ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2023, 12:21:18 pm ».
.
.
เหตุนี้ !...มีเรื่อง..ซื้อประกันทางโทรศัพท์เพราะด่วนตอบตกลง มีทางออก
เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ที่มา เว็บไซด์ ffcthailand
.
เขียนเมื่อ 11-10-2023 14:42
.
.
จั่วหัวเรื่องมาแบบนี้ มันต้องมีปัญหาน่ะแหละ! ใครเคยเจอเคสแบบนี้ต้องมาตามเรื่องของผู้บริโภครายล่าสุด ที่มาร้องกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อขอความช่วยเหลือ
.
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า ผู้ร้องรายนี้ได้ซื้อประกันรถยนต์ทางโทรศัพท์ที่มีนายหน้ามาเสนอขาย เบี้ยประกัน 5 แสน สามารถซ่อมศูนย์ได้ทั่วประเทศ เจ้าตัวจึงตัดสินใจทำเพราะคิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ ผ่านไปหลายวันมาเจอปัญหาบางอย่างจึงต้องการยกเลิก แต่พอโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกัน มันไม่ง่ายน่ะสิ! เพราะไคำตอบว่า ต้องรอให้ได้รับเล่มกรมธรรม์ก่อน อ้าว!ทำไมต้องรออ้ะ ก็เพราะไม่อยากทำประกันถึงต้องขอยกเลิกไง แต่..ปัญหามันอยู่ตรงนี้ เพราะบริษัทได้ตัดบัตรเครดิตเรียกเก็บเบี้ยประกันงวดแรกไปแล้วน่ะสิ!
.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ เมื่อได้ฟังเรื่องราวของผู้ร้องรายนี้ เกิดความสงสัยประเด็นที่ว่า ทำไมบริษัทประกันถึงตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติไปได้ ! ผู้ร้องบอกว่า ตอนนั้นนายหน้าที่โทรศัพท์มาขายประกัน ไม่บอกความจริงเรื่องที่มาจาากบริษัทประกันแห่งหนึ่งแต่กลับอ้างว่ามาจากบริษัทรถเจ้าหนึ่งที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของ 1 คัน จึงได้บอกเลขหน้าบัตรและวันหมดอายุ จนมารู้หลังจากถูกตัดบัตรเครดิตไปแล้ว แบบนี้เท่ากับหลอกลวงกัน จึงโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกันเจ้านั้น เพื่อให้จัดการยกเลิกการทำประกัน และต้องโอนเงิน 25,445.21 บาท กลับคืนมาด้วย แต่อีกฝ่ายทำเงียบเฉย ถึงแม้พยายามติดต่อทางไลน์ และเบอร์บริษัท กลับไม่มีสัญญาณตอบกลับ ถือเป็นการหลอกลวง ไม่ได้รับความเป็นธรรม
.
จากเรื่องราวข้างต้น ถือว่าเคสนี้ ผู้ร้อง “ได้เผลอตกลงทำสัญญาซื้อประกันทางโทรศัพท์ แต่ต้องการบอกเลิกภายหลัง” ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ผู้บริโภคมีสิทธิ์ปฏิเสธ หรือบอกยกเลิกสัญญา หากยังไม่ได้รับกรมธรรม์ หรือไม่พึงพอใจ สามารถบอกเลิกได้ตลอดเวลา แต่หากได้รับกรมธรรม์มาแล้ว ก็ยังสามารถขอยกเลิกได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรรมธรรม์ โดยต้องทำจดหมายบอกเลิกสัญญาพร้อมแนบกรรมธรรม์ประกันชีวิตส่งไปรษณีย์ ลงทะเบียนถึงบริษัทที่รับประกันภัย หากชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสดหรือกรณีชำระผ่านบัตรเครดิต ให้แนบสำเนาบอกเลิกสัญญาแจ้งไปยังบริษัทบัตรเครดิตทั้งสองกรณี บริษัทประกันต้องคืนเงินทั้งหมดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่แจ้งยกเลิก แต่หากบริษัทประกันปฏิเสธการยกเลิกประกัน สามารถร้องเรียนได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย คปภ. หรือ สายด่วน 1186
.
