ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 16, 2023, 09:58:51 pm »

.
#ให้มาเท่าไหร่ก็ให้ไปเท่านั้น
.
ผมนำมาจากคำพูดของขงเบ้งที่พูดกับเล่าปี่ ว่า
#นายท่านมีความกล้าเท่าใดข้าก็มีแผนการณ์เท่านั้น
.
เล่าปี่ : #ข้าขอมอบตราประจำตัวและกระบี่ให้ท่านบัญชาการรบ
ขงเบ้ง : #นายท่านจริงใจข้าขอน้อมรับ
.
จากภาพยนต์เรื่อง สามก๊ก 1994 ตอนที่ 28  #เผาทัพแฮหัวตุ้น
.
.
สามก๊ก 1994 | พากย์ไทย | TVB Thailand | ซีรีส์จีน | #EP28 เผาทัพแฮหัวตุ้น | Non-TVB
.
https://www.youtube.com/watch?v=l0PdcuaaF4k
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2023, 07:12:54 am »

.

น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช)  พระองค์ท่านสร้างโครงการในพระราชดำริ มามากกว่า 4,000 โครงการ เพื่อประชาชนชาวไทย  เพื่อแผ่นดินไทย  อีกทั้งยังทำนุบำรุงพระศาสนาให้มั่นคงเจริญก้าวหน้า  รวมทั้งที่พระองค์ท่านได้ศึกษาความรู้ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี

กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

.

.

.

.*****************************************.

.

.

ฝนหลวง  โพสโดย โบราณนานมา

.

โบราณนานมา

20 ตุลาคม 2563

.

ว่าด้วยเรื่อง “ฝนหลวง” ที่ถูกคนบางกลุ่มบิดเบือน

.

สืบเนื่องจากตอนนี้มีคนบางกลุ่มได้โพสต์บิดเบือนเกี่ยวกับเรื่อง “ฝนหลวง” ว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่ได้คิดขึ้นเอง ได้ “ก๊อป” แนวคิด “ฝนเทียม” ของต่างชาติมาแล้วเอามาจด “สิทธิบัตร”

ย้อนไปในปี ๒๔๘๙ วินเซนต์ เชฟเฟอร์ และเออร์วิง ลองมัวร์ เริ่มทดลอง “ฝนเทียม” โดยพวกเขาเชื่อว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดฝนได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาเติม Silver Iodide แทนน้ำแข็งแห้งซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กทำให้เมฆเย็นเหนือจุดเยือกแข็ง และโปรยอนุภาคนี้ลงมาจากเครื่องบินหรือปล่อยให้ลมหอบขึ้นไปซึ่งสารนี้ก็จะไปทำให้เกิดการควบแน่นขึ้นและหนักมากพอจนตกลงมาเป็นฝน ซึ่งย่อยอย่างง่าย ๆ ก็คือเป็นการระหว่าง “ปล่อยให้ลมหอบไป” กับ “ลงไปปล่อยลงมา”

.

หลังจากการทดลองผ่านไป ก็ไม่มีการใช้งานจริงในเชิงเกษตรกรรม

จนเมื่อปี ๒๔๙๘ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคอีสาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร

.

“...แต่มาเงยดูท้องฟ้ามีเมฆ ทำไมมีเมฆ อย่างนี้ทำไมจะดึงเมฆนี่ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝนก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”

พระราชดำรัสในหลวง รัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๒๙ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร เมื่อปี ๒๔๙๘

.

ในตอนนั้นพระองค์จึงเกิดพระราชดำริว่าจะทำอย่างไรให้ “ฝนตกลงสู่พื้นที่แห้งแล้ง” แต่ไม่ใช่มีพระราชดำริแล้วทำและจดสิทธิบัตรทันที เพราะการทดลองครั้งแรกของการทำ “ฝนเทียม” ที่ชื่อโครงการ “ฝนหลวง” คือในปี ๒๕๑๒ โดยเริ่มที่จังหวัดนครราชสีมา โดยการโรยน้ำแข็งแห้งก็ปรากฏว่ามีฝนตก ต่อมาเปลี่ยนที่ทดลองไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

.

ทดลองโดยการพ่นละอองน้ำพร้อมโปรยน้ำแข็งแห้ง และใช้เครื่องบินอีกชุดพ่นจากพื้นดิน โดยพระองค์ใช้วิธีแบบที่กล่าวไปข้างต้นตอนแรกร่วมกัน ต่อมาพระองค์ยังได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสูตรที่ใช้อีกหลายครั้งจนในปี ๒๕๑๖ พระองค์ก็คิดค้นวิธีการทำ “แซนด์วิช (Sandwich)” ได้สำเร็จ นั่นคือ คือ ก่อกวน เลี้ยงอ้วน และโจมตี เป็น ๓ ขั้นตอนในการทำให้ฝนไปตกในพื้นที่เป้าหมายอย่างหวังผลแม่นยำ แต่อย่างไรก็ตามพระองค์มีพระราชกระแสต่อว่าจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปอีก เพราะการพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด

.

ซึ่งตรงนี้ควรกล่าวด้วยว่าประเทศไทยเราโชคดีที่สภาพภูมิอากาศมีความชื้นสูงและจะกลายเป็นเหตุผลอีกอย่างที่ทำให้เกิดการจดสิทธิบัตรสำเร็จเพราะมันทำได้ผลกว่า

.

ต่อมาหลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า ๔๐ ปี ในปี ๒๕๔๒ เกิดภาวะแห้งแล้งรุนแรงในขั้นวิกฤติ โปรดเกล้าฯ ให้ทบทวนเทคนิคที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นที่เคยใช้ปฏิบัติการที่ได้ผลมาแล้ว และพระราชทานให้ใช้เสริมการประยุกต์เทคโนโลยีฝนหลวงให้สัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น โดยให้สภาวะแห้งคลายความรุนแรงลง จนคืนเข้าสู่สภาวะปกติได้อย่างสิ้นเชิงในระยะเวลาอันสั้น ในระหว่างการปฏิบัติการสู้ภัยแล้งนี้ ทรงประดิษฐ์คิดค้นเทคนิคควบคู่ไปด้วย

.

โดยโปรดเกล้าฯ ให้นำเทคโนโลยีการทำฝนในส่วนของเมฆเย็นที่ทดสอบได้ผลแล้ว ร่วมกับเทคโนโลยีฝนหลวงจากเมฆอุ่น พร้อมทั้งพัฒนาเทคนิคการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นในขณะเดียวกันได้อย่างสัมฤทธิ์ผล สามารถชักนำฝนให้ตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้อย่างแม่นยำและเพิ่มปริมาณฝนสูงยิ่งขึ้น

.

โปรดเกล้าฯ ให้เรียกเทคนิคที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ว่า เทคนิคการโจมตีแบบ “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” เทคโนโลยีฝนหลวงจึงได้รับการพัฒนาจาก ๓ ขั้นตอนเป็น ๖ ขั้นตอน

.

มีการพัฒนา “ฝนหลวง” มาเกือบ ๕๐ ปี พระองค์ทรงเห็นสมควรให้ขอจดสิทธิบัตรเทคโนโลยี “ฝนหลวง” ซึ่งรวมทั้งเทคนิคต่าง ๆ ที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเทคนิคในการโจมตีแบบ “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” นี่คือสิ่งที่พระองค์คิดค้นเองไม่ได้มีใครทำมาก่อนหน้านั้น

.

ดังนั้น การยื่นจดสิทธิบัตร “ฝนหลวง” ด้วยเทคนิค “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” จึงเริ่มในช่วงนั้น และได้รับในปี ๒๕๔๕ คำถาม คือ “ฝนเทียม” ที่มีมาก่อนหน้านี้เกือบ ๖๐ ปี แล้วทำไม “ฝนหลวง” ของพระองค์ถึงยื่นจดสิทธิบัตรได้ คำตอบก็คือ มันเป็น “กรรมวิธี” หรือ “เทคนิค” และกรรมวิธีนี้คือกรรมวิธีใหม่

.

หมายเลขการจัดสิทธิบัตร “ฝนหลวง” ในไทยคือ ๑๓๘๙๘ การดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) จดในสหรัฐอเมริกา คือ Weather modification by royal rainmaking technology (รหัส US20050056705A1) และต่อมาสำนักสิทธิบัตรยุโรปก็ถวายสิทธิบัตรให้ รหัส EP1491088B1 เทคนิคของพระองค์ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิทยาศาสตร์ องค์กรและสถาบันที่มีกิจกรรมการดัดแปรสภาพอากาศวิทยาศาสตร์และอุตุนิยมวิทยาทั้งในระดับนานาชาติและระดับโลก และร่วมจัดแสดงในงานนิทรรศการ Brussels Eureka 2001

.

