ข้อความโดย: होशདངພວན2017
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2017, 07:32:57 pm »แมลงวันเกาะหางม้าพันธุ์จึงสามารถเดินทางได้หมื่นลี้ เถาวัลย์พันรอบต้นสนสูง จึงสามารถเจริญเติบโตขึ้นไปถึงพันฟุต
แม้ความชั่วจะมีมากมาย แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ได้
ธรรมนิพนธ์เรื่องต่างกายใจเดียว - เปิดดวงตา ฉบับภาษาอังกฤษ
บทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้ถูกเขียนในเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ 9 แห่งสมัยบุนเออิ ค.ศ.1272 ที่กระท่อมซัมไมโด ทุ่งสึคาฮาระ บนเกาะซาโดะ เมื่อพระนิชิเร็นไดโชนินอายุ 51 ปี แม้ว่าบทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้เขียนถึงชิโจคิงโงะโยริโมโตะ แต่แท้ที่จริงแล้วธรรมนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งไปที่ผู้ติดตามพระนิชิเร็นไดโชนินทุกคน
บทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้มี 2 ส่วนและพระนิชิเร็นไดโชนิน ได้ตั้งชื่อบทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้ว่าบทธรรมนิพนธ์ เปิดดวงตา ในชื่อคือการกล่าวถึงการเปิดตาบอดของผู้ที่ไม่มีปัญญาเกี่ยวกับ ศาสนาพุทธแท้
ในขณะที่บทธรรมนิพนธ์ สิ่งสักการะแท้ เปิดเผยสิ่งสักการะในแง่ของธรรมะ บทธรรมนิพนธ์ เปิดดวงตา นี้เปิดเผยสิ่งสักการะในแง่ของบุคคล นี่คือบทธรรมนิพนธ์สำคัญอย่างยิ่งที่ถูกจัดอยู่ใน 5 บทธรรมนิพนธ์สำคัญของพระนิชิเร็นไดโชนิน
ในส่วนแรกของบทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้ พระนิชิเร็นไดโชนินใช้การเปรียบเทียบ 5 ระดับเพื่อเปิดเผยความแตกต่าง ความเหนือกว่ากับความด้อยกว่า และความผิวเผินกับความลึกซึ้งระหว่างคำสอนที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธกับคำสอนตลอดพระชนม์ชีพของพระศากยมุนีพุทธะ ในส่วนที่ 2 พระนิชิเร็นไดโชนินเปิดเผยว่าท่านคือ พระพุทธะที่มีคุณธรรม 3 ประการแห่งเจ้านาย อาจารย์และบิดามารดา ข้อความที่หยิบยกมาซึ่งพวกเราให้ความสนใจในวันนี้อยู่ในตอนท้าย ๆ ของส่วนที่ 2
พระนิชิเร็นไดโชนินนำเสนอการเผยแผ่ 2 วิธี โชจุและชะคุบุขุต่อมา ท่านสอนพวกเราว่าในสมัยปัจฉิมธรรม เมื่อมีคนมากมายที่มีความเห็นนอกรีตและดูหมิ่นธรรมะ วิธีเหมาะสมเพื่อการเผยแผ่ธรรมะคือชะคุบุขุ การหักล้างความเชื่อนอกรีตและการเปิดเผยความจริง
การชะคุบุขุในสมัยปัจฉิมธรรม
โชจุและชะคุบุขุ คือ 2 วิธีซึ่งพระพุทธะนำผู้คน โชจุคือวิธีการสอนที่ถึงแม้ว่าผู้คนมีความเชื่อไม่ถูกต้อง พระพุทธะจะยอมรับความคิดที่ผิดของพวกเขาเป็นการชั่วคราวและค่อย ๆ แก้ไขพวกเขาและนำพวกเขาไปสู่ธรรมะแท้ ในทางตรงข้าม ชะคุบุขุคือวิธีซึ่งไม่อาจทนต่อความเชื่อนอกรีต พระพุทธะชี้ให้เห็นความคิดที่ผิดทันทีและนำผู้คนไปสู่ศาสนาพุทธแท้
ในบทธรรมนิพนธ์ จดหมายจากซาโดะพระนิชิเร็น ไดโชนินอธิบายว่าวิธีที่นำผู้คนไปสู่ศาสนาพุทธจะต่างกันตามกาลเวลาในศาสนาพุทธ จะเลือกโชจุหรือชะคุบุขุ ขึ้นอยู่กับเวลา
พระนิชิเร็นไดโชนินสอน เมื่อคนฉลาดแกมโกง คนชั่วและผู้ดูหมิ่นธรรมะเพิ่มขึ้น ชะคุบุขุควรจะมาก่อน
ท่านกล่าวต่อ ตามที่สอนในบท พระสทาปริภูตโพธิสัตว์(ฟุเคียวบทที่ 20)ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร
ทุกวันนี้ ในสมัยปัจฉิมธรรม เมื่อมีคนมากมายที่ดูหมิ่นธรรมะ สิ่งจำเป็นคือหักล้างความเชื่อนอกรีตก่อนและสอนศาสนาพุทธแท้แก่ผู้คนด้วยการชะคุบุขุ ไม่คำนึงว่าพวกเขาเต็มใจฟังหรือไม่
ว่าด้วยพระสทาปริภูตโพธิสัตว์[ฟุเคียว]
เรื่องของพระสทาปริภูตโพธิสัตว์อยู่ในบท พระสทาปริภูตโพธิสัตว์(บทที่ 20)ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร
ในสมัยโบราณ เมื่อพระสทาปริภูตโพธิสัตว์พบทุกคน เขาคำนับและท่องดังต่อไปนี้
อาตมามีความเคารพท่านสุดซึ้ง อาตมาไม่กล้าปฏิบัติต่อท่านด้วยการดูหมิ่นหรือความทะนงตัว ทำไมล่ะ ? เนื่องจากทุกท่านกำลังปฏิบัติวิถีทางโพธิสัตว์และบรรลุพุทธภาวะแน่นอน
โฮเคเคียว หน้า 500 [สัทธรรมปุณฑริกสูตร] แปลโดยนายวัตสัน
เขาบอกทุกคนที่เขาพบว่าเขาเคารพพวกเขาและบอกว่าเขาจะไม่มีวันดูถูกพวกเขา เนื่องจากพวกเขาทุกคนปฏิบัติวิถีโพธิสัตว์และจะเป็นพระพุทธะแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่เขาพบโมโหมาก และพูดให้ร้ายเขาและหัวเราะเยาะเขายิ่งกว่านั้น พวกเขาบีฑาธรรมเขาโดยการตีเขาด้วยไม้เท้าและกิ่งไม้และขว้างกระเบื้องและก้อนหินใส่เขา
แม้ว่ารับการปฏิบัติเช่นนั้น พระสทาปริภูตโพธิสัตว์อดทนการบีฑาธรรมและปฏิบัติการแสดงความเคารพต่อเนื่อง ผลที่เกิดขึ้น เขาได้รับพลังเหนือธรรมชาติมากมายในที่สุด เขาบรรลุพุทธภาวะ
ในระหว่างนั้น เมื่อคนที่บีฑาธรรมพระสทาปริภูตโพธิสัตว์เห็นว่าเขาได้มาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติเช่นนั้น พวกเขาศรัทธาเขาและปฏิบัติตามเขา อย่างไรก็ตาม ความผิดแห่งการบีฑาธรรมพระ สทาปริภูตโพธิสัตว์ ผู้อุทิศชีวิตต่อสัทธรรมปุณฑริกสูตร มหันต์และพวกเขาตกนรกเป็นเวลานานมาก หลังจากนั้น พวกเขาชดใช้บาปทั้งหมดและสามารถพบพระสทาปริภูตโพธิสัตว์อีกครั้งหนึ่งพวกเขาฟังสัทธรรมปุณฑริกสูตรและทุกคนสามารถบรรลุพุทธภาวะ
ไม่ว่าพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ประสบการบีฑาธรรมอะไร เขาไม่เคยเกิดอารมณ์โกรธและเขาไม่เคยล้มเลิกการปฏิบัติแห่งการเคารพผู้คน ในทำนองเดียวกัน พวกเราต้องมองข้ามท่าทางที่ไม่สำคัญของผู้ที่พวกเราไปเผยแผ่ศาสนาพุทธด้วยการชะคุบุขุ สิ่งสำคัญคืออย่ายอมแพ้ เพื่อที่จะทำชะคุบุขุอย่างประสบความสำเร็จ พวกเราต้องพูดอย่างจริงจังเสมอต่อธรรมชาติพุทธะของคนที่พวกเราพูดคุยด้วย
พระสังฆราชนิชิเนียว โชนินสอนดังต่อไปนี้