ล่าสุด 9 ตุลาคม 2566 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ติดต่อผู้ร้องสอบเพื่อถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทางผู้ร้องแจ้งว่า บริษัทประกันดำเนินการคืนเงินให้ครบถ้วนแล้ว จึงขอยุติเรื่องร้องเรียน เอาละนี่ถือเป็นเรื่องดี ที่จบกันด้วยดีทั้ง2 ฝ่าย
.
ทีนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มีคำแนะนำ สำหรับผู้บริโภค ที่ยังไม่ได้ทำสัญญา ถ้าประกันโทรมาขาย แต่ผู้บริโภคไม่ต้องการจะทำประกันนั้น และยังไม่ได้ตกลงทำสัญญา ให้วางสาย ได้เลย โดยบริษัทประกันจะไม่สามารถโทรกลับมาเสนอขายอีกเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่โดนปฏิเสธ ถ้าตัวแทนประกันไม่ยอมวางสาย ให้ขอชื่อ – นามสกุลผู้ขาย และชื่อบริษัทประกัน เพื่อแจ้งต่อ คปภ. สายด่วน 1186 ซึ่งผู้บริโภคมีสิทธิสอบถามตัวแทนประกันว่าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตนเองมาได้อย่างไร
.
การเสนอขายประกันผ่านทางโทรศัพท์ ทำได้ในวันจันทร์ ถึง วันเสาร์ ระหว่างเวลา 8.30 – 19.00 น.ยกเว้นกรณีที่ยินยอมนัดหมายล่วงหน้า หากโทรเกินเวลา จดชื่อและเลขที่ใบอนุญาตของตัวแทนแจ้งต่อ คปภ. สายด่วน 1186
.
ปิดท้ายขอเตือนใจผู้บริโภคทุกคน หากถูกตื้อทำประกันทางโทรศัพท์ จงจำไว้ว่า อย่าปัดความรำคาญด้วยคำว่า "ตกลง" หรือ คำว่า “สนใจ”เพียงเท่านี้ เสียงของผู้บริโภคจะถูกเอาไว้เป็นการยืนยันได้สมัครบริการประกันชีวิต ถือว่า “สัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว” ดังนั้น หากไม่อยากเกิดปัญหา ขอให้ยืนยันคำเดียวง่ายๆ ว่า “ไม่สนใจ” เพราะฉะนั้น หากมีใครโทรศัพท์มาชวนคุยเรื่องทำประกัน ถ้าคุณไม่ได้มีแผนจะทำประกันแล้วล่ะก็...ขอแนะนำให้บอกปัดไปเลย ไม่ต้องฟัง เพราะไม่อย่างนั้นอาจโดนคารมนายหน้าขายประกันใช้เทคนิคทำทีเป็นโทรมาสอบถามข้อมูลแล้วให้พูดตาม หรือพูดหว่านล้อมให้คุณตอบ “ตกลง” โดยกว่าจะรู้ตัวอีกที เงินก็ถูกหักจากบัตรเครดิตไปซื้อประกันนั้นซะแล้ว นอกจากนี้ ต้องขอเตือนภัย เพราะยังมีพวกแก๊งมิจฉาชีพหลอกขายประกันทางโทรศัพท์มากมาย โดยอ้างการเก็บเบี้ยถูก คุ้มครองสูง แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ กลับไม่สามารถเคลมประกัน หรือติดต่อไม่ได้ ลองคิดดูว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ปัญหาเกิดทันที เพราะเราไม่เคยเห็นหน้าตาของคนขายประกันเลย . อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ วิธีการป้องกันเพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม “ คือ เมื่อมีสายโทรศัพท์เข้ามาชักชวนให้ซื้อประกัน หากคุณไม่ได้สนใจจริงๆ ก็ไม่ต้องฟัง อาจบอกไปเลยว่าไม่มีเงินทำ เป็นหนี้เยอะมาก หรือตกงานอยู่ แล้วขอวางสายไปเลย
.
เครดิตเรื่อง : ฟิตรีนา อาลี เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
.
.
.
