มาก รักมาก
สิ่งนี้ไม่มีดับ ไม่มีแรงขึ้น ไม่มีน้อยลง.
ที่ว่า น้อยลง ที่ว่าดับ
นั่นคือ จิตเราไม่ไปจับอยู่กับอารมณ์
โดนตำหนิโดนใส่ร้าย โดนนินทาก็เฉย
เพราะสติและสัมปชัญญะที่ฝึกมาพร้อมแล้ว.
ทุกขณะนั่นเอง
เฉยนี้ไม่ใช่บังคับ
ไม่ใช่พยายาม
ไม่ใช่เอาคำบริกรรมใด ๆ มากักอารมณ์ขณะนั้นให้เฉย
แต่เพราะกำลังปัญญา มันแสดง
ตอบกลับ ขณะโดนกระทบในทันใด
จิตจึงเห็นเหตุ เห็นผล เข้าใจความหมายหมด.
จึงเฉย ไม่มีอาการทางกาย หรือ การกระเพื้อมสั่นไหวใด ๆ
ให้ต้องปวดร้าว ห้ต้องดีใจหรือ เสียใจอีกต่อไป
ยิ่งละเอียด ยิ่งชัดเจน ในทุกอารมณ์