ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: (〃ˆ ∇ ˆ〃)
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 05:06:21 pm »

 :13:  อนุโมทนาสาธุค่ะ
 
ขอบพระคุณค่ะคุณครู  :19:
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 03:33:11 pm »

 :13:อนุโมทนาครับพี่มด
ข้อความโดย: aun63
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 10:04:55 am »

 :45: :13:
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 09:13:34 am »


 
 
จงเป็นครูของตัวเอง

 
ในที่สุด ครูที่ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง
เมื่อเรารู้ตัว เปิดเผย และมีสติ
เราจะสามารถนำทางตัวเองได้อย่างถูกต้อง


 
นักศึกษา : เราจะสร้างความเปิดเผยอย่างไร เพื่อทราบว่าสิ่งใดถูกต้อง เหมาะสม สำหรับเราในฐานะปัจเจกชน สิ่งใดจะทำให้ เราก้าวหน้าขึ้น

 
รินโปเช่ : โดยทั่วไป เราต้องการครู แต่ครูไม่สามารถทราบได้ว่าสิ่งใด เหมาะสมกับเราได้ในเวลาเพียงสัปดาห์สองสัปดาห์ต้องใช้เวลา และใช้ ความละเอียดอ่อนมาก เริ่มแรกเราอาจจะได้รับบทฝึกหัดที่แตกต่างกัน หลายแบบ เพราะครูย่อมเข้าใจความรู้สึกของเรา ย่อมทราบว่าอารมณ์ ของเราตอบสนองออกมาอย่างไร หลังจากผ่านแบบฝึกหัดเหล่านี้ไปสัก ระยะหนึ่ง เราจึงไปเล่าประสบการณ์ของเราให้ครูฟัง ครูก็จะให้แนวทาง เฉพาะสำหรับเรา แล้วเราก็ฝึกและปรึกษากับครูอีก
 
ครูที่แท้จริง มีความสำคัญมากต่อการเติบโตภายใน เพราะบางสิ่งบาง อย่างนั้นเรียนรู้ได้อยาก หากปราศจากการชี้นำจากผู้มีความรู้ความเข้าใจ ที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ครูบางคนอาจจะรู้อะไรมากมายแต่ยังไม่ลึกซึ้ง พอที่จะเข้าจิตใจและประสบการณ์ของทุก ๆ คนได้ ท่านอาจจะเข้าใจ บางสิ่งเกี่ยวกับบุคคลหนึ่ง แต่อาจไม่แยบคายพอที่จะเห็นความแตกต่าง ระหว่างสำนึกของแต่ละคน ความแตกต่างที่แยบคายที่สุดนั้นย่อมเห็น ได้โดยผู้ที่มีความรู้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น

 
ครูมีวิธีพิเคราะห์สภาพจิตที่จะดูความต้องการโดยเฉพาะของศิษย์แต่ ละคน ระบบเช่นนี้คือวิถีทางอันแท้จริงที่ครูและศิษย์จะต้องดำเนินตาม แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้วิธีการที่ถูกต้องเช่นนี้ก็ถูกทอดทิ้งไป เดี๋ยวนี้เรามีชั้น เรียนที่มีนักเรียนตั้งร้อยสองร้อยคน ครูไม่อาจที่จะเข้าใจศิษย์ได้โดยปราศ จากความสัมพันธ์ที่ไกล้ชิด
 
นักศึกษา : ในวิถีแห่งจิตวิญญาณ ท่านคิดว่าจำเป็นไหม ที่เราต้องมีครู เป็นบุคคล

 
รินโปเช่ : เป็นสิ่งที่พูดยากมาก บางคนอาจจะต้องการครู แต่บางคนอาจ ไม่ต้องการ เมื่อเราสิ้นความหลอกลวง และสามารถช่วยตัวเองได้ เราก็ อาจจะไม่ต้องการครู แต่ก่อนที่จะถึงเวลา เช่นนั้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ควร ที่จะมีเพื่อนทางวิญญาณที่สามารถช่วยเหลือเราได้