.
.
เหตุนี้ !...มีเรื่อง..ซื้อประกันทางโทรศัพท์เพราะด่วนตอบตกลง มีทางออก
เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ที่มา เว็บไซด์ ffcthailand
.
เขียนเมื่อ 11-10-2023 14:42
.
.
จั่วหัวเรื่องมาแบบนี้ มันต้องมีปัญหาน่ะแหละ! ใครเคยเจอเคสแบบนี้ต้องมาตามเรื่องของผู้บริโภครายล่าสุด ที่มาร้องกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อขอความช่วยเหลือ
.
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า ผู้ร้องรายนี้ได้ซื้อประกันรถยนต์ทางโทรศัพท์ที่มีนายหน้ามาเสนอขาย เบี้ยประกัน 5 แสน สามารถซ่อมศูนย์ได้ทั่วประเทศ เจ้าตัวจึงตัดสินใจทำเพราะคิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ ผ่านไปหลายวันมาเจอปัญหาบางอย่างจึงต้องการยกเลิก แต่พอโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกัน มันไม่ง่ายน่ะสิ! เพราะไคำตอบว่า ต้องรอให้ได้รับเล่มกรมธรรม์ก่อน อ้าว!ทำไมต้องรออ้ะ ก็เพราะไม่อยากทำประกันถึงต้องขอยกเลิกไง แต่..ปัญหามันอยู่ตรงนี้ เพราะบริษัทได้ตัดบัตรเครดิตเรียกเก็บเบี้ยประกันงวดแรกไปแล้วน่ะสิ!
.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ เมื่อได้ฟังเรื่องราวของผู้ร้องรายนี้ เกิดความสงสัยประเด็นที่ว่า ทำไมบริษัทประกันถึงตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติไปได้ ! ผู้ร้องบอกว่า ตอนนั้นนายหน้าที่โทรศัพท์มาขายประกัน ไม่บอกความจริงเรื่องที่มาจาากบริษัทประกันแห่งหนึ่งแต่กลับอ้างว่ามาจากบริษัทรถเจ้าหนึ่งที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของ 1 คัน จึงได้บอกเลขหน้าบัตรและวันหมดอายุ จนมารู้หลังจากถูกตัดบัตรเครดิตไปแล้ว แบบนี้เท่ากับหลอกลวงกัน จึงโทรศัพท์ไปที่บริษัทประกันเจ้านั้น เพื่อให้จัดการยกเลิกการทำประกัน และต้องโอนเงิน 25,445.21 บาท กลับคืนมาด้วย แต่อีกฝ่ายทำเงียบเฉย ถึงแม้พยายามติดต่อทางไลน์ และเบอร์บริษัท กลับไม่มีสัญญาณตอบกลับ ถือเป็นการหลอกลวง ไม่ได้รับความเป็นธรรม
.
จากเรื่องราวข้างต้น ถือว่าเคสนี้ ผู้ร้อง “ได้เผลอตกลงทำสัญญาซื้อประกันทางโทรศัพท์ แต่ต้องการบอกเลิกภายหลัง” ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ผู้บริโภคมีสิทธิ์ปฏิเสธ หรือบอกยกเลิกสัญญา หากยังไม่ได้รับกรมธรรม์ หรือไม่พึงพอใจ สามารถบอกเลิกได้ตลอดเวลา แต่หากได้รับกรมธรรม์มาแล้ว ก็ยังสามารถขอยกเลิกได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรรมธรรม์ โดยต้องทำจดหมายบอกเลิกสัญญาพร้อมแนบกรรมธรรม์ประกันชีวิตส่งไปรษณีย์ ลงทะเบียนถึงบริษัทที่รับประกันภัย หากชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสดหรือกรณีชำระผ่านบัตรเครดิต ให้แนบสำเนาบอกเลิกสัญญาแจ้งไปยังบริษัทบัตรเครดิตทั้งสองกรณี บริษัทประกันต้องคืนเงินทั้งหมดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่แจ้งยกเลิก แต่หากบริษัทประกันปฏิเสธการยกเลิกประกัน สามารถร้องเรียนได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย คปภ. หรือ สายด่วน 1186
.
