ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2017, 07:56:47 pm »เดินจงกรมพิจารณาอสุภะ จนอาเจียน
ในขณะที่บวชชีเธอได้พิจารณาอสุภะ เห็นความเสื่อม ความสกปรกของร่างกาย พิจารณาถึงความไม่งามของกาย
“ระหว่างที่ยังไม่เข้ากรรมฐานต็อปอ่านหนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนให้ละทิ้งตัวตน และสอนให้พิจารณาอสุภะ จากนั้นเราก็ไปเดินจงกรม เราก็พิจารณาคำตามที่ในหนังสือบอก คิดตาม ท่านสอนว่า “ตัวเรามันคิดว่าตัวเราสะอาด มันสวย มันงาม ความจริงแล้วตัวเรานั่นแหละ ที่สกปรกที่สุด อย่างตื่นนอนมาทุกอย่างในตัวเรามีแต่ "ขี้” ขี้ตา ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้หู ขี้เล็บ ขี้เต่า ถ้าสะอาด สวยจริง ไม่ต้องไปล้างหน้าแปรงฟันสิ ไม่ต้องอาบน้ำสิ อาบน้ำทำไม ฉีดน้ำหอมทำไม ถ้าสวย น่ารัก สะอาดจริง จะแต่งหน้าทำไม
ข้างในมันมีแต่ของเน่าเหม็น กินอาหารเข้าไปก็อุจจาระออกมา อาหารดีแค่ไหนพอผ่านร่างกายก็เป็นอุจจาระ ตอนเป็นอาหารจับได้ แต่พอผ่านร่างกายเป็นอุจจาระกล้าจับมั้ย
@@@@@@
แม้จะสวยหล่อขนาดไหน แต่ข้างในก็เน่าเหมือนกันหมด เรายึดติดกันแค่หนัง เหมือนเรามองคนนี้แล้วเราชอบ ชอบเพราะอะไร เราชอบเพราะหนังที่หุ้มเขาไว้ เพราะว่าหนังตึง ถ้าเป็นหน้าเดิมแล้วเหี่ยวจะชอบอยู่มั้ย อย่างมีคนมาบอกชอบเรา เขาชอบเราเพราะหนังเรายังตึงอยู่ ฉะนั้นคนเราก็หลงกันแค่หนัง ไม่มีอะไรเลย เราจะไปยึดติดอะไรกับคนที่เราชอบ คนที่เรารัก
มนุษย์เราประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ พอตายไปร่างกายก็จะอืดบวม ลิ้นจุกปาก ตาถนน เขียว อืด น้ำเลือด น้ำหนอง น้ำเหลืองไหลเยิ้ม ในระหว่างเดินจงกรมเราก็คิดภาพคนที่เรารัก เราชอบ เป็นซากศพ ในขณะเดียวกันก็นึกถึงภาพของตัวเองด้วย ว่าตายไปเราก็อืดพอง น้ำเหลืองไหล ปรากฏว่า ต็อปอ้วกแตกออกมาหมดเลย เราเห็นตัวเองในรูปเราก็รู้สึกสะอิดสะเอียน คือเราพิจารณาจนเข้าจิต”
ขั้นลึก! เข้ากรรมฐานพิจารณากิเลส
ในการเข้ากรรมฐานจะมีช่วงอดอาหาร 5 วัน สิ่งที่ตกถึงท้องมีเพียงน้ำเปล่า และช่วงทานอาหารได้วันละมื้อ ซึ่งเป็นอาหารมังสวิรัติ ไร้เนื้อสัตว์ ในแต่ละวันเธอจะเดินจงกรมวันละกว่า 10 ชั่วโมง
“ตอนเข้ากรรมฐานต็อปจะปฏิบัติจริงจัง เพราะเป็นสถานที่เงียบ สงบ เหมือนอยู่ในป่าไม่มีอะไรรบกวน ในแต่ละวันก็จะเดินจงกรม นั่งสมาธิ
ทว่า พอขึ้นเดือนที่ 2 กิเลส มันดิ้น แทบอยากจะปีนรั้วออก ทรมานมาก “ไม่ไหวแล้ว อยากกินเนื้อสัตว์” เพราะมีความนิ่งและความสงบ คนเราทุกคนมีกิเลสที่นอนนิ่งอยู่ ฝังอยู่ในจิต เมื่อไหร่ที่เรามาปฏิบัติธรรมมีสติ สมาธิ สงบ จะเห็นกิเลสชัดเจน เรามาปฏิบัติธรรมครั้งนี้เพื่อให้เห็นกิเลส และไม่เอากิเลส เมื่อเราเห็นกิเลสว่า อยากกินหมูปิ้ง นั่นคือกิเลสอยากกิน ก็แค่ดูมัน แต่ไม่ต้องไปดับมัน ละกิเลสด้วยปัญญา รู้ ละ กิเลสไปเรื่อยๆ จิตจะรู้ จะเริ่มละไปทีละเรื่อง ล้างความชั่วออกจากจิต
@@@@@@
ต็อปปฏิบัติเพื่อไม่อยากเกิดแล้ว อยากนิพพาน เพราะรู้แล้วว่าการเกิดมันคือทุกข์ ถ้าเกิดว่ามีคนมาบอกว่า เกิดมาชาติหน้าจะมีเงินเป็นหมื่นล้าน เป็นมหาเศรษฐี สวยมาก ต็อปก็ไม่เอานะ ขอไม่เกิด ขอนิพพานดีกว่า
ทุกคนสามารถขึ้นมาเป็นอริยบุคคลได้ถ้าตั้งใจ ดูอย่างต็อปสิ จากคนไม่มีศาสนา ไม่มีศีล ภายใน 1 ปียังมาอยู่ในศีลในธรรมขนาดนี้
ปัจจุบันนี้พ่อต็อปไปสมัครกรรมฐาน เดินจงกรม นั่งสมาธิ รักษาศีล ที่วัดใน จ.อุดรฯ แล้วนะ เห็นมั้ยสิ่งที่เราทำเห็นผล ตอนนี้เราไม่ห่วงพ่อแล้ว พ่อมีอริยทรัพย์แล้ว แต่สำหรับคุณแม่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร"
ลาที "ความรักยึดติด" ชีวิตนี้ขอไม่มีสามี
ส่วนคำถามที่ว่า หลังจากสึกจากการบวชชีแล้ว ชีวิตนี้จะมีคู่ครอง ครอบครัว สามี และลูกมั้ย เธอตอบด้วยความมั่นใจว่า
“แค่คิดว่าจะให้ผู้ชายมากอดจูบ ก็อี๋แล้ว”
“จะให้ไปมีครอบครัว มีเพศสัมพันธ์ มีลูกมีเต้า มันไม่ได้แล้ว คือถ้าจะมีผู้ชายเข้าในชีวิตอยากเป็นเจ้าของเรา แต่งงาน มีลูก ไม่เอา แต่ถ้าเป็นเพื่อนนำพาปฏิบัติธรรมก็ได้ เราไม่ได้เป็นคู่รักกัน ใครคิดยังไงต็อปไม่รู้ แต่ตัวเราไม่ได้คิดอะไรกับใคร
แน่นอนเราไม่สามารถห้ามความรู้สึกของคนอื่นได้ แต่ต็อปเห็นทุกคนเท่ากันหมด ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ถึงต็อปไปกับเพื่อนผู้ชาย เราก็มีความรู้สึกเหมือนไปกับเพื่อนผู้หญิง ไม่ได้รู้สึกพิศวาส ให้ความรู้สึกเท่ากัน มันคือความรักแบบเพื่อนมนุษย์”
@@@@@@
นอกจากนี้ เธอยังแนะนำผู้หญิงที่รักสวยรักงามทั้งหลายไม่ต้องเสียเงินจ้างเทรนเนอร์ออกกำลังกายเดือนละหลายหมื่นเข้าฟิตเนส มาปฏิบัติธรรม เดินจงกรม วันละ 3-4 ชั่วโมง ได้สมาธิ สติ ได้บุญกุศล การทำสมาธิเป็นบุญสูงสุด แถมเซลลูไลต์หายด้วย
การนั่งสมาธิยังทำให้หน้าเด็ก ผ่องใส เพราะในขณะนั่งสมาธิ จิตของเราจะนิ่ง ไม่คิดอะไร จิตไม่แส่ส่ายออกไป เหมือนจิตหยุดนิ่ง แม้เวลาของโลกจะเดิน แต่เวลาของจิตจะนิ่ง หยุดแค่อายุตรงนั้น ทำบ่อยๆ หน้าก็จะผ่องใส”
ไม่แปลกใจเลย ทำไมเธอถึงมีใบหน้าออร่าผ่องใสทั้งที่เพิ่งออกจากกรรมฐานอดอาหารมา 5 วันเต็ม!
หลังออกจากกรรมฐานอดข้าว 5 วัน ใบหน้ายังผ่องใส
ประหยัด สมถะ ไม่ยึดติดวัตถุ
ปัจจุบันนี้เธอไม่ได้ทำงานเป็นพริตตี้มา 4 ปีแล้ว แต่ผันตัวเองมาอยู่เบื้องหลังทำ เปิดบริษัทออแกไนเซอร์ โมเดลลิ่ง แม้จะเป็นพริตตี้เงินล้านตัวท็อปเบอร์ 1 แต่เธอเป็นคนประหยัด ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย "พร้อมถึงซื้อ"
“ต้องมีเหลือมากๆ แล้วถึงเจียดเงินส่วนหนึ่งไปซื้อสิ่งที่เราต้องการ อย่างกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรกที่ซื้อคือชาแนล ต็อปซื้อตอนอายุเกือบสามสิบนะ ทั้งที่ทำพริตตี้มาตั้งหลายปี มีเงินสามารถซื้อได้นะแต่รู้สึกว่า มันไม่จำเป็น
อย่างรถของต็อป คันที่ขับปัจจุบันนี้ก็เป็นรถที่พ่อให้ ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีรถตัวเอง คันนี้ก็ขับมา 14 ปีแล้ว หลายๆคนถามว่า ทำไมไม่ซื้อรถใหม่ คือเราเอาเงินไปซื้อบ้านแล้ว แต่รถก็เป็นแค่ออปชั่นเสริมบารมี รถเรายังใช้ได้อยู่ รถซื้อมาเพื่อให้คนอื่นมาชื่นชมเรา แต่บ้านจำเป็นกว่ารถ เราเอาเงินไปซื้อบ้าน คอนโด ปล่อยให้คนเช่าดีกว่า เงินที่เรามีควรเก็บไว้สำรองยามฉุกเฉิน และต็อปกำลังจะสร้างสตูดิโอให้คนเช่า ฉะนั้นเราจะซื้อรถเพื่อให้คนมาชื่มเราทำไม ทำไมเราไม่สร้างสิ่งอื่นให้ตัวเองชื่นชมเป็นของเราดีกว่า
ความสุขจากข้างใน แบบที่ไม่ต้องพึ่งสิ่งของ ไม่ต้องพึ่งวัตถุ ไม่ต้องพึ่งคนอื่นมาทำให้เรามีความสุข นี่มันดีจริงๆ มีความสุขแบบพอดี มีความสุขกับสิ่งที่มี ไม่รู้สึกว่าขาด ไม่รู้สึกว่าเกิน พยายามทำให้ดีที่สุด อะไรก็แล้วแต่ มีก็ดี ไม่มีก็ได้ ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะรัก ใครจะเกลียด ใครจะชม ใครจะด่า ใครจะเข้าใจ ใครจะไม่เข้าใจ มันก็ไม่ได้มีผลกับจิตใจเราเท่าไหร่แล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทุกข์ใจเพราะเอาใจไปยึดติด กับคนอื่น ถ้าเค้าทำดีกับเรา พูดดีกับเรา เราถึงจะมีความสุข แต่ถ้าเค้าทำไม่ดีกับเรา พูดไม่ดีกับเรา เราก็จะไม่มีความสุข เป็นทุกข์"
@@@@@@
"มาคิดดูทำไมเราถึงปล่อยให้คนอื่นเป็นผู้กำหนดความสุขของตัวเอง ทำไมเราถึงเอาความสุขของเราให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น เหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด มันไม่ถูกต้อง หลายๆอย่างในความคิดและจิตใจค่อยๆเปลี่ยนไป เหมือนถูกกะเทาะความโง่เขลาออกไปได้บางส่วน จากโง่มาก เป็นโง่น้อย และเราเชื่อว่ามันจะค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับขั้นการทำงานของมัน
จากวันที่หันหน้าเข้าหาธรรมะเป็นเวลา 1 ปี นิดๆ มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปมากมาย แม้ว่าภายนอกเราจะยังดูบ้าๆบอๆเหมือนเดิม แต่เรารู้ดีว่าภายในเราไม่เหมือนเดิม มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่เราก็ไม่รู้ว่าอะไรที่เปลี่ยนไป มันอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้แต่รู้ว่ามันดีจริงๆ"
แม้ปลายเดือนตุลาคมนี้ แม่ชีสต็อปจะสึกจากการบวชชีเพื่อกลับมาใช้ชีวิตในทางโลกอีกครั้ง แต่ "ธรรมะ" ก็จะยังอยู่ในจิตใจของเธอตลอดไปแม้จะอยู่ในคราบฆราวาสก็ตาม
"จากนี้ก็จะพยายามศึกษาและปฏิบัติให้ดีขึ้นไปอีก ฝึกฝืน สู้ทนต่อความชั่วความเลวและกิเลสของตัวเองให้ยิ่งขึ้นไปอีก ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ก็ขึ้นชื่อว่าคน จะดีตลอดเวลาคงไม่ได้ และจะเลวตลอดเวลาก็คงไม่ใช่ อยู่ที่รู้ทันและแก้ไขได้ไหมก็แค่นั้น ไม่มีอะไรสายเกินไป ถ้าเรายังมีลมหายใจ”
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Live
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค Nattha Sirirumpaivong
https://mgronline.com/daily/detail/9600000104160