การยื่นคำขอจดสิทธิบัตรต่อสำนักงานสิทธิบัตรทั้งใน และต่างประเทศดังกล่าวต่างมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบ และค้นหากับสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกว่ามีการซ้ำซ้อนหรือมีการจดสิทธิบัตรมาก่อนหรือไม่ เป็นนวัตกรรมใหม่หรือเป็นแนวคิดใหม่หรือไม่

.

ฉะนั้นสิทธิบัตรที่ได้รับจากสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศ จึงได้รับการกลั่นกรองและเผยแพร่สู่การรับรู้ของสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกโดยปริยาย โดยเฉพาะประเทศสมาชิกขององค์กรการอุตุตนิยมวิทยาโลก ๑๘๑ ประเทศ

.

ดังนั้น การพูดว่า “ก๊อป” คือคิดไปเอง โมเดลของพระองค์เพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศมาขอศึกษาและนำไปใช้เพราะวิธีของเรามค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เช่น จอร์แดน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกา

.

“ฝนหลวง” คือกรรมวิธีในการทำให้ฝนตก สิทธิบัตรคือ “กรรมวิธี” ไม่ได้บอกว่าพระองค์เป็นผู้คิดค้น “ฝนเทียม” คนแรก

.

ที่มา เว็บไซต์มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ

.

สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ

และบทความจากเฟซบุ๊ก Jittra O. Tunho

.

.

.********************************************.

.

.

5 ธันวาคม วันดินโลก วันสำคัญที่สะท้อนพระปรีชาสามารถของ ร.9 ไปทั่วทั้งปฐพี

.

ที่มา kapook.com

.

วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันดินโลก ที่องค์การสหประชาชาติมีมติยอมรับให้วันนี้เป็นวันสำคัญสากล ซึ่งเราชาวไทยทุกคนก็ควรได้รู้ถึงประวัติวันดินโลกไว้เป็นความประทับใจที่ชีวิตนี้ได้เกิดในรัชกาลที่ 9

.

นอกจากวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี จะเป็นวันพ่อแห่งชาติมาตลอดในรัชกาลที่ 9 แล้ว ทั่วโลกยังให้ความสำคัญต่อวันนี้ในฐานะวันดินโลก ตามมติของ UN อีกด้วย ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนมาทราบถึงประวัติวันดินโลก และความสำคัญของวันดินโลก พร้อมด้วยโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับดิน อันเป็นเหตุผลสำคัญยิ่งที่ทำให้มีวันดินโลก

.

ประวัติวันดินโลก

.

วันดินโลก (World Soil Day) ถูกกำหนดขึ้นตามมติขององค์การสหประชาชาติ ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและการเงินของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญที่ 68 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2556 ให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันดินโลก (World Soil Day) และกำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีดินสากล (International Year of Soils) โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรดิน ต่อการพัฒนาด้านการเกษตร โภชนาการ และความมั่นคงทางอาหาร ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ

.

ทั้งนี้สาเหตุที่กำหนดให้วันดินโลก ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมนั้น สืบเนื่องจากการประชุมสภาโลกแห่งปฐพีวิทยา (World Congress of Soil Science) ครั้งที่ 17 เมื่อปี พ.ศ. 2545 ทางสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ (International Union of Soil Sciences) ได้ตระหนักถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพัฒนาทรัพยากรดิน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการเกษตร จึงได้เลือกวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ เป็นวันดินโลก เพื่อเทิดพระเกียรติพระวิริยอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในด้านการปกป้องและพัฒนาทรัพยากรดิน ซึ่งถ้าให้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการพัฒนาทรัพยากรดิน เราก็ขออนุญาตพาคนไทยทุกคนมาทบทวนโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับดินของในหลวง รัชกาลที่ 9 ดังนี้กันค่ะ

.

1. โครงการศึกษาฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ)

.

ตั้งอยู่ที่บ้านเขาชะงุ้ม หมู่ที่ 2 ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและสาธิตวิธีการฟื้นฟูปรับปรุงดินเสื่อมโทรมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นรูปแบบและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ โครงการ ได้เรียนรู้วิธีการจัดการดิน น้ำ และพืชอย่างถูกต้อง มีความยั่งยืนไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

.

2. โครงการทดลองแก้ปัญหาดินเปรี้ยว

.

ด้วยพระปรีชาสามารถของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่มีพระราชดำริแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในจังหวัดนครนายก ด้วยการใช้วิธีธรรมชาติอย่างการเปลี่ยนถ่ายดินจากแปลงหนึ่งสู่แปลงหนึ่ง เพื่อลดความเปรี้ยวของดิน อีกทั้งพระองค์ยังได้พระราชทานพระราชดำริให้ใช้ปูนมาร์ล และสาหร่ายในการปรับสภาพน้ำให้ดีขึ้น และต่อมาก็ได้พระราชทานพระราชดำริให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการศึกษาผลกระทบ ของการใช้เถ้าลอยลิกไนท์ เพื่อแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวเพิ่มเติมอีกด้วย

.

3. โครงการหญ้าแฝก

.

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงศึกษาเรื่องการใช้หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำจากเอกสารของธนาคารโลก ที่นาย Richard Grimshaw ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย และพระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝก โดยให้ทรงทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน จนปัจจุบันมีหน่วยงานกว่า 50 หน่วยงาน ดำเนินงานสนองพระราชดำริการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝก ส่งผลให้การดำเนินงานก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ

.

4. โครงการแกล้งดิน

.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงรับทราบความเดือดร้อนของพสกนิกรในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในจังหวัดนราธิวาส ที่ประสบปัญหาดินเปรี้ยวทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล พระองค์จึงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาดินพรุเพื่อแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาและพัฒนาพื้นที่พรุ ซึ่งเป็นดินเปรี้ยวให้เป็นดินที่มีคุณภาพ สามารถทำการเพาะปลูกได้ ซึ่งพระองค์ทรงแนะนำให้ใช้วิธี "การแกล้งดิน" คือ เริ่มจากการแกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันเพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดินพรุที่มีสารประกอบของกำมะถันที่จะทำให้ดินมีสภาพเป็นกรดจัดเมื่อดินแห้ง จากนั้นจึงทำการปรับปรุงดินที่เป็นกรดจัดนั้นด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่จะลดความเป็นกรดลงมาให้อยู่ในระดับที่จะปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ได้

.

5. โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน

.

ตั้งอยู่ที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ที่ราษฎรน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน จำนวน 216 ไร่ และครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทอดพระเนตรเห็นสภาพความทุรกันดารของผืนดิน จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งดิน น้ำ ป่าไม้ ณ พื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งหมู่บ้านรอบ ๆ ศูนย์ โดยการวางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทั้งยังให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน เป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้า และสนามทดลองทางด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจเข้ามาดูงานและนำแนวพระราชดำริไปปฏิบัติตาม และพัฒนาอาชีพและพื้นที่ของตนเพื่อเพิ่มผลผลิต เพื่อให้ประชาชนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งพระองค์ยังมีพระราชดำริให้ส่งเสริมศิลปาชีพและหัตถกรรมพื้นบ้าน เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้จากอาชีพหลักอีกทางหนึ่งด้วย

.

6. โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย

.

หนึ่งในโครงการพระราชดำริที่ตั้งอยู่ ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์ แต่ได้ถูกราษฎรเข้าบุกรุกทำลายป่าเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม จนไม่เหลือป่าไม้และสัตว์ป่า ทำให้พื้นที่แห้งแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล และสภาพพื้นดินเสื่อมโทรมอย่างหนัก ทำการเกษตรกรรมไม่ได้ผล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่บริเวณห้วยทราย เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด้านป่าไม้อเนกประสงค์ โดยยึดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้สมดุลกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ และสามารถฟื้นฟูให้มีศักยภาพในการทำเกษตรกรรมและความเป็นอยู่ของประชากรได้อย่างต่อเนื่อง

.

7. โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้

.

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทั้งด้านทรัพยากรต้นน้ำ ด้านเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม รวมทั้งด้านอุตสาหกรรม เนื่องมาจากมีพระราชประสงค์ที่จะให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ ทำหน้าที่เสมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้

.