 
วิถีทางจิตวิญาณนั้นมีอุปสรรคมากมาย เช่นการโต้แย้งจากตัวเราเอง ความรู้ สึก ความกังวล หรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงหรือครอบครัวของเรา สิ่งแวดล้อมที่ดี จึงมีความสำคัญ เมื่อเรามีความสนใจวิถีทางแห่งจิตวิญญาณเรา จึงควรติดต่อกับ บุคคลที่มีธรรมชาติคล่ายคลึงกัน ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลและคุ้มครองเรา ได้ และจะสร้างความสับสนแก่เราน้อยที่สุด ผู้เริ่มต้นมักมีปัญหามาก ดังนั้นจึง เป็นการยากที่จะดำเนินต่อไปโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือเช่นนั้น ดีแน่หากเราสา มารถดูแลตัวเองได้ แต่กว่าที่จะทำได้เราจะต้องเลือกสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุน และกลมกลืน นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหนีโลก เพียงแต่หมายความว่า เราจะต้องคุ้มครองตัวเองได้ระดับหนึ่ง เมื่อเรามีพลังใจที่เข้มแข็งเราก็อาจดูแล คนอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับที่ดูแลตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามการเข้าไปเกี่ยวกับผู้อื่น ก่อนเวลาอันสมควรก็อาจทำให้เราสูญเสียพลังที่ได้รับมา และอาจถึงกับเป็น อันตรายต่อตัวเองได้

 
หากเราไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้ เราก็อาจถูกลวงเข้าไปอยู่ในรูปแบบเก่า ๆ และลืมสิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติได้โดยง่าย เราจะต้องเตือนตัวเองให้เข้มแข็ง การอบรมตัวเองนั้นหมายถึง " สัมมากัมมันตะ " ซึ่งก็คือการทำสิ่งที่ดีที่สุดสำ หรับตนนั่นเอง เมื่อจิตใจไม่สมดุลย์ การกระทำของเราก็ไม่สมดุลย์ เราก็จะ แล่นไปสุดโต่งและสร้างความลำบากใจแก่ตัวเองและผู้อื่น

 
ทางที่ดีที่สุดทางหนึ่งที่จะอบรมตัวเองก็คือการผูกไมตรีกับตัวเอง เมื่อเรามี ความสุข อัตตาของเราจะสงบ ไม่ก่อกวนให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ ที่ เรามีปัญหาและพอเราเชื่อว่าเรามีปัญหา เราก็ถูกจับอยู่ในความขุ่นข้องใจ ความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อเราไม่รับฟังเสียงเพรียกจากภายในตัวของเราเอง

 
นักศึกษา : มีใหมครับ ที่ศิษย์จะสามารถจากครูไปได้ และไปตามทางตัวเอง ก่อนที่การฝึกหัดจะสำเร็จสมบูรณ์

 
รินโปเช่ : สิ่งสำคัญก่อนอื่น อาตมาคิดว่าเราต้องไม่อับจนต่อโลกและไม่ถูก หลอกลวง แล้วเราก็อาจจะจากครูได้ เมื่อเรารู้จักสาระ และมีความมั่นคง เรา ก็สามารถที่จะเจริญได้ทีละน้อย ๆ โดยสามารถเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นจากความ ผิดพลาดของตัวเอง

 
นักศึกษา : การอุทิศตัวกับการขาดอิสรภาพต่างกันอย่างไร

 
รินโปเช่ : ด้วยการคิด การอุทิศตัวก็ไม่มีคุณค่าสูงส่งอะไร เพราะคนทั่วไปไม่ เข้าใจผลทางจิตวิทยาของมัน การอุทิศตัวทำให้เกิดการตอบสนอง เช่นเดียวกับ ทำให้เกิดพลังงานอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นอารมณ์ก็ตาม เราอาจนำมาสร้างเสริม สัมปชัญญะได้ในทางจิตวิญญาณ การอุทิศตัวเองมีคุณค่ามาก เพราะมันแสดง ออกถึงความปรารถนาและอุดมคติของจิตภายใน มันสร้างความเปิดเผยที่ไม่ สิ้นสุด

 
นักศึกษา : ในบางครั้งอารมณ์จะเป็นแรงบันดาลใจได้ไหมอย่างเช่นเรามีเปลว ไฟ พอเราเป่าลมเข้าไปนิดนึง มันก็จะลุกไหม้ได้ดีขึ้น ในลักษณะเช่นนี้อารมณ์ ดูเป็นสิ่งสร้างสรรค์

 
รินโปเช่ : ถูกทีเดียว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้การอุทิศตัวมีความสำคัญมากทาง ศาสนา แม้ว่าบางทีการอุทิศตัวจะตั้งอยู่บนความศรัทธาที่มืดบอด และแสดง ถึงความขาดปัญญา แต่การอุทิศตัวและการสวดมนต์เป็นเครื่องมือที่มีประ สิทธิภาพมากในการสร้างสัมปชัญญะชั้นสูง ด้วยการอุทิศตัว ความบันดาล ใจและคำสอนที่สืบทอดกันมาจะเปิดเผยขึ้นในใจของผู้ฝึกสมาธิ

