ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2017, 11:12:44 pm »http://youtu.be/mK4DYnPVg3U
http://paravee.blogspot.com/2017/11/blog-post.html
สถานที่หลาย ๆ แห่ง
กำลังจะสูญหาย
--ไปควรแล้วที่
จะต้องอนุรักษ์ไว้
ให้ลูกหลานได้เรียน
รู้ประวัติศาสตร์
และอารยะธรรม
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2560 เกิดเหตุไฟไหม้คาดว่าเป็นบริเวณย่านโพธิ์ 3 ต้นหรือใกล้ ๆ วัดกัลยา ย่านฝั่งธน ฯ เวลาเกิดเหตุประมาณ 13.00 นาฬิกาภาพถ่ายที่บริเวณ ปากคลองตลาด
ตอนแรกผมไม่รู้จักหรอกว่าอาแปะเป็นใครบังเอิญไปเจอรูปของอาแปะที่ท่าพระจันทร์ก็เลยเกิดความสงสัย ผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องราวปาฏิหารย์โดยไร้เหตุ - ไร้ผลต่อมาไปเจอรูปของอาแปะที่วางขายแบกะดินย่านถนนเจริญกรุงจึงเกิดอยากทราบประวัติของอาแปะสืบเสาะมาได้นิดหน่อยบางทีอยากรู้เรื่องอะไรก็ต้องแสวงหา แล้วก็มาวิเคราะห์เจาะลึกก่อนที่จะเชื่อหรือศรัทธาในเรื่องนั้น ๆ ภาพที่ถ่ายมาได้ก็ถ่ายที่ถนนเจิญกรุงถิ่นฐานย่านคนจีน มารู้ภายหลังว่ามีวัตถุมงคลประเภท(ฮู้)ของอาแปะโง้วกิมโคยด้วยนับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าค้นคว้าศึกษาถ้าหากอยู่ในขอบเขตแห่งเหตุและผลไม่งมงายโดยไร้เหตุผล
อาแปะกิมโคย แซ่โง้ว เกิดที่ประเทศจีน ตำบลเท้งไฮ้ ได้เข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 10 ปีเมื่อเติบโตพอที่จะประกอบอาชีพ ก็ได้รับจ้างทั่วไป รวมทั้งค้าข้าวเปลือก กิจการค้าข้าวเปลือกดีขึ้น จึงได้ร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีข้าวที่ปากคลองบางโพธิ์ล่างปัจจุบัน คือ ต.บางเดื่อ จ.ปทุมธานีเมื่ออายุ
ประมาณ 22 ปีได้สมรสกับ นางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรด้วยกัน 10 คน พร้อมทั้งได้ย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตนเองทีปากคลองเชียงราก เยื้องวัดศาลเจ้าโรงสีตั้งอยู่บน ต.บางกะดี ชื่อ โรงสีไฟทองศิริ และได้โอนสัญชาติไทยพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นนาย นที ทองศิริกิจ การโรงสีดีขึ้นและมั่นคงขึ้นมากจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเรียกขานนามท่าน
ว่า(เถ้าแก่กิมโคย)หรือแปะกิมโคยแม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบกินหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไปในยุคนั้น หน้าวัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวนมีศาลเจ้าไม้เล็ก ๆ อยู่(ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า)ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อปู่ ชาวจีนเรียกว่า ปึงเถ่ากงม่าเมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดีเป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไปในช่วงนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ส่วนใหญ่การเดินทางจะเป็นทางน้ำการบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างไม่หยุดหย่อน และได้ใช้การพายเรือไปช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยท่านให้สามารถบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าไม้เล็ก ๆ ริมน้ำมาเป็นศาลเจ้าที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ได้นอกจากการบูรณะศาลเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า เป็นวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 1 ถึงวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 1 รวม 4 วัน 4 คืน ซึ่งทางชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า เจียง่วย ชิวโหงว ถึง เจียง่วย ชิวโป้ย โดยถือเป็นประเพณีตลอดมา
มีผู้ที่ศรัทธาจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำ และชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอ ซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ คน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป