ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2020, 05:05:32 pm ».
มีลูกค้าท่านหนึ่งที่เคยขอรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชจากผม ไปบูชาที่บ้าน
วันนี้ แจ้งมาว่า ขอวิธีการบูชาอีกครั้ง ผมก็เลยเขียนเรื่องราวการบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้าให้อีกครั้ง ครับ
.
.
.
การบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า
.
จุดธูป 9 ดอก
.
คำบูชา
.
นโม 3 จบ
.
ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
.
ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายใน 3 ภพ จงพ้นจากภัยพิบัติและเคราะห์กรรมทั้งปวงเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
(พระคาถาพญายม ประชุมกับ พระอินทร์ พระพรหม ให้มีคาถาบทนี้ ไว้ช่วยคนให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก และภัยพิบัติทั้งปวง)
.
น้ำที่ใช้ถวาย ขอให้เป็นน้ำเปล่าก็ได้ หรือ เป็นน้ำชาก็ได้ แต่เป็นน้ำเปล่าเย็นๆ หรือ น้ำชาเย็นๆ ใส่น้ำแข็งได้ยิ่งดี
.
พวงมาลัย หรือ ดอกไม้ที่ถวาย ขอให้เป็นดอกมะลิ , ดอกรัก , ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้อื่นๆ ก็ได้
ยกเว้น ดอกดาวเรือง เพราะว่า ดอกไม้ชนิดเดียวที่ขึ้นอยู่ในนรก มีลักษณะเหมือนกับดอกดาวเรือง
.
ส่วนตัว ไม่เคยใช้ดอกดาวเรืองไหว้พระมาสิบกว่าปีแล้ว
.
พยามัจจุราชเจ้า ชื่อนี้เป็นตำแหน่ง ที่ผู้ที่จะไปเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต จะต้องมาดำรงตำแหน่งนี้เสมอ
.
เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมได้รู้จักกับบุคคลญาณลาภีท่านนึง ผมขอเรียกชื่อท่านในที่นี้ว่า พี่ใหญ่ (ปัจจุบันนี้ ผมเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์) ท่านเป็นผู้ที่ปฎิบัติสมาธิมาเป็นอย่างดี กระทั่งสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆไป แม้แต่ไปที่นรก ในเรื่องนี้ มีผู้ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ไม่ว่าจะเป็นฆารวาส หรือ พระภิกษุ ท่านรับรองในเรื่องนี้
.
หลังจากนั้น ผมเองมีความรู้สึกว่า อยากบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า ผมจึงไปเดินหารูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ท่าพระจันทร์ ปรากฎว่า ผมได้มาหลายองค์ ผมจึงนำรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ไปขอให้พี่ใหญ่ อาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า มาอธิษฐานจิตรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า
.
ต่อมา ผมไปรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า องค์พยามัจจุราชเจ้า ท่านมาบอกกับพี่ใหญ่ว่า ของๆท่านกันผีกะวะราดได้ แต่กันคนของท่านไม่ได้ และ หากมีรูปหล่อลอยองค์ขององค์พยามัจจุราชเจ้า เหมือนกับมีโทรศัพท์ส่วนตัวที่สามารถโทร.(บอก)ท่านได้ตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเราไม่ได้ฝึกฝนและนั่งสมาธิมาอย่างดีแล้ว เราไม่สามารถที่จะรับรู้และติดต่อกับองค์พยามัจจุราชเจ้าได้
.
รูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ในชุดนี้ จะมีท่านยมทูตมาอยู่ประจำในองค์ท่านเสมอ แต่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
.
สำหรับท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าชุดนี้ เวลาที่ทำบุญ สามารถอาราธนา องค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่าน มาเป็นสักขีพยานบุญ และร่วมโมทนาบุญในการที่หลายๆท่านได้ทำบุญในวาระต่างๆ
.
อีกเรื่อง หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องใดๆก็ตาม ก็สามารถขอความเป็นธรรมต่อองค์พยามัจจุราชได้เช่นกัน ขอให้ท่านมาเป็นสักขีพยานในการกระทำของบุคคลต่างๆที่กระทำไม่ดีต่อตัวเรา และขอองค์พยามัจจุราชเจ้าตัดสินในการกระทำของบุคคลต่างๆตามหลักกฎแห่งกรรม ตามหลักของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
.
