ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: มกราคม 24, 2018, 03:08:43 pm »ติดตามบทความต่อไป.....http://vot731.wordpress.com
อ่านเรื่องอื่น ๆ http://www.tairomdham.net/index.php/topic,13467.0.html
ภาพถ่ายบ้านร้างยังคงเหลืออยู่ในยุคปัจจุบันใจกลางกรุงเทพมหานครที่บริเวณ
ในยุคปัจจุบันอาจจะมีบ้านร้างหลายแห่งยังคงสภาพอยู่ หลาย ๆ แห่งน่าจะอนุรักษ์เอา
ไว้เพราะว่าบ้านร้างแต่ละแห่งล้วนมีประวัติความเป็นมาทั้งหมดทั้งสิ้น
ถ่ายภาพโดย....時々कभीकभी一རພຊຍ๛
ย้อนหลังไปเมื่อราว ๆ 53 - 54 ปี ก่อนประมาณปีพุทธศักราช 2507 ในครั้งกะโน้นในเขตกรุงเทพ ฯ ฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร(ยังไม่ได้รวมกันเป็นกรุงเทพมหานคร)ยังมีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ย่านโพธิ์สามต้น เขตบ้างกอกน้อยเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้นอยู่ริมถนน อิสรภาพ ฝั่งธนบุรี โพธิ์สามต้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วแน่นอนต้องมีต้นโพธิ์บ้านหลังนี้แถบบริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้เหมือนบ้านสวนทั่วไปในบ้านนี้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งพำนักอยู่และในยุค
นั้นรถ - ลาก็ไม่มากมายเหมือนในยุคปัจจุบันทางด้านอากาศก็ฤดูกาลก็เวียนผ่านมาเป็นปกติ ร้อนเป็นร้อน หนาวเป็นหนาว ฝนเป็นฝน กล่าวถึงสามี - ภรรยาคู่นี้ซึ่งพำนักอยู่ในบ้านหลังนี้มานานเท่าใดไม่มีใครทราบได้ทุกคนใช้ชีวิตตามปกติสุข อยู่มาวันหนึ่งภรรยาล้มป่วยลงด้วยโรคไข้เลือดออก(มาลาเรีย)เนื่องจากสมัยโน้นยังมีคู - คลองมากมาย และด้านสุขอนามัยยังไม่ดีเท่ายุคปัจจุบันจะมีเพียงก็แค่"สุขศาลา"เท่านั้น(ชื่อสถานีอนามัย)ในยุคนั้น
สามี - ภรรยาคู่นี้รักกันมากแทบจะไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันเลยทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากินสร้างครอบครัว ต่อมาเมื่อปลายปีพุทธศักราช 2508 ภรรยาก็เสียชีวิตลงด้วยไข้มาลาเรียด้วยความรักที่มีต่อภรรยาอย่างสุดซึ้งสามีไม่จัดงานศพตามประเพณีแต่เก็บศพภรรยาไว้ในบ้านโดยมีญาติรับรู้เพียงไม่กี่คนต่อมาไม่นานเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงเห็นภรรยาชายหนุ่มหายไปจึง
ถามว่า "อ้าว...เห็นพิมหายไปหลายวันละเป็นอะไรหรือเปล่าหลานชาย ? "อ้อ...เปล่าจ๊ะลุงสุพจน์พิมยังอยู่ในบ้าน"(และก็ยังอยู่จริง ๆ)สามีตอบ"งั้นรึพิมไม่สบายหรือเปล่าหลานชายเอ๊ย ?" ลุงสุพจน์ถามอีก"ใช่จ๊ะลุง พิมเค้าไม่ค่อยสบายนิดหน่อยจ๊ะ"ชายหนุ่มรีบตอบอย่างตะกุกตะกัก"ถ้างั้นฉันไปก่อนน่ะ"แต่ลุงสุพจน์ไม่ได้เอะใจอะไรเลยสักนิดเดียวว่า"พิม"อยู่ในบ้านจริง ๆ แต่เป็นศพที่ไร้วิญญาญาณของ(พิม)จนเวลาผ่านไปหลายวันตั้ง
แต่พิมได้เสียชีวิตลงเหตุการณ์ผ่านไปจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีศพของพิมเก็บอยู่ในบ้านเปิดฝาโลงศพทิ้งไว้แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพของพิมเลยทุกวันสามีก็ทำมาหากินตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดและก่อนกลับจากทำงานก็แวะตลาดโพธิ์สามต้นซื้อกับข้าว - กับปลาขนมต่าง ๆ มานั่งรับประทานกับภรรยาตามปกติ เหมือนกับตอนที่ภรรยายชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งวันหนึ่งชายหนุ่มจึงลาอุปสมบทเป็นภิกษุเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ภรรยาที่ได้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ไปเมื่อปีพุทธศักราช 2511 และในกาลเวลาต่อมาก็....