โดยในด้านดินและเกษตรกรรมมีพระราชดำริให้ศึกษาพัฒนาสภาพดินในพื้นที่ที่มีความลาดชัน ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างสูงสุด โดยได้ทำการทดลองปลูกพืชที่เหมาะสม ทดสอบประโยชน์ของดินชนิดนี้ในรูปแบบอื่น ๆ รวมทั้งศึกษาความยากง่ายในการชะล้างพังทลายของดินดังกล่าวไว้เพื่อหาวิธีป้องกัน และเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ส่งผลให้ประชากรได้มีพื้นที่ทำกินและอยู่อาศัยได้อย่างไม่ลำบากมากนัก

.

หวนนึกไปถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อใด เมื่อนั้นก็รู้สึกว่าเราช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นประชาชนของพระองค์ท่านนะคะ ซึ่งนอกจากวันดินโลกจะเกิดขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระวิริยอุตสาหะ ของพ่อหลวง ร.9 แล้ว เราก็เชื่อว่าชาวไทยทุกคนคงทราบกันดีถึงความหมายของพระนามพระองค์ท่าน อันหมายถึง กำลังของแผ่นดิน...

.

"อันที่จริงเราชื่อ "ภูมิพล" ที่แปลว่า "กำลังของแผ่นดิน" แม่ก็อยากให้เธออยู่กับดิน เมื่อฟังคำพูดแล้วกลับมาคิด ซึ่งแม่คงจะสอนเราและมีจุดมุ่งหมายว่าอยากให้ติดดินและอยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน"...พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

.

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

.

สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)

.

มูลนิธิชัยพัฒนา

.

เรารักพระเจ้าอยู่หัว

.

เว็บไซด์ un ดอท org

.

kapook

.

.

.*************************************.

.

.

.

วันดินโลก 5 ธันวาคม

https://www.youtube.com/watch?v=UcZx8PQmDFg



กรมพัฒนาที่ดิน แชนแนล LDD Channel

9 เม.ย. 2018

ประชาสัมพันธ์ พระราชกรณียกิจด้านดิน เนื่องในวันดินโลก 5 ธันวาคม

.

.

.****************************

.

.

วีดิทัศน์ วันดินโลก

https://www.youtube.com/watch?v=zwknSf2fLJw

สํานักงาน กปร.

13 พ.ย. 2018

วันดินโลก 5 ธันวาคมของทุกปี

ได้รับการสนับสนุน จากกรมพัฒนาที่ดิน

เผยแพร่โดยสำนักงาน กปร. 14 พฤศจิกายน 2561

.

.

.****************************

.

.

ชุดแสนสุดอาลัยพ่อหลวง เพลง World Soil Day วันดินโลก ศิลปิน เก้า กรุงเก่า

https://www.youtube.com/watch?v=_XtBesUiI18

narupon pumchaivijit

8 ธ.ค. 2016

บทเพลงที่กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดถลยเดช ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ได้กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันดินโลก” เพื่อสดุดีพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงตระหนักในการพัฒนาดินอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และมีหนึ่งประโยคที่ประชาชนคนไทยหลายคนยังไม่รู้ว่าครั้งหนึ่งในหลวงทรงเคยตรัสว่า “อย่าจำตัวฉัน แต่ให้จำประโยชน์ที่ฉันทำ” ซึ่งเราชาวไทยรู้ดีว่า พระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์

.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2023, 07:16:56 pm »

.
สำหรับท่านใดอยากเห็น พระวังหน้า พิมพ์เจ้าสัว
.
ตามไปดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย ครับ
.
มาชม #พระวังหน้าพิมพ์เจ้าสัว ( #พิมพ์เจ้าสัว บางส่วน) กันครับ
ท่านผู้ให้ดำเนินการจัดสร้าง คือ #กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (อุปราชวังหน้าในรัชกาลที่ 5)
ท่านผู้สร้าง คือ #ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า
แม่พิมพ์ เท่าที่ทราบ ผู้คิดค้นแบบพิมพ์และจัดทำแม่พิมพ์ คือ ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า
เนื้อปูนเพชร
นำเข้า #พระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง ที่ #พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (#พระอุโบสถประจำวังหน้า)
.
หมายเหตุ สำหรับแบบพิมพ์ ทาง #หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว ท่านนำแบบพิมพ์ไปใช้ในการสร้างพระพิมพ์เจ้าสัว ที่ #วัดกลางบางแก้ว
.
ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งองค์ผู้อธิษฐานจิตให้ทราบ
ผมจะนำไปแจ้งในไลน์กลุ่มพระวังหน้า และ ไลน์กลุ่มพระวังหน้าโลกอุดร เท่านั้น
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=330383403023682&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 29, 2023, 04:51:11 am »

.
สวัสดียามเช้า วันอังคารรื่นเริง
วันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566
.
มาชม #พระสมเด็จวังหน้าเนื้อทองคำ กัน
.
เนื้อทองคำแท้ มีลักษณะแบบนี้
.
แต่ที่เคยเห็นมา ที่บอกว่าเป็นเนื้อทองคำนั้น เก๊ทั้งหมด
.
ส่วนจะเชื่อผมหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น
เพราะ เลือกที่จะเชื่อได้ตามที่ต้องการ
ที่สำคัญ ไม่ใช่ตัวผมและหมู่คณะของผม
.
ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ฟันธง
คอนเฟิร์ม การันตี และ รับรอง ว่า ถูกต้อง
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=285472024181487&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.
.
.
#เรียนรู้ของเก๊แทนของแท้ #เก็บสะสมของเก๊แทนของแท้
.
#หลงทางหลงป่าเข้าพงลงเหว จาก #กลุ่มกูรูเก๊
ระวังให้มากสำหรับ #เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า และ #เก๊จี๊ดจ๊าด กัน
.
จะได้ #ไม่หลงทิศหลงทางลงนรก
#อย่าไปเข้าป่าเข้าพงลงเหว
#อย่าตกเป็นเหยื่อ
.
ในเรื่อง #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม จากกลุ่ม #กูรูเก๊
.
รูปสงวนลิขสิทธิ์
.
ผมอนุญาตเฉพาะการนำข้อมูลไปใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น
.
ผมไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการซื้อขายพระวังหน้า , พระสมเด็จวังหลวง , พระสมเด็จวัดระฆัง และ ซื้อขายพระเครื่องต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด
.
ผมไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปใช้เพื่อโชว์ว่า ตนเองเป็นกูรู ทั้งๆที่เป็นกูรูเก๊
.
ผมไม่อนุญาตให้คัดลอกด้วยวิธีการต่างๆ และไม่อนุญาตให้แชร์ไปยังสื่อออนไลน์ทุกประเภท
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า (#หลวงปู่พระอุตตระเถระเจ้า) หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมพิมพ์ว่า #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#พระเจ้าอโศกมหาราช
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2023, 09:30:09 pm »

.
.
วัดป่าภัทรปิยาราม
.
โพสโดย เฟซบุ๊ก เที่ยวเมืองลิง : เช็คอินลพบุรี
วันที่ 28 สิงหาคม 2566
.
https://fb.watch/mIpkvpxLuI/
.
พาเที่ยววัดป่าภัทรปิยาราม สายมูและแรงศรัทธา ตอนนี้กระแสดังมาก ผู้คนจากทั่วทิศแห่กันมาที่วัดมากมาย พญานาคสีขาว อุโบสถพระหินหยก พระขาวที่เชิงเขาเสาหลักศาสนา และถ้ำสีทอง อยู่ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี
.
.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=624708596439102&id=100066999024096&mibextid=Nif5oz
.
แรงศรัทธา วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไม่ขาดสาย คนต่างจังหวัดรู้แล้วคนลพบุรีรู้ยัง แวะมากราบไหว้ขอพรกันจ้า #วัดป่าภัทรปิยาราม #พญานาคสีขาว
.
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2023, 09:15:57 pm »

ข้อความโดย: DeadEyes
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2023, 07:33:12 am »

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,10105.0.html

ขอความร่วมมือ ไม่มีการเผยแพร่เว็บไซด์ที่เกี่ยวกับการพนันทุกประเภท

ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรง และ ทางอ้อม

เช่น การใส่ลิงค์ในคำพูด หรือ ใส่ไว้ที่ลายเซ็น



http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7231.0.html
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2023, 04:15:32 pm »

.
.
.
ไม่ได้ชื่อ "ครูกายแก้ว" อาจารย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งเขมรโบราณไม่มีชื่อนี้
.
.
ที่มา เว็บไซด์ thebetter
Aug, 13 2023
.
.
ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ไม่มีบุคคลที่ชื่อ "กายแก้ว" แต่มีคนอื่นที่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขมรโบราณถือเป็นครูบาอาจารย์ .
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม การจราจรบน ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า กลายเป็นอัมพาต เพราะมีการเคลื่อนย้ายรูปปั้นของบุคคลที่ถูกเรียกว่า "ครูกายแก้ว" เป็นบุคคลที่มีร่างกายเป็นมนุษย์สีดำทั้งร่าง มีปีกที่ด้านหลัง มีเขี้ยวงอกจากปาก มีดวงตาและเล็บสีแดง รูปั้นนี้ถูกนำไปติดตั้งที่เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง แต่ระหว่างทางรูปปั้นขนาดใหญ่ดันไปติดกับท้องสะพานลอยจนขยับไม่ได้ ทำให้รถติดเป็นทิวแถว