ขณะที่พวกเราทำชะคุบุขุ พวกเราเผชิญอุปสรรคและสิ่งท้าทายรูปแบบต่าง ๆ และพวกเราสามารถชดใช้บาปกรรมของพวกเราจากชาติก่อน นี่คือความหมายแห่งการปฏิบัติชะคุบุขุของพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ ตามที่อธิบายในบทพระสทาปริภูตโพธิสัตว์ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร
วิธีแย่ที่สุดที่เป็นไปได้เพื่อจัดการเรื่องราวคือคิดว่า ถ้าข้าพเจ้าพูดเรื่องนี้กับเขา จะเกิดเรื่องน่ากลัวและหลีกเลี่ยงที่จะทำชะคุบุขุเนื่องจากพวกเรากลัวการตอบปฏิเสธและความยากลำบากในสถานการณ์เช่นนั้น ความกล้าของพวกเราจะเกิดขึ้นถ้าพวกเราสวดไดโมขุอย่างจริงใจนี่คือเหตุผลที่ทำไมการสวดไดโมขุอย่างจริงใจจึงสำคัญเหลือเกิน เป็นเรื่องปกติที่พวกเราต้องสวดมนต์ทำวาระเช้าและเย็นอย่างแน่วแน่ด้วยผลที่เกิดขึ้น พวกเราจะพบว่าความกล้าจะผุดออกมาได้ง่ายจากภายในชีวิตของพวกเราแน่นอน
พระนิชิเร็นไดโชนินกล่าวในบทธรรมนิพนธ์ คำสอนปากเปล่าดังต่อไปนี้ในสมัยปัจฉิมธรรมพระนิชิเร็นและผู้ติดตามจะเผชิญความทุกข์ยากเมื่อพวกเขาปฏิบัติเมียวโฮ-เร็งเง-เคียว แต่พวกเขาควรจะเข้าใจว่าแท้ที่จริงนี่คือความสงบและความสุขจากข้อความนี้ อาตมาหวังว่า ในการต่อสู้ที่พวกเราจะเผชิญในอนาคต แต่ละท่านไม่คำนึงว่าท่านชราหรือหนุ่มสาวหรือชายหรือหญิงจะก้าวหน้าเพื่อทำชะคุบุขุด้วยการทุ่มเทมาก
ข้อความจากบทธรรมนิพนธ์ที่ถูกเลือกว่าด้วยชะคุบุขุ
ตามที่พระสังฆราชแนะนำพวกเรา ขอให้พวกเราสวดไดโมขุสม่ำเสมอและทำชะคุบุขุที่กล้าหาญร่วมกัน
บทสรุป
บัดนี้การรณรงค์เกี่ยวกับชะคุบุขุของพวกเราใน ปีแห่งการกระทำ นี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย
เช่นกัน พระสังฆราชของพวกเรากล่าว
พระนิชิเร็นไดโชนิน ในบทธรรมนิพนธ์ของท่านทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เห็นศัตรูของ [สัทธรรมปุณฑริกสูตร] แต่ไม่ประณามพวกเขาและไม่ชะคุบุขุพวกเขาคือบุคคลที่นิรวาณสูตรกล่าวว่าเป็นคนที่สมคบกับผู้[ที่ดูหมิ่นธรรมะแท้]และขาดความเมตตาที่จะแก้ไขพวกเขา พวกเขาเป็นศัตรูของศาสนาพุทธกล่าวอีกนัยหนึ่ง พระศากยมุนีบรรยายว่าพวกเขาเป็นบุคคลในศาสนาพุทธที่มีเจตนาไม่ดีที่มีความขุ่นเคืองอย่างแน่แท้ในทางกลับกัน ข้อเท็จจริงที่ว่าพระนิชิเร็น
ไดโชนินใช้คำพูดเช่นนั้นกับผู้ที่ไม่ทำชะคุบุขุก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ทำชะคุบุขุจะได้รับกุศลผลบุญมากมายสิ่งสำคัญในประเด็นนี้คือขอให้รู้ว่าความเข้าใจตามสติปัญญาที่ว่าการทำชะคุบุขุจะได้รับกุศลผลบุญมากอย่างไรจะไม่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเราคือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและข้ามพ้นความเข้าใจทางทฤษฎีและได้พบกุศลผลบุญนั้นด้วยชีวิตของพวกเรา ด้วยการลงมือทำชะคุบุขุจริงด้วยตัวพวกเราเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเราทำชะคุบุขุหรือไม่จะส่งผลต่อความสุขหรือความทุกข์ของพวกเราเอง