ในการทำบุญทุกครั้ง หากเรามีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมให้ไปแล้วนั้น เราสามารถที่จะอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา ในบุญที่เรากระทำในทุกๆครั้งได้
.
สาเหตุที่จำเป็นต้องอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา เนื่องจากว่า หากเราเสียชีวิตไป ไม่ว่าการเสียชีวิตจะเสียชีวิตอย่างไร วิญญาณของเราไม่สามารถจดจำบุญต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ได้เลย
.
การเสียชีวิตโดยปกติแล้ว จิตก่อนที่จะเสียชีวิต จะนำเรื่องราวต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ นำกลับมาให้เราได้เห็น เหมือนกับเราดูภาพยนต์ หากจิตของเรานำเรื่องที่ไม่ดี นำมาให้เราได้เห็น เราจะไปอบายภูมิทันที
.
หรือ หากเราเสียชีวิต(ที่ถึงเวลาที่ต้องเสียชีวิต) เราต้องไปตามผลของบุญและกรรมที่เราได้กระทำไว้ โดยอาจจะไปยังนรกภูมิ ไปพบกับองค์พยามัจจุราชเจ้า พระองค์ท่านมีคำถามที่มาถามเรา ซึ่งในเวลานั้น หากจิตที่ไม่ได้มีการนั่งวิปัสนากรรมฐานมา จิตไม่สามารถจดจำในบุญต่างๆที่เราทำได้ หากเมื่อก่อนที่เราได้เคยอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญ และ เป็นพยานบุญ พระองค์ท่านจะเป็นพยานให้กับเราได้ว่า เราเคยทำบุญอะไรมาบ้าง ก่อนที่พระองค์ท่านจะเป็นผู้ที่พิจารณาในบุญและกรรมของเราอีกครั้ง
.
ที่สำคัญ วิญญาณไม่สามารถโกหกในเรื่องของบุญและ่บาป ต่อหน้าองค์พยามัจจุราชเจ้าได้เลย
.
ขอเพิ่มเติม หากท่านใดที่ได้รับรูปหล่อลอยองค์พระยามัจจุราชเจ้า (ที่ผมได้นำก้อนดิน และ เม็ดข้าว ใส่ใต้ฐานไปด้วย)
.
การบูชา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ
.
จุดธูป 9 ดอก
.
คำบูชา (บทสวดและการอธิษฐานขอในเรื่องต่างๆ)
ผมใช้ภาษาไทย ที่เป็นเรื่องของการมีกตัญญูกตเวทิตา หรือเรื่องอื่นๆ ต่อ พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ (การขอในเรื่องต่างๆ ต้องไม่เกินกรรมของตนเอง)
.
ส่วนตัวผมเอง ผมถวายน้ำชา(จีน)ร้อนๆ ครับ
.
แต่สำหรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชชุดนี้บางส่วน ผมบรรจุก้อนดินเล็กๆ และ เม็ดข้าวสาร (ที่ผมได้เคยขอให้พระภิกษุรูปหนึ่ง อาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ อธิษฐานจิต) ใส่ในใต้ฐานรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ด้วย
.
ดังนั้น หากท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมได้บรรจุก้อนดิน และเม็ดข้าวสาร ในชุดนี้ นอกเหนือจากการอาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่านแล้ว ยังสามารถอาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ มาเป็นสักขีพยานได้เช่นกัน
.
เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2563
.
ขอนำเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยเทศนาสอนไว้ นำมาให้อ่านกัน
.
.
.
'บุญชายผ้าเหลืองลูกชายทำให้พ่อแม่ตายไปไม่ตกนรก' โอวาทธรรม 'หลวงพ่อฤาษีลิงดำ'
.
วันศุกร์ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 19.40 น.
.
ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของเณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ปรากฏว่า บิดามารดาเป็นพราน แต่ว่าลูกชายมีจิตเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน
.
พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกันพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศล ในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร
.
เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน... ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคน ด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไปเป็นแขกรับเชิญ คือ เชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายม ก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง
.
แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ ก็ปรากฏว่า ท่านทั้งสองต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้ว ตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
.
แต่ว่าบิดาและมารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฏว่า มีหวายใหญ่มารองรับ เป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรก
.
ทำอย่างนี้ถึง ๓ วาระ คนทั้งสองคนลงนรกไม่ได้ เพราะอะไร...เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวช ก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึกเห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้น จิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้ เป็นอันว่าบิดามารดาทั้งสองศรีลงนรกไม่ได้ นายนิรยบาลก็กลับนำมาสำนักพระยายม
.