หลังจากที่เป็นข่าวฮือฮา ทำให้มีกรเผยแพร่ประวัติของ "ครูกายแก้ว" ตามสื่อต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่รายงานราวกับลอกข่าวกันมาโดยไม่การตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะข้อมูลที่ระบุว่าครูกายแก้วเป็นผู้วิเศษที่ "เป็นอาจารย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7" และ "ถือเป็นครูของศาสตร์ศิลป์ทั้งหลายในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของกัมพูชา" สื่อเกือบทุกแห่งรายงานตรงกันหมดในลักษณะนี้ มิหนำซ้ำยังมีสื่อบางรายเพิ่มเติมสรรพคุณเขาไปอีกว่า ที่เหตุที่รูปปั้นไปติดสะพานลอยจนรถติด เพราะเป็นการ "ป่าวประกาศมากรุง"
 
หลังจากมีการประโคมว่าครูกายแก้วเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมัที่ 7 ทำให้ผู้สนใจประวัติศาสตร์ออกมาโต้อย่างต่อเนื่อง โดยชี้ว่า จากหลักฐานศิลาจารึก ซึ่งเป็นหลักฐานที่มีตัวตนอ้างอิงได้ และใช้เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ระบุว่า ครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีแค่บุคคลที่ชื่อ "ศรี ชัยมังคลารถะเทวะ" และ "ศรี ชัยกีรติเทวะ" เท่านั้น โดยมีชื่อในจารึกปราสาทตาพรหม ในเมืองพระนครธม ไม่เคยมีบุคคลที่ "กายแก้ว" เลย 

นอกจากนี้ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังทรงศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างมาก ทรงสร้างพระพุทธรูปประดิษฐานตามห้วเมืองจักรวรรดิเขมรโบราณต่างๆ ในจารึกยังระบุถึงการประดิษฐานพระพุทธรูปในเมืองที่ปัจจุบันเป็นจังหวัดของไทย เช่น วัชรปุระ (เพชรบุรี) ชัยราชปุระ (ราชบุรี) สุวรรณปุระ (สุพรรณบุรี) เป็นต้น ไม่มีหลักฐานระบุว่าทรงมีความเชื่อในไสยศาสตร์ที่มีครูเป็นบุคคลรูปร่างเป็นอมนุษย์อย่างครูกายแก้ว

ในจารึกโบราณ เช่น จารึกพระขรรค์ได้เล่าว่าพระองค์ทรงสร้างพระพุทธรูปและวิหาร ในเมืองทั่วอาณาจักร รวมถึงเมืองเพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ละโวทัยปุระ (ละโว้หรือลพบุรี) ศรีชยสิงหปุระ (เมืองสิงห์ ในจังหวัดกาญจนบุรี) เพื่อประดิษฐาน "พระชยพุทธมหานาถ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปในพุทธศาสนา ที่พระนามมีความหมายว่า "พระพุทธเจ้าที่เป็นที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่และเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่" พร้อมกับระบุว่า "พระราชาทรงสร้างพระชยพุทธมหานาถที่ทำให้เกิดมีความสุขขึ้น"

นั่นหมายความว่า ทรงศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างมาก จนส่งเสริมให้ประชาชนในดินแดนหัวเมืองกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า และให้พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งให้เกิดความสำเร็จจหรือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ หลักฐานเหล่านี้บางชี้ว่า พระองค์มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ (ที่พึ่ง) ไม่ได้มีครูไสยศาสตร์เป็นที่พึ่งเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าครูไสยศาสตร์ผู้นั้นมีรูปกายที่กึ่งคนกึ่งสัตว์

การสร้างเรื่องเล่าที่ไม่มีหลักฐานรองรับเกี่ยวกับ "ครูกายแก้ว" ยังไปไกลถึงขนาดอ้างภาพแกะสลักที่ปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นภาพบุคคลที่นั่งชันเข่าถือวัตถุบางอย่างในมือ ซึ่งย้อยลงไปที่ด้านข้างไหล่ทำให้ดูเหมือนเป็นปีก ผู้ที่มีเจตนาโฆษณาเรื่องครูกายแก้วจึงอ้างว่านี่คือรูปครูกายแก้วที่มีปีก แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่เห็นไม่ใช่ปีก เพราะมีด้ามจับในมือ ที่สำคัญภาพนี้แกะสลักหลังยุคพระเจ้าชัยวรมันนานเกือบ 300 ปี

ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มักเกี่ยวกับการทำบุญทำทาน สร้างวัดและพุทธสถาน สร้างสถานรักษาพยาบาลให้ประชาชนโดยอาศัยยารักษาโรคและพลังจากพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะการประดิษฐานพระไภษัชยคุรุ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าที่มีพลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตามคำสอนของพุทธศาสนามหายาน เพราะพระองค์ตั้งปณิธานที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ด้วยวิธีนี้ ทำให้การบูชาพระไภษัชยคุรุแพร่หลาย และนิยมเรียกกันว่า "พระหมอ"

"พระกริ่ง" ที่นิยมบูชาในไทยก็เป็นพระพุทธรูปแทนองค์พระไภษัชยคุรุนั่นเอง จึงเรียกว่า "พระหมอยา" และพระกริ่งรุ่นแรกที่เข้ามาไทยคือ "พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์" ซึ่งนำมาจากกัมพูชา ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาเป็นประเทศราชของไทย

รายงานโดย ทีมข่าว The Better
.
.
Photo -  Jean-Pierre Dalbéra, CC BY 2.0)
.
.
TAGS: #ครูกายแก้ว #ชัยวรมัน #กัมพูชา #มู
.
.
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2023, 08:26:55 pm »