 


 
นักศึกษา : ผมรู้สึกว่ารำคาญใจมากเกี่ยวกับความคิดเรื่องครู ผมกำลังแสวงหา ครูสักคนหนึ่งที่ผมสามารถเคารพบูชา และจะสามารถกระทำความปรารถนา ของผมให้เต็มได้ ขอท่านได้โปรดพูดเรื่องหน้าที่ของครูเถิดครับ

 
 
รินโปเช่ : หลายร้อยปีมาแล้วที่โลกมีศรัทธาอย่างใหญ่หลวงต่อศาสนธรรม และจิตวิญญาณ แต่เมื่อคนเริ่มสนใจทางวิทยาศาสตร์ ทัศนคตินี้ก็เปลี่ยนไป ทุกสิ่งจะต้องถูกพิสูจน์ด้วยความคิดและวิทยาศาสตร์ และเนื่องจากความรู้ ความเข้าใจที่เกิดจากความบันดาลใจหรือเกิดจากศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามา- รถจะคาดคิดได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการอุทิศตัวและความศรัทธาจึง กลายเป็นสิ่งแสดงความอ่อนแอ ทุกวันนี้มีแม้แต่ความพยายามเมื่อเราตั้งใจ อุทิศตัวก็ยังสร้างความขัดแย้งภายในแก่เรามากมาย การวางใจใครอย่างสิ้น เชิงก็เป็นอันตรายแก่อิสรภาพของอัตตา เมื่อเป็นเช่นนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง ครูกับศิษย์ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก เราจะเห็นว่าครูถูกยกย่องให้สูงส่งกว่าศิษย์ และนี่มันทำลายความรู้สึกเสมอภาคของเรา เรามองไม่เห็นคุณค่าในสิ่งเหล่านี้ แต่หากใครมีคุณสมบัติที่จะเป็นครูเช่นนั้นย่อมให้ผลตอบแทนอย่างมหาศาล ครูที่มีคุณภาพจะมีความรับผิดชอบในการนำทางและบันดาลใจต่อการเติบโต ภายใน

 
สัมพันธภาพระหว่างครูกับศิษย์ขึ้นอยู่กับพันธสัญญาต่อกันและความเชื่อ ถือไว้วางใจซึ่งกันและกัน และธรรมชาติของความสัมพันธ์เช่นนี้ก็ขึ้นอยู่ กับเราเป็นอันมาก หากเรากำลังคิดว่าการเชื่อฟังครูคือการถูกหลอก หรือ คิดว่าครูกำลังเล่นกลกับเรา การอุทิศตัวของเราจะมีอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ เพราะว่าการพัฒนาทางจิตวิญญาณนั้ขึ้นอยู่กับความเปิดเผยและความสัตย์ ซื่อ เราต้องการชี้นำ แต่เรากลับไม่ต้องการถูกบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันทำให้อัตตาของเราหวาดกลัว เราไม่ต้องการตกอยู่ในภาวการณ์ ที่คนอื่น ๆ จะรู้ดีกว่าเรา เราต้องการรู้สึกว่าเรารู้ได้ด้วยตัวของเราเอง ดัง นั้นข้อมูลหรือคำแนะนำของครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ขัดกับความอยากของ เรา จึงอาจสร้างความไม่พอใจต่อตัวครูจนเราอาจรู้สึกอยากทำลายความ สัมพันธ์กับครูเสีย หากเราทำลายความสัมพันธ์นี้เสียด้วยการไม่กล้าเผชิญ หน้ากับตัวเองอย่างสัตย์ซื่อ มันก็เป็นการยากที่จะได้รับความก้าวหน้าที่แท้ จริงทางจิตวิญญาณ

 
มีศิษย์บางพวกที่เชื่อมั่นในคำสอนเหลือเกิน แต่ไม่ถึงกับเชื่อมั่นในตัวครู เราต้องระลึกไว้เสมอว่า ครูกับคำสอนเป็นสิ่งเดียวกัน ศิษย์อาจจะอยาก เชื่อฟังครู หรืออาจถึงกับลองสร้างพันธะกับครูเพื่อจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ทัศนคติเช่นนี้ไม่ใช่โครงสร้างที่พอเพียงต่อการเริ่มต้นของสายสัมพันธ์ ที่จริงจัง มันอาจทำให้เสียเวลาเปล่าทั้งครูและศิษย์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง สร้างความสัมพันธ์จริงใจโดยวางรากฐานอยู่บนความเชื่อถือไว้ใจซึ่งกัน และกัน