พระยายมก็สอบถามว่า "กรรมใดที่เป็นกุศลน่ะ ท่านไม่เคยทำบ้างเลยหรือ?" สำหรับบิดามารดาของสามเณรก็กล่าวว่า "กรรมใดๆ ที่เป็นกุศล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงตาย ไม่เคยทำมีอย่างเดียว คือ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ สุบิน เธอไม่พอใจในการทำอกุศลกรรมความชั่ว สอนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเธอก็ไม่ทำ ในที่สุดเธอก็หนีไปบวชเป็นสามเณรน้อยในพระพุทธศาสนา"
.
เป็นอันว่าพระยายมก็ทราบว่า นี่บุญลูกชายบวชเณร ท่านจึงกล่าวว่า "ในเมื่อลูกชายบวชเณร เราสอบสวนในตอนก่อน ทำไมเจ้าจึงไม่บอก?" บิดามารดาของสามเณรบอกว่า "นึกไม่ออก เพราะกรรมที่เป็นอกุศลบัง มันกดปากเข้าไว้ บังใจไม่ให้นึกถึง"
.
เป็นอันว่าในเมื่อพระยายมทราบอย่างนั้น จึงได้กล่าวว่า เพราะอำนาจกุศล ที่ลูกชายของท่านบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุบันดาลให้ลงในขุมนรกไม่ได้ ฉะนั้น ท่านจงได้รับผลของกรรม คือ ความดีต่อไป
.
ก็หมายความว่า ไปเกิดบนสวรรค์ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่องค์สมเด็จสวัสดิโสภาคย์แสดงให้เห็นว่า ท่านทั้งหลายที่มีบุตรชายบวชเป็นสามเณรก็ดีบวชเป็นพระก็ดี ในพระพุทธศาสนา แม้แต่ว่าท่านจะไม่ยินดีหรือไม่ทราบ ท่านก็มีอานิสงส์มาก
.
คัดลอกเนื้อหามาจาก หนังสือ การอุทิศส่วนกุศล หน้า ๒๙-๓๑ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) (ลานธรรมจักร)
.
ที่มาของบทความ naewna
.
มีลูกค้าท่านหนึ่งที่เคยขอรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชจากผม ไปบูชาที่บ้าน
วันนี้ แจ้งมาว่า ขอวิธีการบูชาอีกครั้ง ผมก็เลยเขียนเรื่องราวการบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้าให้อีกครั้ง ครับ
.
.
.
การบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า
.
จุดธูป 9 ดอก
.
คำบูชา
.
นโม 3 จบ
.
ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
.
ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายใน 3 ภพ จงพ้นจากภัยพิบัติและเคราะห์กรรมทั้งปวงเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
(พระคาถาพญายม ประชุมกับ พระอินทร์ พระพรหม ให้มีคาถาบทนี้ ไว้ช่วยคนให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก และภัยพิบัติทั้งปวง)
.
น้ำที่ใช้ถวาย ขอให้เป็นน้ำเปล่าก็ได้ หรือ เป็นน้ำชาก็ได้ แต่เป็นน้ำเปล่าเย็นๆ หรือ น้ำชาเย็นๆ ใส่น้ำแข็งได้ยิ่งดี
.
พวงมาลัย หรือ ดอกไม้ที่ถวาย ขอให้เป็นดอกมะลิ , ดอกรัก , ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้อื่นๆ ก็ได้
ยกเว้น ดอกดาวเรือง เพราะว่า ดอกไม้ชนิดเดียวที่ขึ้นอยู่ในนรก มีลักษณะเหมือนกับดอกดาวเรือง
.
ส่วนตัว ไม่เคยใช้ดอกดาวเรืองไหว้พระมาสิบกว่าปีแล้ว
.
พยามัจจุราชเจ้า ชื่อนี้เป็นตำแหน่ง ที่ผู้ที่จะไปเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต จะต้องมาดำรงตำแหน่งนี้เสมอ
.
เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมได้รู้จักกับบุคคลญาณลาภีท่านนึง ผมขอเรียกชื่อท่านในที่นี้ว่า พี่ใหญ่ (ปัจจุบันนี้ ผมเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์) ท่านเป็นผู้ที่ปฎิบัติสมาธิมาเป็นอย่างดี กระทั่งสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆไป แม้แต่ไปที่นรก ในเรื่องนี้ มีผู้ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ไม่ว่าจะเป็นฆารวาส หรือ พระภิกษุ ท่านรับรองในเรื่องนี้
.