.
.
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน  เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ  เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง
.
.
ศรีปราชญ์
ยอดกวีแห่งกรุงศรีอยุธยา
ที่มา เว็บไซด์ identity.bsru
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
.
จากคำนำ ที่ท่านผู้เขียนได้ปรารภไว้ว่า
.
“ประวัติของศรีปราชญ์ฉบับนี้  เขียนขึ้นจากความทรงจำที่ได้เล่าเรียนมา เมื่อข้าพเจ้าได้เล่าประวัติของศรีปราชญ์ให้สมาชกที่ร่วมเดินทางไปทัศนศึกษาด้วยกันฟัง  หลายท่านอยากได้ประวิติของศรีปราชญ์ และขอร้องให้เขียนไว้ให้ด้วย พบกันครั้งไร ก็ทวงถามอยู่เสมอ ผู้เขียนไม่มีตำหรับตำรับตำราจะค้นคว้า เพราะได้บริจาคหนังสือทั้งหมดให้ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และห้องสมุดของวัดในต่างจังหวัดไปแล้ว ประวัติของศรีปราชญ์ฉบับนี้คงไม่สมบูรณ์แน่นอน หากท่านได้รับความพอใจ ความเพลิดเพลิน ขออานิสงส์นี้จงนำสู่เพื่อนสมาชิที่เคยร่วมทัศนศึกษาด้วยกันมาเป็นเวลายาวนาน  ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และล่วงลับไปแล้วด้วยเทอญ
.
รักจากใจ
ไกรนุช  ศิริพูล
๑๖ มกราคม ๒๕๕๓
.
.
ศรีปราชญ์เป็นปฏิภาณกวีแห่งกรุงศรีอยุธยา  สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. ๒๑๙๙ – ๒๒๓๑ ทรงพระนามว่า พระรามธิบดีที่ ๓
.
          สมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นยุคทองของวรรณคดีไทย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งกวีในสมัยนั้น จึงอุดมไปด้วยกวีที่สำคัญๆ หลายท่าน อาทิ
.
 พระมหาราชครู แต่ง
.
๑. สมุทโฆษคำฉันท์ ยังไม่จบ ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงพระราชนิพนธ์ต่อ ยังไม่ทันจบ  ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมนุชิโนรสแห้งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนิพนธ์ต่อจนจบ
.
๒. เสือโคคำฉันท์
.
๓. จินดามณี เป็นตำราเรียนเล่มแรกของไทย
.
พระศรีมโหสถ  แต่ง
.
๑. กาพย์ห่อโคลง เล่าถึงความสนุกสนานของประชาชนในแผ่ดินสมเด็จพระนารยาณ์มหาราช
.
๒. โคลงเฉลิมพระเกียรติ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
.
ขุนเทพกวี พราหมณ์ชาวเมืองสุโขทัย แต่ง คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง
.
พระเยาวราช จากเมืองเชียงใหม่  แต่ง ทวาทศมาส โดยมีขุนพรพมมนตรี ขุนศรีกวีราช ขุนสารประเสริฐ ช่วยแต่งเกลาแก้สำนวนกลอน
.
.
ศรีปราชญ์       บุตรพระมหาราชครู บาตำราว่าเป็นบุครพระโหราธิบดี สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นคนคนเดียวกัน คือพระโหราธิบคีรับราชการในตำแหน่งมายาวนาน และเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแก้สมเด็จพระนารายณ์ด้วย จึงได้ชื่อว่าพระมหาราชครูอีกชื่อหนึ่ง
.
ศรีปราชญ์คงได้รับการอบรม หล่อหลอมความรู้ต่างๆ ด้านวรรณคดีไทยอย่างดีจากบิดา สำนวนภาษา โค กลอน ฉันท์ต่างๆ ของศรีปราชญ์ยังทันสมัย เป็นอมตะมาจนทุกวันนี้
.
          สันนิษฐานกันว่า ศรีปราชญ์ เดิมชื่อ ศรี มีความสามรถแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์  กลอนได้ ตั้งแด่ยังเยาว์วัย
.
          มีเรื่องเล่าว่า  เมื่อเด็กอายุประมาณ ๙ ขวบหรือ ๑๐ ขวบ บังอาจแต่งต่อโคลงพระราชนิพนธ์ของสมด็จพระนารายณ์ฯ ที่ทรงค้างไว้สองบาท โดยโคลงพระราชนิพนธ์นี้ สมเด็จพระนารายร์ฯ ทรงพระกรุณาพราชทานให้พระมหาราชครูเอามาแต่งให้จบทั้งบท คือ
.
อันใดย้ำแก้มแม่                หมองหมาย
ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย            ลอบกล้ำ
.
          พระมหาราชครูผู้เฒ่า รับเอามาแล้วยังมิทันได้แต่ต่อก็เก็บไว้  รุ่งเช้านึกขึ้นได้จึงไปหยิบดูก็พบว่ามีผู้แต่งเสร็จแล้วอีก ๒ บาท คือ
.
ผิวชนแต่จักกราย                ยังยาก
ใครจะอาจให้ช้ำ                  ชอกเนื้อเรียมสงวน
.
จนครบสี่บาทของโคลงสี่สุภาพ
.
โดยที่เป็นเวลากะทันหัน แบทโคลงนั้นก็ดีแล้วคือ
.
อันใดย้ำแก้มแม่                 หมองหมาย
ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย                      ลอบกล้ำ
ผิวชนแต่จักกราย                          ยังยาก
ใครจะอาจให้ช้ำ                            ชอกเนื้อเรียมสงวน
.
          สมเด็จพระนารายณ์ฯ รงคุ้นเคยกับพระมหาราชครูดีและชราแล้ว คงจะไม่แต่งข้อความพาดพิงเข้าถึงเรื่องของพระองค์อย่างแหลมคมดังเช่นข้อความในบาทที่สี่นั้นเป็นแน่  จึงมีพระราชดำรัสถาม ก็ทรงทราบว่าผู้แต่งเป๊นบุตรพระมหาราชครู อายะพียงสิบขวบก็ทรงพอพระทัยนัก  ถึงกับทรงขอชมตัว และเมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นหน่วยก้านชั้นเชิงหนูน้อยนักเลงกลอน  ก็ทรงพระกรุณาขอไว้เป็นมหาดเล็ก   พระมหาราชครู หรือพระโหราธิบดีคงจะรู้ด้วยวิชาโหร ว่า “ศรี”ลูกของตนจะอายุสั้นด้วยอาญาแผ่นดิน จึงกราบทูลว่า บุตรของตนยังเป็นเด็ก จะทำผิดด้วยไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ จึงขอพระกรุณาพระราชทานอภัยโทษ แม้วาจะมีผิดถึงตาย ก็ขอให้ยกโทษประหารเป็นเนรเทศแทน ก็ทรงพระกรูราพรราชทานโทษประหารแก่พระมหาราชครู ศรีปราชญ์จึงได้เป็นมหาดเล็กในพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์ฯ แต่นั้นมา
.
          ในการทรงพระอักษร หรือในโอกาสโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารแต่งบทประพันธ์ถวาย ก็มีพระราชดำรัสให้ศรีปราชญ์อยู่ด้วยทุกครั้ง ทำให้ชื่อเสียงของศรีปราชญ์แพร่ออกไปโดยเร็ว
.
          ความหนุ่มแก่วัยและความจัดจ้านในคารมของศรีปราชญ์ คงจะได้เป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนทั้งในวัง และนอกวัง
.
          ในครั้งหนึ่งในราชสำนัก มีกวีสำคัญคือ  “เจ้าเชียงใหม่”  สันนิษฐานว่าอยู่ในฐานะตัวจำนำ  ศรีปราชญ์ได้โต้ฝีปากกับกวีผู้นี้อยู่เสมอ การโต้ตอบหรือประกวดกัน ศรีปราชญ์มักจะเป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ
.
          มีอยู่ครั้งหนึ่ง  เกิดมีเสียงอึกทึกครึกโครม        สมเด็จพระนารายณ์ ทรงตรัสถามถึงต้นเหตุของเสียงว่าเป็นด้วยเหตุประการใด ด้วยความเป็นปฏิภาณกวีของศรีปราชญ์ จึงกราบทูลเป็นโคงว่า
.
ครื้นครื้นสนั่นพื้น                       ปฐพี
เสียงตะขาบขับตี                              เร่งร้น
ภูธรภูเรศตี                                        สุรสั่ง     เองแฮ
ร้องสำทับช้างต้น                             เทิดแก้วมาเมือง
.
          ครั้งสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังลพบุรี ในฤดูร้อน เสด็จประพาส “ป่าแก้ว” โปรดให้ข้าราชบริพารแต่งโคลงที่มีความหมายแสดงถึงความรักประกวดกัน
.
  คู่แข่งคนสำคัญของศรีปราชญ์คือพระเยาวราชแห่งเชียงใหม่ โดยพระเยาวราชขึ้นบทก่อนว่า
.
ครืนครืนใช่ฟ้ร้อง                     เรียมครวญ
หึ่งหึ่งใช่ลมหวน                               พีไหม้
ฝนตกใช่ฝนนวล                              พี่ทอด     ใจนา
ร้อนใช่ร้อนไฟไหม้                          พีร้อนรนกาม
.
เป็นการแสดงความคิดแบบกวี  ศรีปราชญ ก็โต้กลับโดยทวนคำคร่ำครวญว่า
.
เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม                ถึงพรหม
พาหมู่สัตว์ตกจม                             จ่อมม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเป็นตม                    ทบท่าว    ลงแฮ
.
                   สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงขัดขึ้นว่า  ศรีปราชญืร้องไห้มากมาย จนน้ำท่วมถึงพรหมโลก ชั้น ๑๕ เขาพระสุมรุซึ่งเป็นหลักของโลกพังทลายหมดแล้ว     จะอยู๋อย่างไร
.
ศรีปราชญ์ก็แก้ด้วยปฏิภาณ และความรู้ด้านวรรณคดีว่า
.
หากอักนิฐพรหมฉ้วย                       พี่ไว้จึ่งคง
.
สมเด็จพระนารายณ์ฯ โปรดมาก  จึงตรัสว่า
.
“ศรีเอ๋ยเจ้าจงเป็นศรีปราชญ์เถิด”  พรอมกับพระราชทานพระธำรงให้ ๑ วง
.
          ข่าวที่ได้รับแต่งตั้งเป็น “ศรีปราชญ์” และได้รับพระราชทานแหวน คงเป็นที่เลื่องลือทั้งในวัง นอกวัง    โดยเฉพาะพระเจ้าเชียงใหม่ เห็นว่าชื่อไม่เหมาะสมกับรูป กล่าวตอบโต้เป็นโคลงกันว่า
.
พระเจ้าเชียงใหม่    :  ศรีเอยพระเจ้าฮื่อ   ปางใด
ศรีปราชญ์          :  ฮื่อเมื่อเสด็จไป      ป่าแก้ว
พระเจ้าเชียงใหม่    :  รัวลีบ่สดใส          สักหยาด
ศรีปราชญ์           :   ดำแต่นอกในแผ้ว     ผ่องเนื้อนพคุณ
.
          นับเป็นการแก้ได้อย่างงดงาม ทำนองยกย่องตนเองว่า ถึงจะรูปชั่วตัวดำ แต่จิตใจประดุจทองเนื้อเก้า  สำนวนนี้ยังทันสมัยใช้กันมาจนทุกวันนี้        แม้เวลาจะผ่านมากว่า  ๓๐๐  ปี
.
          ชื่อเสียงของศรีปราชญ์คงโด่งดังไปทั่ว แม้กระทั่งนายประตูก็ทักศรีปราชญ์ว่า
.
นายประตู            :  แหวนนี้ท่านได้แต่    ใดมา
ศรีปราชญ์           :  เจ้าพิภพโลกา         ท่านให้
นายประตู            :  ทำชอบสิ่งใดนา      วานบอก
ศรีปราชญ์           :  เราแต่กลอนถวายไท้   ท่านให้รางวัล
.
          ความหนุ่มคะนอง ความจัดจ้านทางคารม ความทนงตนว่าเป็นเลิศทาการประพันธ์  ปฏภาณดี  ความรู้ดี  แต่ขาดสติ ทำให้ศรีปราชญ์ ต้องรับชะตากรรมอันหลกเลี่ยงมิได้
.   
คืนวันลอยกระทง ศรีปราชญ์กล่าวชมกระทงของท้าวศรีจุฬาลักษณ์ว่า
.
มลักเห็นใบจากเจ้า                  นิรมิต
เป็นสำเภาไพจิตร                             แปดโล้
จักลงระวางวิด                               จวนแก่    อกเอย
แม้หนุ่มวันนั้นโอ้                              พี่เลี้ยงโดยสาร
.
          “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์” ตำแหน่งสนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นธิดาเจ้าแม่วัดดุสิต หรือ กรมพระเทพามาตร พระนมของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงสมรสกับหม่อมเจ้าเจิดอำไพ มีบุตร ๓ คน  คือ
.
๑. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) แม่ทัพใหญ่สมัยพระนารายณ์ฯ
.
๒. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชทูตในสมัยพระนารายณ์ฯ
.
๓. ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสมนเอกของพระนารายณ์ฯ
.
ตระกูลนี้สืบทอดมาจากพระยารามขุนนางมอญที่อพยพมาไทยในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ มีบุตรหลานรับราชการสืบทอดกันมาจน ถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ซึ่งตระกูลดังกล่าวเป็นต้นตระกูลของ “ราชวงศ์จักรี”(สายเจ้าพระยาโกษาธิบดี – ปาน)
.
          “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์”พระสนมเอก นัยว่าอายุแก่กว่าสมเด็จพระนารายณ์ฯ เมื่อศรีปราชญ์ไปจี้จุดอ่อนเข้า จึงกล่าวโต้ตอบเชิงดูถูกศรีปราชญ์ว่า
.
หะหายกระต่ายเต้น                 ชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมัน                              ต่ำต้อย
นกยูงหากกระสัน                            ถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อย                            ต่ำต้อยเดรัจฉาน
.
          ด้วยนิสัยของศรีปราชญ์ไม่ยอมแพ้ใครอยู่แล้ว มิได้คิดว่าอะไรควรมิควร จึงกล่าวโต้ตอบกลับไปทำนองว่า
.
หะหายกระต่ายเต้น                 ขมแข
สูงส่งสุดตาแล                                 สู่ฟ้า
ฤดูฤดีแด                                         สัตว์สู่    กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้า                              อยู่พื้นเดียวกัน
.
          พระสนมโกรธนำความไปกราบทูลสมเด็จพระนารายณ์ฯ ที่ศรีปราชญ์บังอาจกล่าวเกี้ยวประมาทพระสนม ทรงพิจารณาว่า
.
แม้จะไม่เกี่ยวข้องต้องโทษในส่วนพระองค์ ก็ต้องลงโทษตามกฎมณเฑียรบาล  จึงโปรดให้ศรีปราชญ์ไปทำงานหนัก ขนเลนในพระราชวังถ่ายโทษ  ขณะขนเลนอยู่ บังเอิญพระสนมเดินผ่านไป หรือเจตนาจะไปเยาะเย้ยก็ได้ เรื่องจึงเกิดขึ้นอีกตามเคย  จนต้องโทษหนักเป็นครั้งที่สอง และกระทำผิดในพระราชวัง มีโทษถึงประหารชีวิต แต่โทษประหารได้ยกให้ ตามที่พระมหาราชครูผู้เป็นบิดาได้ขอไว้  จึงให้เนรเทศไปฝากไว้กับพระยานครศรีธรรมราชเป็นการชั่วคราว
.
          ศรีปราชญ์ขณะนั้นเป็นหนุ่มเต็มตัว ประกอบกับพระยานครฯ กำลังฟื้นฟูด้านกวีอยู่ทางปักษ์ใต้  ศรีปราชญ์จึงได้ใกล้ชิดกับพระยานครฯ  ในฐานะกวีเอกจากกรุงศรีอยุธยา  ในประวัติกล่าวว่าศรีปราชญ์ได้ไปติดต่อเชิงชู้สาวกับนางในของพระยานครฯ  พระยานครฯ จึงพาลหาเหตุจับศรีปราชญ์ประหารชีวิตเสีย  ก่อนประหาร ศรีปราชญ์ได้แต่โคลงไว้บทหนึ่งว่า
.
ธรณีนี่นี้                    เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์                 หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร                 เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง                  ดาบนี้คืนสนอง
.
ตำราหลายฉบับเขียนว่า ศรีปราชญ์ใช้เท้าเขียนไว้บนพื้นทราย ก่อนทีเพชฌฆาตจะลงดาบ เป็นการแช่งพระยานครฯ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้    เพราะนักโทษประหารจะต้องถูกพันธนาการอย่างหนาแน่น จะเอาเท้อเขียนได้อย่างไร
.
          เมื่อขาดศรีปราชญ์ การกวีในราชสำนักคงเงียบเหงาไป จึงสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงโปรดให้เรียกตัวกลับ ครั้นทรงทราบว่าพระนครฯ ได้ประหารศรีปราชญ์เสียแล้ว ก็ทรงพระพิโรธ จึงให้ประหารชีวิตพระยานครฯ ในที่สุด
.
          บทนิพนธ์ของศรีปราชญ์
.
๑. อนิรุทธคำฉันท์  สร้างขึ้นเพราะบิดาประมาทว่า แต่ดีแต่โคลง ศรีปราชญ์จึงมุมานะจนสำเร็จ
.
๒. กำศรวลศรีปราชญ์ แต่งขณะที่เดินทางไปนครศรีธรรมราช ตามพระราชอาญา
.
๓. โคลงบทอื่นๆ เช่น
.
เจ้าอย่าย้ายคิ้วให้                   เรียมเหงา
ดูดุจนายพรานเขา                         ล่อเนื้อ
จะยิงก็ยิงเอา                                  อกพี่   ราแม่
เจ็บไป่ปานเจ้าเงื้อ                          เงือดแล้วราถอย
.
โคลงกระทู้ที่ไม่มีความหมาย เช่น
.
โก    มลเดียรดาษพื้น              สินธู
วา     ลุกาประดับดู                          ดั่งแก้ว
ปา    รังระบัดปู                                ปุยนุ่น    เปรียบฤๅ
เปิด    จอกกระจับแผ้ว                    ผ่องน้ำเห็นปลา
.
.
ทะ  เลแม่ว่าห้วย                       เรียมฟัง
ลุ่ม   ว่าดอนเรียมหวัง                     ว่าด้วย
ปุ่ม   เปลือกว่าปะการัง                    เรียมร่วม   คำแม่
ปู     ว่าหอยแม้กล้วย                       ว่ากล้ายเรียมตาม
.
รองศาสตราจารย์ ไกนุช  ศิริพูน  คำขอบคุณทุกท่านที่อ่านและนำออกเผยแพร่  ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
.
*    อ่านเถิดอ่านนะแหม้             อย่าแคลน
อ่านเพิ่มอ่านพูนแสน               สิริล้ำ
อ่านนิดอ่านหน่อยแค่น             อ่านก็    ดีเฮย
อ่านอ่านยิ่งอ่านซ้ำ                  ซาบซึ้งทรวงเกษม*
.
*ชวลิต  ผู้ภักดี ประพันธ์
.
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2023, 01:05:56 pm »