ล่าสุด 9 ตุลาคม 2566 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ติดต่อผู้ร้องสอบเพื่อถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทางผู้ร้องแจ้งว่า บริษัทประกันดำเนินการคืนเงินให้ครบถ้วนแล้ว จึงขอยุติเรื่องร้องเรียน เอาละนี่ถือเป็นเรื่องดี ที่จบกันด้วยดีทั้ง2 ฝ่าย
.
ทีนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มีคำแนะนำ สำหรับผู้บริโภค ที่ยังไม่ได้ทำสัญญา ถ้าประกันโทรมาขาย แต่ผู้บริโภคไม่ต้องการจะทำประกันนั้น และยังไม่ได้ตกลงทำสัญญา ให้วางสาย ได้เลย โดยบริษัทประกันจะไม่สามารถโทรกลับมาเสนอขายอีกเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่โดนปฏิเสธ ถ้าตัวแทนประกันไม่ยอมวางสาย ให้ขอชื่อ – นามสกุลผู้ขาย และชื่อบริษัทประกัน เพื่อแจ้งต่อ คปภ. สายด่วน 1186 ซึ่งผู้บริโภคมีสิทธิสอบถามตัวแทนประกันว่าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตนเองมาได้อย่างไร
.
การเสนอขายประกันผ่านทางโทรศัพท์ ทำได้ในวันจันทร์ ถึง วันเสาร์ ระหว่างเวลา 8.30 – 19.00 น.ยกเว้นกรณีที่ยินยอมนัดหมายล่วงหน้า หากโทรเกินเวลา จดชื่อและเลขที่ใบอนุญาตของตัวแทนแจ้งต่อ คปภ. สายด่วน 1186
.
ปิดท้ายขอเตือนใจผู้บริโภคทุกคน หากถูกตื้อทำประกันทางโทรศัพท์ จงจำไว้ว่า อย่าปัดความรำคาญด้วยคำว่า "ตกลง" หรือ คำว่า “สนใจ”เพียงเท่านี้ เสียงของผู้บริโภคจะถูกเอาไว้เป็นการยืนยันได้สมัครบริการประกันชีวิต ถือว่า “สัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว” ดังนั้น หากไม่อยากเกิดปัญหา ขอให้ยืนยันคำเดียวง่ายๆ ว่า “ไม่สนใจ” เพราะฉะนั้น หากมีใครโทรศัพท์มาชวนคุยเรื่องทำประกัน ถ้าคุณไม่ได้มีแผนจะทำประกันแล้วล่ะก็...ขอแนะนำให้บอกปัดไปเลย ไม่ต้องฟัง เพราะไม่อย่างนั้นอาจโดนคารมนายหน้าขายประกันใช้เทคนิคทำทีเป็นโทรมาสอบถามข้อมูลแล้วให้พูดตาม หรือพูดหว่านล้อมให้คุณตอบ “ตกลง” โดยกว่าจะรู้ตัวอีกที เงินก็ถูกหักจากบัตรเครดิตไปซื้อประกันนั้นซะแล้ว นอกจากนี้ ต้องขอเตือนภัย เพราะยังมีพวกแก๊งมิจฉาชีพหลอกขายประกันทางโทรศัพท์มากมาย โดยอ้างการเก็บเบี้ยถูก คุ้มครองสูง แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ กลับไม่สามารถเคลมประกัน หรือติดต่อไม่ได้ ลองคิดดูว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ปัญหาเกิดทันที เพราะเราไม่เคยเห็นหน้าตาของคนขายประกันเลย . อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ วิธีการป้องกันเพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม “ คือ เมื่อมีสายโทรศัพท์เข้ามาชักชวนให้ซื้อประกัน หากคุณไม่ได้สนใจจริงๆ ก็ไม่ต้องฟัง อาจบอกไปเลยว่าไม่มีเงินทำ เป็นหนี้เยอะมาก หรือตกงานอยู่ แล้วขอวางสายไปเลย
.
เครดิตเรื่อง : ฟิตรีนา อาลี เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
.
.
.