ข้อความโดย: होशདངພວན2017
« เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2018, 02:46:45 pm »ต่อจากตอนที่แล้ว
มีพระอาจารย์ที่รู้จักกันอยู่ท่านหนึ่ง พอเจอหน้าผมทีไรก็จะถามว่า เมื่อไรจะบวชสักที ถ้าไม่บวชก็เหมือนเสียชาติเกิดนะ เพราะเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย ในระหว่างที่ท่านถามผมก็ผลัดมาเรื่อยถึง 2 ปี ก็จะบอกท่านมาตลอดว่าติดงาน งานยังเยอะอยู่ ซึ่งถ้าบวชก็ต้องโกนทั้งผมและคิ้ว แล้วถ้าเป็นช่วงระหว่างทีติดละครจะทำอย่างไร เพราะโกนผมยังใส่วิกผมช่วยได้ แต่คิ้วนี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ผลัดท่านมาเรื่อยๆ พอถัดท่านมาได้ครบ 3 ปี ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ละครซาลง ก็ไปบอกท่านว่าจะบวช แต่ไม่ได้บวชนานเป็นพรรษา ท่านก็บอกว่าไม่มีปัญหาจะบวชนานเท่าไรก็แล้วแต่ความสะดวกเป็นช่วงเดียวกันกับละครที่ถ่ายอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งพระเอกในเรื่องชื่อ ทองจันทร์ แต่นั่นก็เป็นเพียงเหตุผลข้อแรก ก็บอกท่านว่าจะบวชแค่ 2 อาทิตย์ ไปขอฤกษ์บวชจากท่าน ท่านก็บอกว่าฤกษ์บวชไม่จำเป็นต้อง
มี แต่ที่ต้องมีคือฤกษ์สึก จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะบวชแค่ 2 อาทิตย์ ก็เลยต้องกลายเป็น 19 วัน ซึ่งในระหว่างนั้นคิ้วกับผมก็พอจะเริ่มขึ้นบ้างแล้ว ท่านได้ตั้งฉายาให้ว่า หิริจันโท แปลว่าผู้ที่มีความงดงามทั้งกายและจิตใจ ก็มีความเกี่ยวข้องกับพระจันทร์อีก ส่วนเหตุผลข้อที่ 3 ก็คือ ตอนที่ผมมาอยู่บ้านนี้ใหม่ ๆ ก่อนที่จะบวช คือช่วงประมาณปลายเดือนเมษายน เมื่อก่อนตรงบริเวณหน้าบ้าน จะมีชาวไร่อยู่มากเขาจะปลูกมันสำปะหลังกัน พอถึงช่วงเดือนเมษายนก็จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม ผมจะชอบมานั่งมองสวนที่จะกลายเป็นสีแดงเพราะพระอาทิตย์
ตกดิน ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งกลับมาบ้านนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินตามปกติ ทั่วทั้งสวนกลายเป็นสีแดงหมดเหมือนลูกไฟลุกขึ้นมา จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน พระจันทร์ก็ขึ้นมาจากอีกมุมหนึ่ง แสงของพระจันทร์ก็มากระทบกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินพอดี บริเวณทั่วทั้งสวนก็เลยกลายเป็นสีทอง ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมากในความรู้สึกผม ก็เลยตัดสินใจที่จะใช้ชื่อนี้มาเรื่อยชีวิตผมเวลาอยู่บ้านสวน ก็จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย ช่วงที่ผ่านมาก็สามารถเลิกเหล้าไปได้แล้ว บางทีก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น มองดูสวน มองดูต้นไม้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือจะต้องเดินไปดูสวนทุก ๆ วัน แม่ผม
เคยสอนเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ว่าให้หัดทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น การกวาดบ้าน ถูบ้าน อย่างการซักผ้าก็ต้องรู้ว่าซักกี่น้ำ ผ้าถึงจะสะอาด เพราะถ้าในสิ่งเล็กน้อยอย่างนี้เรายังไม่รู้ แล้วจะไปสอนคนงานได้อย่างไร ถ้าลูกซักผ้าไม่เป็น แล้วเขาเอาผ้าไม่สะอาดมาให้ ลูกจะรู้ได้อย่างไร นั่นคือคำพูดที่แม่สอนผมเอาไว้สำหรับการทำสวนก็เช่นเดียวกัน ผมมาอยู่ที่นี่คนเดียว ก่อนที่จะมีคนงานเสียอีก ผมเดินดูสวนทุกมุมตั้งแต่ตอนที่ซื้อมา 50 ไร่ และปัจจุบันนี้มี 200 ไร่ ต้องเดินดูทุกที่ถึงจะรู้ได้ว่า ตรงไหนสมควรจะต้องปลูกอะไร ต้นไม้ก็ลงมือปลูกเองทุกต้น เรียกได้ว่าผมเป็นคนลงมือวางแปลนของสวนนี้เองทั้งหมด และก็วางผังถนนที่จะทำให้รถยนต์สามารถวิ่งเข้ามาถึงในไร่ได้ การทำสวนเพียงแค่มีเงินใครก็ทำได้ ไปซื้อสวนสำเร็จมา ที่เขาปลูกเอาไว้ให้เสร็จหมดแล้ว เข้าไปนั่งเสวยสุขอย่างเดียว แต่ทำแบบนั้นมันไม่สนุก มันก็เหมือนกับการที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันก็ต้องจีบกัน ต้องรู้ใจกัน ช่วงเวลานั้นต่างหากที่มันมีความสุข แต่ถ้าเราเอาเงินไปซื้อ แล้วพรุ่งนี้ก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาอยู่ด้วยกัน มันก็เท่านั้นเอง ที่ไหนก็ซื้อได้ฟังดูแล้วชีวิตช่วงนั้น คงเป็นเวลาแห่งความสุข ทั้งเรื่องงานประจำ งานแสดง เวลาที่มีให้กับครอบครัว รวมไปถึงบ้านสวนที่เขารัก แต่เวลาแห่ง
ความสุขก็มักจะอยู่ได้ไม่นานอย่างที่เราหวังไว้ช่วงนั้นเป็นเวลาที่มีความสุข ทุกวันศุกร์ก็จะขับรถมาอยู่บ้านสวนกับอดีตภรรยาทุกอาทิตย์ จนกระทั่งเธอมาประสบอุบัติเหตุที่อำเภอวังจันทร์ เป็นอีกจุดที่ชีวิตหักเห ก็เลยทิ้งทุกอย่างในอาชีพไปอีกทีหนึ่ง คือมันอยู่ไม่ได้ เพราะเราเคยอยู่ด้วยกัน เคยขับรถมาแล้วเจอเธอรออยู่ที่บ้าน ทีนี้พอจะขับรถกลับมาจากกรุงเทพ ก็ต้องผ่านจุดที่เธอเคยประสบอุบัติเหตุ ก็เลยต้องขอเวลาไปทำใจที่อเมริกา 5 ปี หลายคนถามผมว่า ไปทำร้านอาหารเหรอ ไปขายกาแฟเหรอ ก็ต้องตอบไปตามตรงแบบลิเกๆ หน่อยว่าไปทำใจ เพราะว่าก่อนหน้านั้นซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่ง ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็คิดเอาไว้ว่าเวลาไปถึงอเมริกาจะได้มีที่อยู่ ก็เลยตัดสินใจว่าไปอยู่ดีกว่า เพราะไหน ๆ เราก็มีบ้านอยู่ที่นั่นแล้ว ค่าใช้จ่ายในตรงนี้ก็ไม่ต้องเสีย จะให้มานั่งใช้ชีวิตแบบเดิมที่ผ่านๆ มา ในตอนนั้นมันทำ
ไม่ได้ ในประเทศไทยมันไม่มีที่จะไป ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน จะทำอะไรยังไง ไปอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง คุยกับตัวเองหลังจากทำใจอยู่ที่นั่น 5 ปี ก็มานั่งนึกว่าถ้าเราไม่อยู่ แล้วคนงานที่สวนของเราเขาจะอยู่กันได้อย่างไร ทุกคนยังรอเราอยู่ เมื่อนึกแบบนั้นแล้วก็เลยกลับมาเมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง นอกจากรับงานแสดง และพัฒนาบ้านสวนอันเป็นที่รักแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่คุณนิรุตน์ทำด้วยใจรักนั่นก็คือ บริษัททัวร์ที่มีชื่อว่า My Holiday ซึ่งทำให้ต้องมีการแบ่งเวลาเพื่อจะได้ทำทุกอย่างควบคู่กันไปได้