.
.
วงการพระเครื่องของเมืองไทย มักจะเรียกพลังของพระพิมพ์ หรือ เครื่องรางต่างๆ ว่า พุทธคุณ
คำว่า พุทธคุณ  ในความหมายของภาษาไทย คือ พระคุณของพระพุทธเจ้า ที่ผมได้นำมาลงให้อ่านกันด้านล่าง
.
แต่ส่วนตัวผม เรียกพลังของพระพิมพ์ หรือ เครื่องรางต่างๆ ว่า อิทธิคุณ
โดยเรียกตามที่ผมได้รับคำสอนมาจาก ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร
และ พยายามใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ครับ
.
บทความ #เรื่องของคุณ ผมเคยขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร (ตั้งแต่ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่)
ขอนำบทความฯไปลงในกระทู้  พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....  ในเว็บพลังจิต ซึ่งท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ได้อนุญาตไว้เรียบร้อยแล้ว
และ ผมเคยขออนุญาตจากพี่จิ๋ว (บุตรชายท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้ถือลิขสิทธิ์คนปัจจุบัน) ขอนำมาลงใน เพจ.หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า และ ในเพจ.ส่วนตัวของผม และ พี่จิ๋วได้อนุญาตไว้เรียบร้อยแล้ว
.
ขอกราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร และ พี่จิ๋ว ไว้ ณ โอกาสนี้ ครับ
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=273521125376577&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.*************************************.
.