 
มองจากภายนอก ครูคือผู้ที่ได้รับความบันดาลใจจากครูในอดีตที่สืบสาย กันมาทั้งหมด และความเข้าใจอันนี้จะถ่ายทอดโดยตรงไปสู่ศิษย์ การถ่าย ทอดเช่นนี้ก็เหมือนกับแบบพิมพ์ เมื่อเราแกะตัวพิมพ์ลงไป มันก็จะพิมพ์ ออกมาเหมือนกันหมดทุกครั้ง การถ่ายทอดเช่นนี้มีพลังที่จะประจุไฟฟ้า ให้เราจนตัวเราสว่างเรืองรอง และเราจะพบว่าตัวเราเองก็คือเชื้อสายของ ครู เมื่อครูถ่ายทอดคำสอนแก่ศิษย์ ศิษย์จะเติบโตขึ้นเป็นภาพสะท้อนของ ครูจนกระทั่งศิษย์ได้กลายเป็นครู

 
มองจากภายใน " ครู " หมายถึงความรู้ตัวภายใน คือธรรมชาติของตัวเรา จริง ๆ ความรู้ การเรียนรู้ และประสบการณ์ประจำวันของเราทั้งหมดอาจ เรียกได้ว่าเป็นครูของเรา แม้ว่านี้จะต้องการการปกป้องและความบันดาล ใจของครูจริง ๆ หากหัวใจของเราเปิดกว้าง ความกรุณาและการอุทิศก็จะ เกิดขึ้นในความสงบ ครูก็จะเป็นสัญลักษณ์ของอานุภาพฝ่ายบวกที่อิสระ เมื่ออุปสรรคทั้งมวลสูญสิ้นไป และประสบการณ์ภายในเปิดเผยออกมา อย่างอัตโนมัติ

 
ด้วยความรู้สึกถึงความจริงภายใน เราอาจหวนคิดถึงครูผู้ที่จะสามารถให้ ความกระจ่างและความจริงสูงสุดแก่เราได้ แต่ผู้ที่ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ย่อมยากจะพบได้และอาจจะหาไปพบเลยก็ได้ และเราอาจจะจบลงด้วย ความผิดหวังอย่างใหญ่หลวง

 
ดังนั้นเริ่มแรกเราจะต้องเลิกคาดหวังใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเปิดตัวเองออกเราก็ พร้อมที่จะมองเห็นคุณภาพของครู โดยคุณภาพอันนี้เปิดเผยอยู่ในที่กว้าง ในสำนึกของตัวเราเอง ดังนั้นไม่ว่าเครื่องมือภายนอกในการเปิดเผยจะแตก หัก หรือสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรายังคงได้รับประสบ การณ์ที่มีความหมายจากเครื่องมือนั้น เมื่อเรามีสัมปชัญญะ ทุกสิ่งในความ สัมพันธ์กับครูก็ปรากฏขึ้นอย่างเหมาะเจาะทั้งสิ้น

 
บางทีครูก็เป็นเพียงตัวเร่ง บางทีก็ชี้ทาง บางทีก็นำทางหรือแม้แต่ผลักดัน เราไปสู่การระลึกรู้ธรรมชาติแท้จริงของตัวเอง ความสัมพันธ์กับครูจะกลาย เป็นภาวการณ์ทั้งหมดที่เราเติบโตขึ้นมา

 
ที่สำคัญ ครูคือเพื่อนที่ดี คือผู้ชี้ทางที่สามารถช่วยให้เราผ่านพ้นความยุ่ง ยากไปได้ โดยลักษณะเช่นนี้ ทุกคนและทุกสถานการณ์สามารถที่จะเป็น ครู เป็นเพื่อน เป็นผู้นำของเราได้ แม้ว่าบางทีเราจะต้องเดินไปบนผืนแผ่น ดินที่ปวดร้าวก็ตาม