ขอให้พวกเราทุ่มเทความพยายามสุดความสามารถของพวกเราในการปฏิบัติชะคุบุขุจริงและในการสนับสนุนการพัฒนาสมาชิกใหม่ ขณะที่พวกเราเติมเต็มความเมตตาลงในหัวใจของพวกเราอย่างต่อเนื่องด้วยการสวดไดโมขุและก้าวหน้าร่วมกันด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว บนพื้นฐานต่างกายใจเดียวท่ามกลางผู้นับถือฮกเคโคทั้งหมดขอให้พวกเราก้าวหน้าต่อเนื่องสู่การสร้างองค์กรฮกเคโคที่มีสมาชิก 800,000 คน
ข้อความอธิบายเพิ่มเติม
พระนิชิคันโชนินพระสังฆราชองค์ที่ 26 ของวัดใหญ่กล่าวถึงเหตุผลที่พระนิชิเร็นไดโชนินเขียนบทธรรมนิพนธ์ เปิดดวงตาดังต่อไปนี้
แท้ที่จริงแรงจูงใจในการเขียนเอกสารฉบับนี้คือการบีฑาธรรมที่เกิดขึ้น ณ ทัตสึโนคูชิ
บทธรรมนิพนธ์ฉบับนี้ทำหน้าที่ขจัดความสงสัยและส่งเสริมความศรัทธาให้กับลูกศิษย์และผู้นับถือ ภายหลังการบีฑาธรรมที่ทัตสึโนคูชิ หลายคนละทิ้งความศรัทธาของพวกเขา และผู้ที่ยังคงมีความศรัทธาเกิดความสงสัยและความสับสน พวกเขาเริ่มสงสัยพระนิชิเร็น - พระนิชิเร็นจึงเขียนถึงลูกศิษย์และผู้นับถือเหล่านี้และสั่งสอนพวกเขาว่าท่านเป็นผู้อุทิศชีวิตแท้ต่อสัทธรรมปุณฑริกสูตร และท่านเตือนพวกเขาอย่างเข้มงวดไม่ให้สงสัยการมีอยู่ของสภาพชีวิตแห่งการรู้แจ้งท่านสั่งสอนพวกเขาปฏิบัติความศรัทธาให้สำเร็จลุล่วงในฐานะผู้นับถือโอโกะ-วัดใหญ่กุมภาพันธ์ 2004)
5 บทธรรมนิพนธ์สำคัญ 5 บทธรรมนิพนธ์สำคัญที่สุดของพระนิชิเร็นไดโชนินซึ่งพระนิคโคโชนินเป็นผู้เลือกได้แก่
1.บทธรรมนิพนธ์ สิ่งสักการะแท้
2.บทธรรมนิพนธ์ เปิดดวงตา
3.บทธรรมนิพนธ์ ริชโช อันโคกุรน
4.บทธรรมนิพนธ์ การเลือกเวลา
และ 5.บทธรรมนิพนธ์ การตอบแทนหนี้บุญคุณ
สิ่งสักการะของศาสนาพุทธแท้
สิ่งสักการะของศาสนาพุทธแท้ถูกมองจาก 2 ลักษณะแห่งบุคคลกับธรรมะ สิ่งสักการะในแง่ของธรรมะคือนัม-เมียวโฮ-เร็งเง-เคียว ความจริงของหนึ่งขณะจิตสามพันสิ่งสักการะในแง่ของบุคคลคือพระพุทธะดั้งเดิมแห่งคุอน กันโจะ อดีตที่ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือพระนิชิเร็นไดโชนิน 2 ลักษณะนี้ต่างกันในนามแต่โดยหลักการเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือนัม-เมียวโฮ-เร็งเง-เคียวตัวมันเองคือชีวิตของพระพุทธะดั้งเดิมแนวความคิดนี้รู้จักกันทั่วไปว่า ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างบุคคลกับธรรมะ(นิมโป อิคกะ)
การเปรียบเทียบ 5 ระดับ(โกะจูโซไท)นี่คือระบบการจัดลำดับซึ่งพระนิชิเร็นไดโชนินบัญญัติขึ้นเพื่อแสดงว่าศาสนาพุทธแห่งการหว่านเหนือกว่าคำสอนอื่นทั้งหมด
มัชฌิมประภาสปุญสถาน
ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ.........
(ภาพหลังจากเทศกาลตรุษจีนปี 2017 วันที่ 26 เดือนกุมภาพันธ์)