พุทธคุณ
.
ที่มา เว็บไซด์ 84000
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
.
.
[303] พุทธคุณ 9 (คุณของพระพุทธเจ้า — virtues or attributes of the Buddha)
.
       อิติปิ โส ภควา (แม้เพราะอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น — thus indeed is he, the Blessed One,)
.
       1. อรหํ (เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส ทำลายกำแห่งสังสารจักรได้แล้ว เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นต้น — holy; worthy; accomplished)
.
       2. สมฺมาสมฺพุทฺโธ (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง — fully self-enlightened)
.
       3. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ — perfect in knowledge and conduct)
.
       4. สุคโต (เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองก็ได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา — well-gone; well-farer; sublime)
.
       5. โลกวิทู (เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตวโลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้ — knower of the worlds)
.
       6. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ (เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า — the incomparable leader of men to be tamed)
.
       7. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ (เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย — the teacher of gods and men)
.
       8. พุทฺโธ (เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว คือ ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ถือกันมาผิดๆ ด้วย ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่ง เพราะไม่ติด ไม่หลง ไม่ห่วงกังวลในสิ่งใดๆ มีการคำนึงประโยชน์ส่วนตน เป็นต้น จึงมีพระทัยเบิกบาน บำเพ็ญพุทธกิจได้ถูกต้องบริบูรณ์ โดยถือธรรมเป็นประมาณ การที่ทรงพระคุณสมบูรณ์เช่นนี้ และทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้เรียบร้อยบริบูรณ์เช่นนี้ ย่อมอาศัยเหตุคือความเป็นผู้ตื่นและย่อมให้เกิดผลคือทำให้ทรงเบิกบานด้วย — awakened)
.
       9. ภควา (ทรงเป็นผู้มีโชค คือ จะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ หรือ เป็นผู้จำแนกแจกธรรม — blessed; analyst)
.
       พุทธคุณ 9 นี้ เรียกอีกอย่างว่า นวารหาทิคุณ (คุณของพระพุทธเจ้า 9 ประการ มีอรหํ เป็นต้น) บางทีเลือนมาเป็น นวรหคุณ หรือ นวารหคุณ แปลว่า คุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ 9 ประการ
.
M.I.37;
A.III.285.
ม.มู. 12/95/67
องฺ.ฉกฺก. 22/281/317.
.
.
.
[304] พุทธคุณ 2 (virtues, qualities or attributes of the Buddha)
.
       1. อัตตหิตสมบัติ (ความถึงแห่งประโยชน์ตน, ทรงบำเพ็ญประโยชน์ส่วนพระองค์เอง เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว — to have achieved one’s own good; accomplishment of one’s own welfare) พระคุณข้อนี้มุ่งเอาพระปัญญาเป็นหลัก เพราะเป็นเครื่องให้สำเร็จพุทธภาวะ คือ ความเป็นพระพุทธเจ้า และความเป็นอัตตนาถะ คือ พึ่งตนเองได้
.
       2. ปรหิตปฏิบัติ (การปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น, ทรงบำเพ็ญพุทธจริยาเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น — practice for the good or welfare of others) พระคุณข้อนี้มุ่งเอาพระกรุณาเป็นหลัก เพราะเป็นเครื่องให้สำเร็จพุทธกิจ คือ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า และความเป็นโลกนาถ คือ เป็นที่พึ่งของชาวโลกได้
.
       พุทธคุณ 9 ในข้อก่อน [303] ย่อลงแล้วเป็น 2 อย่างดังแสดงมานี้ คือ
ข้อ 1-2-3-5 เป็นส่วนอัตตหิตสมบัติ
 ข้อ 6-7 เป็นส่วนของปรหิตปฏิบัติ
ข้อ 4-8-9 เป็นทั้งอัตตหิตสมบัติ และปรหิตปฏิบัติ
.
DAT.I.8
 วิสุทธิ.ฎีกา. 1/258/381; 246/338
.
.
.
[305] พุทธคุณ 3 (virtues, qualities or attributes of the Buddha)
.
       1. ปัญญาคุณ (พระคุณคือพระปัญญา — wisdom)
       2. วิสุทธิคุณ (พระคุณคือความบริสุทธิ์ — purity)
       3. กรุณาคุณ (พระคุณคือพระมหากรุณา — compassion)
.
       ในพระคุณ 3 นี้ ข้อที่เป็นหลักและกล่าวถึงทั่วไปในคัมภีร์ต่างๆ มี 2 คือ ปัญญา และกรุณา
ส่วนวิสุทธิ เป็นพระคุณเนื่องอยู่ในพระปัญญาอยู่แล้ว เพราะเป็นผลเกิดเองจากการตรัสรู้
คัมภีร์ทั้งหลายจึงไม่แยกไว้เป็นข้อหนึ่งต่างหาก
.
นัย. วิสุทธิ.
ฎีกา 1/1.
.
.*************************************.
.
พุทธคุณ หมายถึง/ความหมาย
โดย อ.เปลื้อง ณ.นคร
ที่มา online-english-thai-dictionary
.
พุทธคุณ เป็น คำนาม
คุณของพระพุทธเจ้า ๓ ประการ คือ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณ,
คำว่า คุณ มี ๒ ความหมาย คือ คุณความดี หมายถึงความดีของท่าน
กับคุณประโยชน์ หมายถึงอุปการะที่ท่านมีต่อเรา,
.
คำว่า พุทธคุณ ก็อาจหมายถึงทั้ง ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง,
.
ส่วนความดีของพระพุทธเจ้า นั้นมี ๙ ประการ เรียกว่า พระพุทธคุณ ๙ หรือนวหรคุณ คือ ๑. อรหัง เป็นผู้สิ้นกิเลส ไม่มีความคิดร้ายใดๆ ในพระทัยเลย ๒. สัมมาสัมพุทโธ เป็นผู้ตรัสรู้ธรรมอย่างถูกต้องด้วยพระองค์เอง ๓. วิชชาจรณสัมปันโน ทรงพร้อมด้วยความรู้พิเศษ ๘ ประการ
.
ทั้งมีความประพฤติดีครบ ๑๕ อย่าง ๔. สุคโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือเสด็จไปยังแห่งใดก็มีแต่ทรงทำสิริมงคลแก่มหาชนไม่เบียดเบียนใคร ๕. โลกวิทู ทรงรู้แจ้งโลก คือ
ทรงรู้จักโลกเป็นอย่างดี ๖. อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ
ทรงสามารถฝึกอบรมคนที่ควรฝึกได้ดีเยี่ยม ๗. สัตถา เทวมนุสสานัง
ทรงเป็นครูทั้งมนุษย์และเทวดา ๘. พุทโธ เป็นผู้เบิกบานแล้ว
ทรงถึงซึ่งความสุขสุดยอดแล้ว ไม่มีทุกข์ ๙. ภควา
ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมคือทรงสามารถอย่างยอดเยี่ยมในการหยิบยื่นธรรมให้แก่บุคคลต่างเพศ ต่างวัย และต่างนิสัยใจคอ.
.
.*************************************.
.