 
ยังมีลักษณะอย่างอื่นอีกที่อาจรวมไว้ในที่นี้ เนื่องจากโลกนี้ประกอบด้วย น้ำเป็นส่วนใหญ่ คนก็ประกอบไปด้วยอารมณ์ และคุณสมบัติของอารมณ์ ย่อมต้องการความรักและความสุข ดังนั้นเราจึงหวนหาที่จะได้สัมผัสสัม พันธ์กับผู้อื่น เราต้องการผู้ค้ำจุน ต้องการการเติมเต็ม แต่บ่อยครั้งที่เรา ไม่อาจไว้วางใจเพื่อน คู่รัก สังคม หรือแม้แต่บิดามารดาของเราได้ ไม่มี ใครใกล้ชิดพอที่จะทำให้เราเต็มอิ่มได้จริง ๆ เราอาจมีเพื่อนฝูงและวงศา คณาญาติ เราอาจประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่เราไม่อาจพอใจตัวเองได้ เพราะเราโดดเดี่ยว เราหิวความเต็มอิ่มของความต้องการ และความหิว กระหายนี้เองที่สร้างรสชาติของอารมณ์ซึ่งมีผลไปต่อทุกสิ่งที่เราทำ ดังนั้น ความขุ่นข้องและขมขื่นจึงเกิดขึ้น เมื่อเราหยุดการแสวงหาความเต็มจาก ภายนอกเสียได้ ความอยากของเราก็จะจางลงทีละน้อย และเราจะไม่ถูก ทำลายจากความอยากของเรา

 
หากเราอ่อนไหวมาก ๆ ความรักชั่วครู่และความเห็นแก่ตัวไม่อาจทำให้ เราพอใจได้ เราต้องการใครสักคนที่เราสามารถไว้วางใจได้ คนที่เราจะรัก ได้อย่างไม่ต้องกลัวถูกปฏิเสธ แล้วเราก็เป็นอิสระที่จะกระทำตามความ เข้าใจของของเรา ตามแต่หัวใจที่เปิดเผย ด้วยพลังที่ตื่นตัว ในลักษณะ เช่นนี้ครูคือภาพสะท้อนของตัวตนที่สูงกว่าของเรา ท่านจะช่วยกระตุ้น แหล่งของความรู้ภายใน และความเต็มสมบูรณ์ของเรา เมื่อเรามีหัวใจที่ เปิดเผย และประสบการณ์ที่ตื่นตัวเกิดขึ้นภายใน เราจะรู้มันได้อย่างไร

 
นักศึกษา : ในฐานะเป็นครู ท่านจะช่วยพวกเราพัฒนาสมาธิขึ้นมาได้ อย่างไร หลังจากที่ฝึกอย่างถูกวิธีแล้ว

 
รินโปเช : เบื้องต้น ครูจะชี้ลำดับความสำคัญในการฝึก และให้กำลังใจ เราในการก้าวตาม จนกระทั่งมีศิษย์มีประสบการณ์เช่นเดียวกับครูในที่สุด นี่คือวิถีทางที่เคยเป็นมานานแล้ว เพราะว่าครูย่อมรู้ภูมิประเทศดี สามารถ ชี้แจงแผนที่และบอกทางศิษย์ได้ ความรับผิดชอบของนักศึกษา ก็คือการ เดินตามแผนที่อย่างซื่อตรง หากไม่ทำดังนี้ประสบการณ์และการเรียนรู้ก็ จะไม่เกิดขึ้น

 
บางคนสามารถสัมผัสกับสมาธิภาวะได้โดยตรง พวกนี้พร้อมที่จะรับคำนำ จากครู แต่บางคนไม่อาจรับคำสอนจากครูได้ อาจเป็นเพราะว่าความปรา- รถนาที่จะสัมผัสกับสมาธิภาวะไม่มากพอ ดังนั้นไม่ว่าจะอ่านหนังสือเกี่ยว กับสมาธิ หรือฝึกสมาธิทุกวันก็ไม่เป็นผล เมื่อเราสามารถทำทำตามคำสอน เราจะพบว่ามันเป็นระบบการถ่ายทอดที่มีอำนาจช่วยให้เรามีความเข้าใจ เรา จะพบว่าบรรดาความคิดหรือทฤษฎีทั้งหลายเป็นเพียงพาหนะหรือเครื่องมือ ที่ช่วยให้เราเข้าใจเท่านั้นเอง เมื่อความเข้าใจได้เปล่งประกายออกมาและ เงียบงัน เราก็ไม่ต้องการคำถามหรือคำตอบอีกต่อไป

 
มีบางวัน บางขณะที่เรามีสมาธิโดยธรรมชาติ เมื่อนั้นไม่มีปัญหา สมาธิ เกิดขึ้นโดยง่าย เวลานั้นเราฝึกสมาธิได้ดี และสมาธินั่นเองเป็นครูของเรา ก็คือตัวเราเอง เมื่อเราเปิดกว้าง มีสติสัมปชัญญะเราก็สามารถนำทางตัว เองได้อย่างถูกต้อง

 
- จาก ดุลยภาพแห่งชีวิต -
- โดย พระอาจารย์ ตาถัง ตูลกุ ทอนดรุป -
- หน้า 237 - 248 บทสุดท้าย -