หลังจากนั้น ผมเองมีความรู้สึกว่า อยากบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า ผมจึงไปเดินหารูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ท่าพระจันทร์ ปรากฎว่า ผมได้มาหลายองค์ ผมจึงนำรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ไปขอให้พี่ใหญ่ อาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า มาอธิษฐานจิตรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า
.
ต่อมา ผมไปรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า องค์พยามัจจุราชเจ้า ท่านมาบอกกับพี่ใหญ่ว่า ของๆท่านกันผีกะวะราดได้ แต่กันคนของท่านไม่ได้ และ หากมีรูปหล่อลอยองค์ขององค์พยามัจจุราชเจ้า เหมือนกับมีโทรศัพท์ส่วนตัวที่สามารถโทร.(บอก)ท่านได้ตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเราไม่ได้ฝึกฝนและนั่งสมาธิมาอย่างดีแล้ว เราไม่สามารถที่จะรับรู้และติดต่อกับองค์พยามัจจุราชเจ้าได้
.
รูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ในชุดนี้ จะมีท่านยมทูตมาอยู่ประจำในองค์ท่านเสมอ แต่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
.
สำหรับท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าชุดนี้ เวลาที่ทำบุญ สามารถอาราธนา องค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่าน มาเป็นสักขีพยานบุญ และร่วมโมทนาบุญในการที่หลายๆท่านได้ทำบุญในวาระต่างๆ
.
อีกเรื่อง หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องใดๆก็ตาม ก็สามารถขอความเป็นธรรมต่อองค์พยามัจจุราชได้เช่นกัน ขอให้ท่านมาเป็นสักขีพยานในการกระทำของบุคคลต่างๆที่กระทำไม่ดีต่อตัวเรา และขอองค์พยามัจจุราชเจ้าตัดสินในการกระทำของบุคคลต่างๆตามหลักกฎแห่งกรรม ตามหลักของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
.
ในการทำบุญทุกครั้ง หากเรามีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมให้ไปแล้วนั้น เราสามารถที่จะอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา ในบุญที่เรากระทำในทุกๆครั้งได้
.
สาเหตุที่จำเป็นต้องอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา เนื่องจากว่า หากเราเสียชีวิตไป ไม่ว่าการเสียชีวิตจะเสียชีวิตอย่างไร วิญญาณของเราไม่สามารถจดจำบุญต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ได้เลย
.
การเสียชีวิตโดยปกติแล้ว จิตก่อนที่จะเสียชีวิต จะนำเรื่องราวต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ นำกลับมาให้เราได้เห็น เหมือนกับเราดูภาพยนต์ หากจิตของเรานำเรื่องที่ไม่ดี นำมาให้เราได้เห็น เราจะไปอบายภูมิทันที
.
หรือ หากเราเสียชีวิต(ที่ถึงเวลาที่ต้องเสียชีวิต) เราต้องไปตามผลของบุญและกรรมที่เราได้กระทำไว้ โดยอาจจะไปยังนรกภูมิ ไปพบกับองค์พยามัจจุราชเจ้า พระองค์ท่านมีคำถามที่มาถามเรา ซึ่งในเวลานั้น หากจิตที่ไม่ได้มีการนั่งวิปัสนากรรมฐานมา จิตไม่สามารถจดจำในบุญต่างๆที่เราทำได้ หากเมื่อก่อนที่เราได้เคยอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญ และ เป็นพยานบุญ พระองค์ท่านจะเป็นพยานให้กับเราได้ว่า เราเคยทำบุญอะไรมาบ้าง ก่อนที่พระองค์ท่านจะเป็นผู้ที่พิจารณาในบุญและกรรมของเราอีกครั้ง
.
ที่สำคัญ วิญญาณไม่สามารถโกหกในเรื่องของบุญและ่บาป ต่อหน้าองค์พยามัจจุราชเจ้าได้เลย
.
ขอเพิ่มเติม หากท่านใดที่ได้รับรูปหล่อลอยองค์พระยามัจจุราชเจ้า (ที่ผมได้นำก้อนดิน และ เม็ดข้าว ใส่ใต้ฐานไปด้วย)
.
การบูชา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ
.
จุดธูป 9 ดอก
.