คำนามคืออะไรและชนิดของ คำนาม?
ที่มา twinkl
.
.
คำนาม คือ คำชนิดหนึ่งในไวยากรณ์ภาษาไทย ใช้สำหรับเรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ สภาวะ และลักษณะต่าง ๆ
โดยสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท สามานยนาม (คำนามไม่ชี้เฉพาะ) วิสามานยนาม (คำนามเฉพาะ) สมุหนาม (คำนามรวมหมู่) ลักษณนาม และอาการนาม (แสดงอาการ) เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามได้ในบทความนี้
.
สรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคำนาม

    คำนามคืออะไร? คำนาม หมายถึง คำที่ทำหน้าที่เพื่อเรียกคน สัตว์ สิ่งของ สภาพ อาการ และลักษณะต่าง ๆ
    คํานามมีกี่ชนิด? คำนามสามารถแบ่งได้เป็น 5 ชนิด ได้แก่ สามานยนาม (คำนามทั่วไป), วิสามานยนาม (คำนามเฉพาะ), สมุหนาม (บอกหมวดหมู่), ลักษณนาม (บอกลักษณะหลังจำนวน) และอาการนาม (บอกอาการ)
    การบอกว่าคำนามเป็นคำนามชนิดไหนนั้นต้องอาศัยบริบทและการดูใจความในประโยคที่กำหนดเป็นสำคัญ

.
คำนามคืออะไร
คำนาม คือ คำชนิดหนึ่งในไวยากรณ์ในภาษาไทย ที่ใช้สำหรับเรียกคน สัตว์ สิ่งของ สภาพ อาการ และลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม โดยสามารถแบ่งได้เป็น 5 ชนิด สามานยนาม วิสามานยนาม สมุหนาม ลักษณนาม และอาการนาม
.
ชนิดของคำนามมีอะไรบ้าง
ชนิดของคำนามอาจแบ่งได้เป็น 5 ชนิด ได้แก่

    สามานยนาม (คำนามไม่ชี้เฉพาะ)
    วิสามานยนาม (คำนามเฉพาะ)
    สมุหนาม (คำนามรวมหมู่)
    ลักษณนาม (คำนามบอกลักษณะ)
    อาการนาม (คำนามแสดงอาการ)

สามานยนาม
.
สามานยนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ และสิ่งของ หรือคำเรียกสิ่งต่าง ๆ โดยทั่วไป แบบไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรืออาจเรียกว่า คำนามสามัญ/คำนามทั่วไป
.
ทั้งนี้ สามานยนามบางคำมีคำย่อยเพื่อบอกชนิดย่อย ๆ เรียกว่า สามานยนามย่อย เพื่อบอกชื่อที่แคบลง เช่น คนญี่ปุ่น รถจักรยาน หนังสือเรียน
.
ตัวอย่างคำสามานยนาม เช่น ครู นักเรียน พ่อ แม่ แมว ปลา ดินสอ โรงเรียน สมุด ประเทศ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
.

    นักเรียนไปโรงเรียนทุกวัน
    พ่อและแม่ไปตลาด
    น้องซื้อดินสอและสมุดเล่มใหม่

.
วิสามานยนาม
.
วิสามานยนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ตั้งขึ้นสำหรับเรียกคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ เพื่อให้รู้ชัดเจนว่าเป็นใครหรืออะไร หรืออาจเรียกว่า คำนามเฉพาะ เช่น ชื่อคน ชื่อสัตว์ ชื่อสถานที่ เป็นต้น
.
ตัวอย่างวิสามานยนาม เช่น กรุงเทพมหานคร อังกฤษ สุนทรภู่ วันเสาร์ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ
.

    พ่อของเธอทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข
    แก้วจะไปเที่ยววันเสาร์นี้
    ยายแดงเกิดที่จังหวัดเชียงราย

.
สมุหนาม
.
สมุหนาม คือ คำนามรวมหมู่ ที่บอกลักษณะของคน สัตว์ และสิ่งของที่รวมกันอยู่เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นพวก โดยจะต้องทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม หรือส่วนขยายของประโยค ดูตัวอย่างเพิ่มเติมได้ในหัวข้อข้อแนะนำการระบุชนิดของคำนามด้านล่าง
.
ตัวอย่างสมุหนาม เช่น หมู่ คณะ ฝูง พวก โขลง กอง บริษัท ฯลฯ
.

    กองทหารเตรียมตัวออกรบ
    รัฐบาลไทยส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม
    ฝูงนกกำลังบินกลับรัง

.
ลักษณนาม
.
ลักษณนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่บอกลักษณะของคน สัตว์ และสิ่งของที่รวมกันอยู่เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นพวกเพื่อให้แสดงลักษณะ ขนาด หรือการประมาณของนามนั้น ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
.
ข้อสังเกต: คำสะกดที่ถูกต้อง คือ ลักษณนาม โดยมักมีการสะกดผิดเป็น ลักษณะนาม
.
ตัวอย่างลักษณนาม เช่น เล่ม ลำ ตัว ฝูง สาย ต้น สาย คัน ฟอง ลูก ใบ ฯลฯ
.

    ประเทศไทยมีแม่น้ำที่สำคัญหลายสาย
    แม่ซื้อไข่มา 6 ฟอง
    หน้าบ้านของเขามีต้นไม้ 2 ต้น

.
อาการนาม
.
อาการนาม คือ คำนามที่บอกกิริยาอาการหรือสภาวะต่าง ๆ ของคน สัตว์ และสิ่งของ ซึ่งมักจะมีคำ "ความ" หรือ "การ" นำหน้าคำกริยาหรือคำวิเศษณ์
.
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า คำว่า "ความ" และ "การ" ที่นำหน้าคำประเภทอื่นนอกจากคำกริยาและคำวิเศษณ์ ไม่นับว่าเป็นอาการนาม เช่น การบ้าน ความแพ่ง การไฟฟ้า เป็นต้น
.
ตัวอย่างอาการนาม เช่น การเรียน การเดิน การสอน การกิน การเล่น การนอน ความรัก ความสวย ความคิด ความรวย ความจน ฯลฯ
.

    เราควรทำความดีอย่างสม่ำเสมอ
    การเรียนเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
    การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

.
หน้าที่ของคำนาม
.
คำนามมีหน้าที่ในประโยคได้หลากหลายดังต่อไปนี้
.

    ทำหน้าที่เป็นประธาน เช่น นักเรียนไปโรงเรียน
    ทำหน้าที่เป็นกรรม เช่น ฉันกินข้าว
    ใช้บอกรายละเอียด เช่น สถานที่ เวลา ทิศทาง หรือเพิ่มความชัดเจน เช่น นักเรียนไปโรงเรียน เราจะไปเที่ยวเชียงใหม่วันเสาร์นี้
    ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้คำนามที่ถูกขยายชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น แม่ของเขาเป็นข้าราชการครู
    ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มประโยค เช่น สมศรีเป็นพยาบาล
    ใช้แทนคำเรียกขาน เช่น แม่จ๋า ช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อย

.
ข้อแนะนำการระบุชนิดของคำนาม
.
การระบุว่าคำนามเป็นคำนามชนิดไหนนั้น ต้องอาศัยบริบทและการดูใจความในประโยคที่กำหนดเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพราะคำหนึ่ง ๆ อาจทำหน้าที่แตกต่างกันไปในประโยคต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
.

    คุณพ่อปลูกต้นไม้ 3 ต้นที่หน้าบ้าน (ต้น ในประโยคนี้เป็นลักษณนาม)
    ต้นเพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียน (ต้น ในประโยคนี้เป็นวิสามานยนาม)
    ฝูงปลากำลังแหวกว่ายในแม่น้ำ (ฝูง ในประโยคนี้เป็นสมุหนาม)
    นกหลายฝูงกำลังย้ายถิ่นไปยังประเทศเขตร้อน (ฝูง ในประโยคนี้เป็นลักษณนาม)
    โขลงช้างเดินอยู่ในป่าใหญ่ (โขลง ในประโยคนี้เป็นสมุหนาม)
    ช้างโขลงหนึ่งเดินอยู่ในป่าใหญ่ (โขลง ในประโยคนี้เป็นลักษณนาม)
    สมชายเป็นครูสอนที่โรงเรียน (โรงเรียน ในประโยคนี้เป็นสามานยนาม)
    โรงเรียนออกใบรับรองให้นักเรียนที่จบการศึกษา (โรงเรียน ในประโยคนี้เป็นสมุหนาม)

.
.
.
.
.
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#อาจารย์ประถมอาจสาคร
#ประถมอาจสาคร
#ปู่เล่าให้ฟัง
#หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
.
.
รูปและบทความเรื่องของคุณ สงวนลิขสิทธิ์
.
.
.






.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#อาจารย์ประถมอาจสาคร
#ประถมอาจสาคร
#ปู่เล่าให้ฟัง
#หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
รูปและบทความเรื่องของคุณ สงวนลิขสิทธิ์
.