คำบูชา (บทสวดและการอธิษฐานขอในเรื่องต่างๆ)
ผมใช้ภาษาไทย ที่เป็นเรื่องของการมีกตัญญูกตเวทิตา หรือเรื่องอื่นๆ ต่อ พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ (การขอในเรื่องต่างๆ ต้องไม่เกินกรรมของตนเอง)
.
ส่วนตัวผมเอง ผมถวายน้ำชา(จีน)ร้อนๆ ครับ
.
แต่สำหรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชชุดนี้บางส่วน ผมบรรจุก้อนดินเล็กๆ และ เม็ดข้าวสาร (ที่ผมได้เคยขอให้พระภิกษุรูปหนึ่ง อาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ อธิษฐานจิต) ใส่ในใต้ฐานรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ด้วย
.
ดังนั้น หากท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมได้บรรจุก้อนดิน และเม็ดข้าวสาร ในชุดนี้ นอกเหนือจากการอาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่านแล้ว ยังสามารถอาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ มาเป็นสักขีพยานได้เช่นกัน
.
เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2563
.
ขอนำเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยเทศนาสอนไว้ นำมาให้อ่านกัน
.
.
.
'บุญชายผ้าเหลืองลูกชายทำให้พ่อแม่ตายไปไม่ตกนรก' โอวาทธรรม 'หลวงพ่อฤาษีลิงดำ'
.
วันศุกร์ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 19.40 น.
.
ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของเณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ปรากฏว่า บิดามารดาเป็นพราน แต่ว่าลูกชายมีจิตเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน
.
พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกันพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศล ในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร
.
เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน... ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคน ด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไปเป็นแขกรับเชิญ คือ เชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายม ก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง
.
แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ ก็ปรากฏว่า ท่านทั้งสองต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้ว ตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
.
แต่ว่าบิดาและมารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฏว่า มีหวายใหญ่มารองรับ เป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรก
.
ทำอย่างนี้ถึง ๓ วาระ คนทั้งสองคนลงนรกไม่ได้ เพราะอะไร...เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวช ก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึกเห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้น จิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้ เป็นอันว่าบิดามารดาทั้งสองศรีลงนรกไม่ได้ นายนิรยบาลก็กลับนำมาสำนักพระยายม
.
พระยายมก็สอบถามว่า "กรรมใดที่เป็นกุศลน่ะ ท่านไม่เคยทำบ้างเลยหรือ?" สำหรับบิดามารดาของสามเณรก็กล่าวว่า "กรรมใดๆ ที่เป็นกุศล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงตาย ไม่เคยทำมีอย่างเดียว คือ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ สุบิน เธอไม่พอใจในการทำอกุศลกรรมความชั่ว สอนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเธอก็ไม่ทำ ในที่สุดเธอก็หนีไปบวชเป็นสามเณรน้อยในพระพุทธศาสนา"
.
เป็นอันว่าพระยายมก็ทราบว่า นี่บุญลูกชายบวชเณร ท่านจึงกล่าวว่า "ในเมื่อลูกชายบวชเณร เราสอบสวนในตอนก่อน ทำไมเจ้าจึงไม่บอก?" บิดามารดาของสามเณรบอกว่า "นึกไม่ออก เพราะกรรมที่เป็นอกุศลบัง มันกดปากเข้าไว้ บังใจไม่ให้นึกถึง"
.
เป็นอันว่าในเมื่อพระยายมทราบอย่างนั้น จึงได้กล่าวว่า เพราะอำนาจกุศล ที่ลูกชายของท่านบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุบันดาลให้ลงในขุมนรกไม่ได้ ฉะนั้น ท่านจงได้รับผลของกรรม คือ ความดีต่อไป
.
ก็หมายความว่า ไปเกิดบนสวรรค์ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่องค์สมเด็จสวัสดิโสภาคย์แสดงให้เห็นว่า ท่านทั้งหลายที่มีบุตรชายบวชเป็นสามเณรก็ดีบวชเป็นพระก็ดี ในพระพุทธศาสนา แม้แต่ว่าท่านจะไม่ยินดีหรือไม่ทราบ ท่านก็มีอานิสงส์มาก
.
คัดลอกเนื้อหามาจาก หนังสือ การอุทิศส่วนกุศล หน้า ๒๙-๓๑ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) (ลานธรรมจักร)
.
ที่มาของบทความ naewna
.